ฉันเป็นคนเฟรนด์ลี่จึงไม่ยากเลยที่จะสนิทสนมกับอันดาและเมษาได้อย่างรวดเร็ว ฉันคิดไม่ผิดที่เลือกมาเรียนมหาลัยนี้เลือกเรียนคณะบริหารเพื่อไปสานต่อธุรกิจ
อสังหาริมทรัพย์ของที่บ้าน และโชคดีเป็นสองเท่าได้เป็นเพื่อนกับอันดาและเมษา
"ไม่อยากไปรับน้องเลยน่าเบื่อ" ฉันเงยหน้าขึ้นหลังจากเก็บของใส่กระเป๋าเรียบร้อยและได้ยินเสียงบ่นของเมษาดังขึ้น ฉันมองหน้าเมษานั่งทำหน้าเซ็งๆเก็บของใส่กระเป๋า ใจจริงฉันก็คิดเหมือนเมษานั่นแหละฉันอยากไปดูคณะวิศวะรับน้องมากกว่าเพราะฉันมีเป้าหมายเป็นแก๊งพี่ว๊ากปี 3 แต่ต้องมาติดแหง็กกับการรับน้องที่คณะตัวเอง
"ถึงไม่อยากไปก็ต้องไปรุ่นพี่บอกว่าถ้าใครไม่เข้ารับน้องจะไม่ผ่านกิจกรรม" อันดาพูดย้ำให้ฉันกับเมษาต้องทำใจยอมรับเรื่องนี้ นี่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งทำฉันไม่ค่อยพอใจรุ่นพี่ชอบเอาเรื่องนี้มาข่มขู่รุ่นน้องให้เข้าทำกิจกรรม ฉันจึงแอนตี้การรับน้องและไม่ชอบกลุ่มพี่ว๊ากที่เอาแต่แหกปากเสียงดังตะคอกข่มรุ่นน้อง
"เก็บของเสร็จกันหมดแล้วใช่ไหมงั้นเรารีบไปกันเถอะใกล้ถึงเวลาที่พวกพี่เขานัดคนอื่นๆน่าจะไปกันหมดแล้ว" เมษาเร่งฉันยังนั่งเอื่อยเฉื่อยไม่ยอมลุกจากเก้าอี้ ฉันหันไปมองรอบตัวไม่เหลือใครในห้องมีเพียงฉันกับเพื่อนจึงรีบลุกขึ้น เพราะอันดากับเมษาเดินนำไปก่อน
เสียงเรียกของกลุ่มรุ่นพี่ทำให้ฉันสามคนสับเท้ารีบไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน พวกฉันสามคนนั่งลงและเริ่มคุยถึงเรื่องกิจกรรมรับน้อง ความรู้สึกของฉันเหมือนมีใครกำลังจ้องมองมาที่กลุ่มเรา ฉันจึงเงยหน้าขึ้นเห็นรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งมองมายังอันดาตาแทบไม่กระพริบ แค่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าเป็นพวกรุ่นพี่หน้าหม้อ ฉันรู้สึกไม่ถูกชะตากับรุ่นพี่ผู้ชายคนนี้เอามากๆ เห็นรุ่นน้องสาวๆสวยๆหน่อยไม่ได้มองจนน้ำลายหก
"อันดาแกดูพี่คนนั้นสิมองแกตาแทบไม่กระพริบ" ฉันก้มหน้าลงกระซิบข้างหูบอกอันดา
"ช่างพี่เขาเถอะแกอย่าไปสนใจเลยเดี๋ยวก็โดนลงโทษหรอก ฉันว่าแกตั้งใจฟังพวกพี่เขาบนเวทีพูดดีกว่า" สายตาของอันดาไม่แม้แต่จะมองไปยังพี่คนนั้นแถมยังบอกให้ฉันตั้งใจฟังรุ่นพี่บนเวทีน่าเบื่อจะตาย ฉันยังรู้สึกว่าโดนจับจ้องตลอดเวลา ไอ้รุ่นพี่หน้าหม้อเดี๋ยวเมษาคนนี้จะจัดการให้เพื่อนฉันเอง ฉันหันไปมองพี่คนนั้นอีกครั้งและมันก็จริงอย่างที่ฉันรู้สึกพี่เขายังคงมองอันดาเหมือนเดิม คราวนี้ฉันไม่ยอมรามือนั่งจ้องพี่คนนั้นจนสองสายตาคู่คมของเราปะทะกัน และฉันไม่คิดจะหลบสายตาจ้องให้รู้ไปเลยว่าไม่ชอบการกระทำของพี่เขาอย่างมาก พี่เขาจ้องตอบไม่หลบสายเช่นกัน นัยน์ตาสีดำสนิทสาดแววลุ่มลึกของพี่คนนั้นจ้องมองมายังฉันนิ่งมากจนฉันยังหวาดหวั่นแทบสู้สายตานั้นไม่ไหวถ้าพี่เขาไม่หันไปมองทางอื่นฉันอาจเพลี่ยงพล้ำต่อใบหน้าเรียบนิ่งราวก้อนหินนั้นได้
ถึงแม้พี่เขาจะมีใบหน้าหล่อสะกดตาสาวๆให้หยุดนิ่งที่พี่เขาคนเดียวได้ ในความเป็นจริงพี่เขามีครบทุกอย่างในคนเดียว ความหล่อเหลาใบหน้ามีเสน่ห์ล้ำลึก ความสูงเท่ห์สมาร์ทมีมากจนรุ่นน้องสาวปี 1 กรี๊ดลั่นให้กับคนหน้านิ่ง แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกไม่ชอบหน้าไม่ถูกชะตาและพี่เขาดูไม่เข้าตาฉันเอาเสียเลย ความรู้สึกของฉันมันบอกว่ารุ่นพี่คนนี้ดูอันตรายเกินไปเป็นเสือซุ่มกินเงียบคงมีพิษสงร้ายน่าดู ฉันควรปกป้องเพื่อนทั้งสองคนไม่ให้เข้าใกล้รุ่นพี่คนนี้ ฉันดูสายตาพี่เขาออกว่าต้องเป็นเสือผู้หญิงจ้องหาเหยื่อใหม่ๆ
กว่ากิจกรรมรับน้องจะเสร็จสิ้นก็กินเวลาหลายชั่วโมง ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าถ้าพวกพี่เขาปล่อยเร็วจะชวนเมษากับอันดาพุ่งตรงไปดูคณะวิศวะรับน้องเสียหน่อยเผื่อได้เจอแก๊งวิศวะหล่อขั้นเทพอยากเห็นเป็นบุญตา แต่โชคชะตาเล่นตลกวันนี้พวกพี่เขาปล่อยช้าฉันคงพลาดโอกาสได้เจอแก๊งวิศวะ
"คืนนี้พวกแกสองคนออกไปไหนไหมฉันจะชวนพวกแกสองคนไปที่หนึ่งสนใจไปด้วยหรือเปล่า" พวกฉันสามคนออกมาจากลานกิจกรรมเดินคุยกันตามทางเพื่อไปยังลานจอดรถสมองอันชาญฉลาดของฉันก็คิดเรื่องดีๆขึ้นมาได้ เมื่อไม่เจอที่คณะก็ต้องไปหาที่ทำงานของพวกพี่สี่คนนั้นเลยสิ เป็นเจ้าของกิจการคงต้องไปตรวจงานบ้างล่ะ ฉันจะไปดักเจอที่นั่นถ้าไปคนเดียวมันก็วังเวงชวนเพื่อนๆไปเป็นเพื่อนด้วยจะได้สำรวจที่เที่ยวไปในตัวเผื่อเพื่อนๆสนใจ
"แกจะชวนพวกฉันไปไหน" เมษายังไม่ทันจะตอบตกลงกลับยิงคำถามมาแทนและทำหน้าสงสัยอย่างหนัก อันดาก็จ้องหน้าฉันคงรอคำตอบเดียวกันกับเมษา
"Elik ผับ" ฉันสืบค้นข้อมูลมาแล้วแก๊งวิศวะหล่อขั้นเทพเป็นเจ้าของผับแห่งนั้นและมักจะไปเที่ยวที่นั่นบ่อยๆ ถ้าฉันไปดักรอพวกพี่เขาที่นั่นคงมีโอกาสได้เจอ
"ฉันไม่ไปนะ/ ฉันก็ไม่ไป" สองเสียงประสานขึ้นพร้อมกันดับฝันฉันกลางอากาศ
"พรุ่งนี้พวกเรามีเรียนเช้ากันนะแกไปเที่ยวผับเดี๋ยวก็ตื่นไปเรียนไม่ทัน แกไม่ได้ยินที่รุ่นพี่ปี 2 บอกหรือไงพรุ่งนี้เราจะเริ่มรับน้องแบบเต็มตัว ฉันว่าแกน่าจะนอนพักผ่อนเอาแรงไว้ดีกว่า" อันดายกเหตุผลมาพูดจนฉันคล้อยตาม
"นั่นสิ" เมษาเสริมทัพอย่างขันแข็งอีกเสียง
"เอางั้นก็ได้" พูดตัดบทพร้อมกันสองเสียงขนาดนี้ฉันคงต้องล้มเลิกความคิด ก่อนจะทำหน้าหงอยๆตอบเพื่อนสองคนด้วยเสียงเบาๆ
"งั้นแยกย้ายกันตรงนี้แกขับรถกลับคอนโดดีๆล่ะอย่าเถลไถล" อันดาบอกแยกย้ายพร้อมกับพูดดักคอคงกลัวฉันแอบหนีเที่ยว แล้วก็เดินแยกตัวไปกับเมษาเพราะรถเราสามคนจอดอยู่คนละที่
"อ๊ะะ!!" เพราะมัวก้มควานหากุญแจรถในกระเป๋าฉันจึงไม่ได้มองทางรู้สึกว่าจะไปชนร่างใหญ่แน่นๆของใครไม่รู้ทำให้ฉันต้องร้องออกมาเพราะรู้สึกเจ็บหน้าผาก ฉันช้อนสายตามองขึ้นไปยังร่างสูงใหญ่ พอเห็นใบหน้าคุ้นเคยเจ้าของสายตาที่จ้องพวกฉันสามคนตอนรับน้อง ทำให้ฉันต้องแบะปากใส่อย่างไม่พอใจ
"ทำไมเดินไม่มองทางบ้างคะ" เพราะความหมั่นไส้พี่แกเป็นทุนเดิมบวกกับใบหน้าหล่อขี้เก็กหน้าตลอดเวลาเหมือนพวกชอบอ่อยเหยื่อ ทำให้ฉันอยากพูดตอกหน้าพี่เขาให้หน้าหงาย
"ใครกันแน่เดินก้มหน้าไม่มองทาง แล้วควรรู้จักมีสัมมาคารวะและขอโทษรุ่นพี่ด้วยเป็นแค่เด็กปี 1" น้ำเสียงแข็งกระด้างกับท่าทางนิ่งมันกวนโมโหฉันยังไงไม่รู้ ถ้าไม่ติดว่ามีรุ่นพี่หลายคนมองมาและคอยยืนฟัง ฉันจะสวนกลับอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน
"ขอโทษค่ะ" ถึงแม้จะไม่เต็มใจพูดมันออกมาก็ตามฉันไม่อยากถูกรุ่นพี่คนอื่นเขม่นตั้งตัวเป็นศัตรูกับรุ่นพี่คณะเดียวกัน ฉันยังมองพี่คนนั้นด้วยสายตาแข็งกร้าวไม่เป็นมิตรเป็นเชิงตำหนิเหมือนกัน พี่คนนั้นยืนนิ่งไม่ยอมหลบให้ฉันเดินไปที่รถจนฉันเริ่มจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่กับการหาเรื่องของพี่เขา
"ขอโทษนะคะพี่ช่วยหลีกทางให้หน่อยได้ไหมคะ" พี่คนนั้นนอกจากจะไม่หลีกทางให้ฉันยังยิ้มมุมปากทำท่าทาง
กวนๆใส่ฉันไม่หยุดจนฉันอยากจะปรี๊ดแตกตรงนี้ให้ได้
"เห็นเก่งนี่น้ำใสหลบไปให้ได้สิ" พี่คนนั้นจ้องหน้าและเรียกชื่อฉันถูกคงดูจากป้ายชื่อที่แขวนคอไว้ ฉันไม่อยากยุ่งด้วยจึงพยายามเดินเลี่ยงไปด้านข้างแต่พี่เขาก็ยังขยับตามขวางทางอยู่ได้นี่มันกวนตีนหาเรื่องกันชัดๆ ฉันรีบเดินเหวี่ยงตัวมาอีกทางพี่เขายังขยับตามขวางทางฉันอีกเช่นเคย จนฉันหยุดยืนอยู่กับที่เงยหน้าขึ้นถามคนตัวสูง
"นี่พี่จะเอายังไงกับน้ำใสคะ" ฉันเริ่มจะโมโหให้กับความยียวนกวนประสาท
"พี่ชื่อคอปเตอร์ครับจำกันให้ดีล่ะ" รอยยิ้มแพรวพราวผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาถ้าคนอื่นมองอาจตกหลุมเสน่ห์ แต่กับฉันมันไม่ถูกชะตาและอยากเลี่ยง พอบอกชื่อให้ฉันรู้เสร็จพี่เขาก็เหวี่ยงตัวหลบแล้วเดินจากไป ไม่ใช่ฉันจำชื่อพี่เขาไม่ได้พี่เขาแนะนำตัวบนเวทีไปแล้วรอบหนึ่ง แต่ฉันไม่อยากเรียกชื่อพี่เขาเพราะไม่ได้อยากสนิทจนต้องเรียกชื่อกันต่างหาก ถึงจะโมโหมากแค่ไหนแต่ทำอะไรไม่ได้มากเพราะเขาเป็นรุ่นพี่ฉันยังต้องเชื่อฟังในตอนที่ยังต้องรับน้องอยู่ ฉันได้แต่เก็บอารมณ์ขุ่นมัวและรีบไปยังรถให้เร็วเพราะมีบางที่ที่ฉันต้องไปสำรวจลู่ทางเอาไว้ก่อนคืนนี้
#ดูเหมือนอีพี่อยากให้น้องจำชื่อตัวเองได้ คิดอะไรกับน้องหรือเปล่า หรือแค่อยากแกล้งอย่างที่พูดจริงๆ#