บทนำ

1644 Words
ใครจะไปคิดว่าอยู่ดีๆ ผู้ชายที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบอย่างเขาจะถูกกระทำย่ำยีความรู้สึกและจิตใจเป็นครั้งที่สาม! มันอาจจะไม่ใช่ครั้งที่สามก็ได้ ถ้าหากเขาเป็นคนจุกจิกหยุมหยิม นับการกระทำของอดีตคู่หมั้นที่เคยไปเกาะแกะกับชายอื่นจนเขาจับไม่ได้นั้นรวมไปด้วย ไอ้ที่นับเป็นครั้งที่สามน่ะ มันคือจำนวนครั้งที่เขาจับได้ต่างหาก ที่ตลกร้ายสุดๆ ก็คือการที่เขาดันมาจับได้ว่าเธอไปนอนกับผู้ชายคนอื่นก่อนวันหมั้นเพียงวันเดียว ตลกร้ายยิ่งกว่าเมื่อคนที่หญิงสาวนอกใจไปหาเป็นคนไม่ใกล้ไม่ไกล เป็นเพื่อนสนิทที่ร่ำเรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกันของเธอ อีกทั้งยังเป็นหุ้นส่วนธุรกิจเสริมความงามด้วยกันกับเธอที่เขาไว้ใจนักหนาว่าคงจะไม่ได้คิดอะไรเพราะเห็นว่าเธอเองก็มีเพื่อนผู้ชายในกลุ่มแก๊งอยู่หลายคน และส่วนมากก็แต่งงานมีครอบครัว มีลูกกันไปหมดแล้ว รวมถึงผู้ชายคนนั้นด้วย พระเจ้าคงจะไม่รักเขาสักเท่าไรนัก เพราะพระเจ้าเล่นจับเขามาเผชิญหน้ากับความจริงชนิดที่เรียกว่าคาหนังคาเขา เห็นจะๆ เต็มสองตา บนเตียงของเขา…ในคอนโดของเขา เป็นแบบนี้ แล้วจะให้เขาแสร้งทำเป็นไม่เห็น เป็นผู้ชายโง่งม แล้วยอมเข้าพิธีหมั้นกับเธอในวันพรุ่งนี้อย่างนั้นหรือ!? ไม่มีทางเสียหรอก เตมินทร์คิดว่าตนเองก็ไม่ใช่สิ้นไร้ไม้ตอก ถ้าเขายังโสดก็รับรองได้เลยว่ามีผู้หญิงมากหน้าหลายตาพร้อมที่จะรับตำแหน่ง ‘แฟน’ ของเขาโดยง่ายถ้าหากเขาตั้งใจที่จะมีใหม่สักหน่อย แต่ใครมันจะไปทำใจได้ ผู้หญิงคนนั้น เขาคบมาตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาโทที่อังกฤษด้วยกัน กลับมาไทยก็มาใช้ชีวิตด้วยกัน อีกทั้งครอบครัวของเขาและของเธอก็รู้จักสนิทสนมกันในวงการนักธุรกิจเสริมความงาม ผูกพันกันขนาดนี้ จะให้ลืมโดยง่ายก็คงเป็นเรื่องที่บีบบังคับหัวใจกันเกินไป แต่ไอ้เรื่องตัดใจน่ะ เขาตัดใจได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นภาพนั้นเลยล่ะ แน่นอนว่าหลังจากที่เขาเทงานหมั้นไป เธอต้องตามง้อเขาอยู่แล้ว เหตุผลก็มีไม่มากนักหรอก …ผลประโยชน์ล้วนๆ เขาคบกับเธอนานพอที่จะรู้นิสัยเธอดี อันที่จริงนอกจากเรื่องนอกใจแล้ว เขากับเธอก็มีปัญหาเรื่องอื่นกัน คาราคาซัง แก้ไม่ได้สักที โดยเฉพาะเรื่องการจับจ่ายใช้สอยเงินเกินตัวของหญิงสาวที่เขาคอยตักเตือนอยู่เสมอ จนเป็นเหตุให้ต้องทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง พร้อมกับคำบริภาษจากเธอว่าเขามีเงินเป็นถุงเป็นถัง ร้อยล้านพันล้าน แต่กลับงกที่จะซื้อข้าวของเครื่องใช้แบรนด์เนมราคาไม่กี่แสนให้เธอ แต่เอาเถอะ เรื่องมันก็จบลงแล้ว และเขาก็ไม่คิดที่จะกลับไปอธิบายอะไรให้กับคนเห็นแก่ตัวอย่างนั้นฟังอีกแล้ว ไม่คิดที่จะอธิบายสิ่งใดให้กับครอบครัวทั้งสองฟังด้วย เพราะถ้าไปพูดแล้วล่ะก็ มีหวังพวกผู้ใหญ่คงจะเกลี้ยกล่อมให้เขาใจเย็น ขอให้เขาอภัยให้เธอ แล้วเข้าพิธีหมั้นอีกครั้งเพื่อรักษาหน้าตาและเกียรติยศของวงศ์ตระกูลเอาไว้ มันใช่เรื่องที่เขาจะต้องเอาชีวิตทั้งชีวิตไปจมปลักกับคนแบบนี้หรือ!? เป็นทุกข์เท่านี้ก็มากเพียงพอแล้ว และเพื่อความสงบสุขของชีวิต เขาตัดสินใจที่จะติดต่อเพื่อนสนิทสมัยมัธยม บอกเล่าเรื่องราวให้ฟังว่าไปประสบพบเจอกับเรื่องอะไรมา ‘มึงเจอเรื่องมาเยอะขนาดนี้เลยหรอวะ กูก็คิดว่าแค่เป็นเรื่องทะเลาะกันเล็กๆ น้อยๆ’ ‘เรื่องนอกใจไม่ใช่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ นะเว้ย แล้วนี่กูยังมาเจอบัวอยู่กับผู้ชายคนอื่นบนเตียงของกูอีก มึงมีครอบครัวแล้ว มึงก็น่าจะเข้าใจว่ากูรู้สึกยังไง’ ‘เออ กูเข้าใจ ว่าแต่มึงอะไหวหรือเปล่าวะ’ ‘กูว่ากูไม่ไหวว่ะ’ ‘งั้นเอางี้ มึงหนีไปพักใจที่บ้านพักตากอากาศของกูเอาไหม แต่มันไกลหน่อยนะ’ ‘กูเกรงใจมึงว่ะ’ ‘ไม่ต้องเกรงใจ พอดีกูจะไปทำงานเมืองนอกเป็นเดือนอยู่ เอาลูกเอาเมียไปด้วย ไม่มีใครเข้าไปดูแล เผื่อจะได้ฝากมึงดูแลแทน’ ‘แต่...’ ‘ตกลงตามนี้นะ มาเอากุญแจที่บ้านกูได้เลย’ สรุปรวดรัดเองเสร็จสรรพ เตมินทร์จะไปขัดอะไรได้ ยิ่งตอนนี้เขาไม่มีที่ไป จะอยู่ที่บ้านก็ต้องเจอพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ จะไปที่คอนโดก็ต้องเจอผู้หญิงคนนั้น เขาสู้หนีไปอยู่ที่ไกลๆ ไม่ต้องเจอคนรู้จักสักพักจะดีกว่า ‘ตามนั้นก็ได้ แล้วบ้านพักตากอากาศของมึงอยู่ที่ไหนวะ’ ‘พะเยา แล้วกูก็มีเรื่องสำคัญจะบอกอีกอย่างนึง’ ‘อะไรวะ’ ‘สาวพะเยางามแต๊งามว่านะเว้ย’ พูดพลางกลั้วหัวเราะ ชวนให้เตมินทร์ขบขันกับการล้อเล่นของเพื่อนสนิทไปด้วย ‘กูจะไม่ไปเพราะอย่างนี้แหละ เข็ดแล้วกับผู้หญิง กูไม่เอาแล้วว่ะ’ เตมินทร์รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ หากเป็นไปได้ เขาก็ไม่ขอมีความผูกพันหรือมีความรักกับใครอื่น บาดแผลที่เกิดขึ้นในใจเขาครั้งนี้ มันสร้างความเครียด กดดัน และชวนสุขภาพจิตเสียสุดๆ ‘งั้นก็แล้วแต่มึงเลย แวะมาเอากุญแจที่บ้านกูก็แล้วกัน แล้วเจอกันเพื่อน’ เพราะเหตุนั้น เขาจึงมาปรากฏตัวที่อาณาเขตภาคเหนือ ใช้เวลาขับรถเก๋งคันเก่งร่วมสิบกว่าชั่วโมงคนเดียว แวะพักไปตามทาง กว่าจะมาถึงยังเมืองพะเยาในตอนดึก บรรยากาศภายในตัวเมืองเล็กๆ ที่ไม่ได้คราคร่ำไปด้วยผู้คนสักเท่าไรนักควรให้เตมินทร์ผ่อนคลายอยู่ไม่น้อย อีกทั้งยังเบาใจว่าคงจะไม่ได้เจอคนรู้จักในจังหวัดนี้หรอก ถ้าได้เจอ โลกก็คงจะกลมเกินไปแล้ว แต่เขามั่นใจเหลือเกินว่าไม่ได้เจอแน่ๆ ยิ่งเขามาโดยไม่บอกใคร อยู่ดีๆ ก็หายตัวไปเฉยๆ เขาคงจะมีโอกาสได้ใช้เวลาอยู่คนเดียวอีกสักพักใหญ่เลยกว่าที่บ้านจะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน บ้านพักตากอากาศของเพื่อนสนิทอยู่ออกจากตัวเมืองไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เตมินทร์ขับรถมาตามโลเคชั่นที่เจ้าของบ้านได้ส่งเอาไว้ให้ แต่ด้วยความมืดที่ไร้แสงไฟจากถนนทั้งสองข้างทาง และป่าหญ้ารกชัฏที่ขึ้นสลับตัดกับปูนคอนกรีต ทำให้เขามองเห็นวิสัยทัศน์ได้ไม่ดีนัก “อยู่ตรงไหนกันนะ” พึมพำพลางชะเง้อชะเง้อมองหาบ้านลักษณะตามรูปที่เพื่อนสนิทส่งมาให้ กว่าจะเจอก็เล่นเอาเสียเวลาไปร่วมครึ่งชั่วโมง ถึงพบว่าบ้านพักตากอากาศหลังนั้นอยู่ในท้ายหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง และด้วยความเป็นต่างจังหวัด ทำให้บริเวณนี้ไร้ซึ่งผู้คน มีเพียงไฟที่รั้วและหน้าบ้านของบ้านสองสามหลังเท่านั้นที่เปิดอยู่ ไม่ให้เขารู้สึกวังเวงมากกว่านี้เท่าไร “เอาละ หลังนี้แหละ” ในที่สุดก็เจอที่หมายจนได้ เตมินทร์ลงจากรถมาเปิดรั้วบ้าน จัดการขับเอารถคู่ใจเข้าไปจอดบริเวณที่จอดรถ ก่อนเดินมาปิดประตูรั้ว ล็อคแม่กุญแจเรียบร้อยเสร็จสรรพ อยู่คนเดียวอย่าง ต่อให้เป็นผู้ชายก็ต้องล็อคเอาไว้เพื่อความปลอดภัย เดี๋ยวนี้ขโมยขโจรมันเยอะ ไม่มีอะไรมาการันตีได้หรอกว่าพวกโจรจะไม่กล้าบุกรุกบ้านที่มีผู้ชาย ใครจะว่าเขาเป็นคนขี้ระแวงก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้เขาไม่อยากคิดอะไรอื่น นอกเสียจากอาบน้ำล้างตัว เปิดแอร์เย็นๆ เอาเบียร์ที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อแช่ให้เป็นวุ้นแล้วกินก่อนนอนสักกระป๋อง ก่อนจะเปิดซีรีส์ แล้วนอนดูไปยันเช้า คงจะเป็นการผ่อนคลายที่ดีที่สุดสำหรับวันนี้แล้วล่ะ ส่วนเรื่องของพรุ่งนี้ก็ค่อยว่ากันใหม่ คิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มก็จัดแจงขนสัมภาระเข้าไปในตัวบ้าน พอเห็นสภาพการตกแต่งภายในบ้านที่มีกลิ่นอายของชาวเหนือเจือปนอยู่กับการตกแต่งแบบโมเดิร์นที่ดูเรียบง่ายและมีกิมมิคที่น่าสนใจ เขาก็อดชื่นชมรสนิยมของเพื่อนคนนี้ไม่ได้ว่าช่างหยิบจับเอาของทั้งสองยุคมาผสมรวมกันได้อย่างลงตัวเสียเหลือเกิน “อย่างกับอยู่โรงแรมยังไงอย่างงั้นแหละ” อารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว เตมินทร์ยืนเท้าสะเอว กวาดตามองไปรอบๆ ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้นทำลายความเงียบ ครืด…ครืด… เป็นเสียงโทรศัพท์ของเขาที่สั่นแจ้งเตือนเสียงเรียกเข้าของเบอร์โทรที่เขาคุ้นเคย ตญา… เขาได้แต่รำพันในใจ ไม่คิดแม้แต่จะกดรับหรือตัดสายเลยสักเล็กน้อย กระทั่งมันตัดไปเอง ถึงได้มีแจ้งเตือนข้อความเข้าตามมา TAYA: คุณอยู่ที่ไหนคะ ญาติดต่อคุณไม่ได้เลยรู้ไหม TAYA: ช่วยมาคุยกันก่อนได้ไหม มันเป็นเรื่องสำคัญนะ TAYA: ญารู้ว่าญาทำผิด แต่อย่าทำแบบนี้ได้ไหม ผู้หรับผู้ใหญ่ของคุณพ่อคุณแม่พูดถึงเรื่องนี้กันให้แซ่ด คุณจะปล่อยให้พ่อแม่ของญาเสียหน้าแบบนี้เหรอ TAYA: ไม่ใช่แค่พ่อแม่ของญานะ พ่อแม่ของคุณก็ด้วย TAYA: ขอร้องล่ะค่ะ คุยกับญาหน่อย ญาจะได้รู้ว่าต้องทำยังไงต่อ อยู่ดีๆ คุณมาเทงานหมั้นแบบนี้ ญาเดือดร้อนนะคะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD