วินาทีแรกที่ฉันเปิดประตูก้าวขาออกจากห้องนั้นได้ ฉันรีบสาวเท้ายาวๆเดินออกมาไกลพอสมควรโดยที่พี่เขาไม่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าเป็นฉันนอนอยู่บนเตียงเดียวกันไม่อย่างนั้นฉันคงปั้นหน้าไม่ถูก
"เฮ้อ~" ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งที่อย่างน้อยไม่ต้องเผชิญหน้ากับคนไม่ชอบหน้ากัน
"เอาไงดีล่ะทีนี้ถ้าเจอกันในมหาลัยแล้วพี่เขาเกิดรู้ว่าคนบนเตียงเมื่อคืนไม่ใช่เด็กเขาแต่เป็นฉันมันต้องแย่แน่" ฉันเดินบ่นงึมงำมาจนถึงลานจอดรถก่อนก้าวขาขึ้นรถไปนั่งเคร่งเครียด ความวิตกกังวลฉายชัดในแววตาเมื่อส่องสำรวจใบหน้าในกระจกมองหลัง ฉันเกิดอาการเครียดอย่างไม่เคยเป็นความคิดสับสนยุ่งเหยิงมันวิ่งวนอยู่ในหัวตีกันจนหัวฉันแทบระเบิดคิดอะไรไม่ออก สุดท้ายฉันจึงตัดสินใจขับรถกลับไปตั้งหลักที่คอนโดค่อยหาทางออกอีกที
ฉันมาถึงมหาลัยเกือบสายก่อนจะก้าวลงจากรถด้วยความยากลำบาก แถมตอนเดินขึ้นตึกฉันต้องกัดฟันเดินเพราะช่วงล่างมันระบมและเจ็บมากถึงจะทานยาฆ่าเชื้อโรคและยาแก้อักเสบมาแล้วก็ตามแต่มันไม่ได้ช่วยอะไรมาก ฉันต้องพยายามป้องกันตัวเองเพราะไม่เคยไว้ใจเสือผู้หญิงอย่างพี่คอปเตอร์กลัวเอาโรคมาติดที่สำคัญกลัวท้อง ถึงจะเห็นเศษซากถุงยางแต่ฉันวางใจไม่ได้อยู่ดี
ตลอดทางเดินฉันพยายามเดินให้เป็นปกติมากที่สุดกลัวคนสงสัยว่าไปโดนอะไรมาถึงได้เดินขาถ่างเหมือนโดนรุมโทรมมา กว่าจะพาตัวเองมาถึงห้องเรียนได้อย่างทุลักทุเลกินเวลาพอสมควร
"น้ำใสแกไปทำอะไรมาทำไมสภาพแกแย่ขนาดนั้นอย่าบอกนะว่าเมื่อคืนแกหนีเที่ยว" ฉันเดินเข้าห้องเรียนในเวลาอันฉิวเฉียด ยังไม่ทันเดินไปถึงโต๊ะเสียงใสของอันดาก็ทักฉันขึ้นทันที สภาพฉันคงแย่มากจริงๆไม่งั้นเพื่อนคงไม่ทำหน้าตกใจถามด้วยความเป็นห่วง
"นั่นสิแกไหวหรือเปล่า" ฉันเดินมานั่งลงข้างๆเมษายื่นหน้ามาใกล้แล้วถามฉันด้วยความเป็นห่วงอีกคน
"ไปสำรวจลู่ทางมานิดหน่อยฉันไหวไม่เป็นไรมากพวกแกไม่ต้องเป็นห่วง" ฉันตอบเพื่อนๆเสร็จอาจารย์เดินเข้าม่พอดีพวกเราจึงเงียบลงไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลยจนกระทั่งหมดคาบเรียนถึงเวลาข้าวเที่ยงที่รอคอย
ฉันกับเพื่อนเดินเข้ามาในโรงอาหารอันแสนวุ่นวายจัดการหาที่นั่งได้เรียบร้อยจึงมาต่อคิวซื้อข้าว เสียงรอบตัวดังขึ้นเหมือนคนกำลังตื่นเต้นกับอะไรบางอย่างฉันจึงหันไปมองตามเสียง ฉันอยากกรีดร้องออกมาดังๆพวกพี่ที่ฉันไปตามหาเมื่อคืนมากองรวมกันอยู่ในโรงอาหารคณะฉัน แสงวิบวับเปล่งประกายออกมาจากพวกพี่แก๊งวิศวะ สมแล้วที่เป็นไอดอลในดวงใจพวกพี่เรามีออร่าจับสะกดสายตาทุกคนให้หยุดนิ่งอยู่กับที่ ฉันยิ้มปากแทบฉีกดีใจที่เห็นพี่เขาครบทุกคน แต่ดีใจคูณสูงเมื่อเห็นสองในสี่คนสนใจเพื่อนๆของฉันทั้งสองคน คอยดูเถอะฉันจะทั้งผลักทั้งดันยกเพื่อนฉันให้พี่เขาสนับสนุนเต็มที่เพื่อที่ฉันจะได้มองพี่เขาใกล้ๆไปตลอด
"น้ำใสแกกินข้าวบ้างเถอะเมื่อเช้ายังดูแย่อยู่เลยนะ แกจะนั่งมองพี่เขาจนอิ่มแทนข้าวเลยหรือไง" อันดาไม่วายเอ่ยแซวฉันนั่งมองเพลินไม่ยอมตักข้าวเข้าปากสักที
"ฉันมองพี่เขาก็อิ่มไม่ต้องกินอะไรก็ได้ พวกแกสองคนไม่รู้อะไร พี่ไนท์กี้ พี่ดีเดย์ พี่ธีร์ธาม และพี่ติวเตอร์เป็นไอดอลที่ทำฉันให้ฉันเข้ามาเรียนที่นี่ฉันเป็นติ่งพี่เขาสี่คน" ฉันชื่นชมพี่เขาออกนอกหน้า ฉันกำลังมีความสุขที่เห็นเมนตัวเองใกล้ๆ
"นี่แกรู้จักพี่เขาด้วยเหรอ" เมษาทำหน้ายุ่งมองฉันด้วยความประหลาดใจคงกำลังสงสัยว่าฉันไปรู้จักพวกพี่เขาตอนไหน
"รู้จักสิรู้จักดีเลยฉันตามติดชีวิตพี่เขาทั้งสี่เลยก็ว่าได้" ฉันสารภาพออกไปตามความจริง ฉันค้นหาประวัติและข้อมูลของพี่เขาทุกช่องทางเท่าที่จะหาได้
"ฉันว่าพี่ไนท์กี้ชอบแกแน่ๆอันดาพี่เขานั่งมองและส่งสายตาวิบวับให้แกใหญ่ แกด้วยเมษาพี่ดีเดย์ชอบแกแน่ๆ เอาเลยฉันสนับสนุนพวกแกเต็มที่ฉันจะได้นั่งมองความหล่อของแฟนพวกแกทุกวัน" ฉันกำลังนั่งเคลิ้มมันคงฟินน่าดูได้นั่งกินข้าวด้วยกันเป็นกลุ่ม
ฉันกำลังเคลิ้มอยู่ดีๆเหมือนมีรังสีมารเพ่งเล็งฉันจึงหันไปมองด้านข้างพี่ไนท์กี้มีคนนั่งตาเขียวหน้าตึงมองฉันอยู่ พี่คอปเตอร์มมาตอนไหนทำไมฉันถึงมองไม่เห็น หรือว่าออร่าของพี่เขาสี่คนเปล่งแสงเจิดจ้าจนทำให้มองไม่เห็นใครเลย
ฉันพยายามเก็บอาการสั่นๆเอาไว้ภายใต้สายตาเรียบนิ่งไม่เป็นมิตร สะกดจิตตัวเองทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่กลัวอะไรมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นฉันไปเที่ยวกับเพื่อนไม่เจอใครแล้วฉันก็กลับ นั่นคือคำตอบที่ฉันคิดไว้ในใจ ฉันหันไปสนใจมองทางอื่นทำเหมือนพี่คอปเตอร์เป็นเพียงอากาศที่มองไม่เห็น
"น้ำใสแกเหม่ออะไรไปกันได้แล้วใกล้ถึงเวลาเข้าเรียนเดี๋ยวก็เข้าเลทหรอก" เสียงเรียกของอันดาทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์รีบลุกเดินตามเพื่อนไป ก่อนจะออกไปฉันเผลอไปสบตาขุ่นๆของพี่คอปเตอร์อีกจนได้ฉันรีบหันหลังทันทีก่อนเผลอแสดงพิรุจเล่นละครไม่เนียนให้พี่คอปเตอร์จับได้ ฉันเดินคิดมาตลอดทางพี่เขาคงไม่รู้หรอกใช่ไหมว่าเป็นฉันห้องมันมืดจะตาย แล้วฉันก็รีบเผ่นออกจากห้องตอนพี่เขายังไม่ตื่นปลอบใจอย่าคิดมากให้ทำตัวเป็นปกติอย่างที่เคยไม่ชอบหน้าก็แสดงออกว่าไม่ชอบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
"ฉันไม่อยากไปรับน้องเลยแกไม่รู้จะเจออะไรบ้าง หน้าตาพี่ว๊ากแต่ละคนไม่รับแขกโดยเฉพาะเฮดว๊ากฉันยิ่งไม่ชอบ" ฉันบ่นกับเพื่อนเมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้ารับน้อง ฉันเดินเอื่อยเฉื่อยไม่อยากไปเผชิญหน้าพี่คอปเตอร์
"เอาน่าคณะเราไม่ได้รับน้องโหดเหมือนคณะอื่นแกอย่าไปคิดมาก" อันดาพูดปลอบใจฉันจึงจำใจเดินไปเข้าแถวนั่งรวมกับเพื่อนๆ
"น้องคนนั้นยืนขึ้นครับเห็นชวนเพื่อนคุยไม่ฟังรุ่นพี่ ไม่ให้เกียรติรุ่นพี่ที่ยืนพูดปาวๆเลยนะ" เสียงตะคอกจากพี่
ว๊ากดังขึ้นทุกคนนั่งเงียบกันหมดไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้น
"น้ำใสพี่เขาชี้มาที่แกรีบยืนขึ้นสิเดี๋ยวถูกทำโทษหรอก" เมษาสะกิดแขนบอกฉัน ก็คุยกันแทบทุกคนทำไมเป็นฉันคนเดียว ฉันเงยหน้าขึ้นเห็นสายดุเข้มของพี่คอปเตอร์เล็งมาที่ฉัน
"ยังไม่รีบลุกอีกไม่คิดจะให้ความเคารพรุ่นพี่ใช่ไหม" พี่คอปเตอร์จงใจแกล้งฉันหรือเปล่าคุยกันหลายคนแต่เรียกฉันยืนขึ้นคนเดียว ทุกสายตาจับจ้องมาที่ฉันทำให้ฉันจำใจต้องยืนขึ้นตามคำสั่งเฮดว๊ากผู้ไร้เหตุผล
"รายงานตัวดังๆกับเพื่อนเอาให้ได้ยินกันทุกคนเหมือนตอนคุยกัน" คำสั่งไร้เหตุผลเหมือนคนไปกินรังแตนมา ฉันยืนรายงานตัวหลายครั้งจนเสียงแหบเพราะไม่ว่าจะเสียงดังยังไงเฮดว๊ากจอมโหดก็ยังดูไม่พอใจ ฉันเองส่งสายตาเขียวขุ่นโต้กลับตลอดเวลาเหมือนกัน จนสุดท้ายพี่ว๊ากข้างๆคงเห็นว่าฉันคงยืนเหนื่อยและคงเจ็บคอจึงบอกให้ฉันนั่งลงได้ สายตาเขียวขุ่นแกมดุภายใต้ใบหน้าหล่อเรียบนิ่งจ้องจับผิดหาเรื่องแกล้งฉันตลอดเวลาจนฉันอึดอัดรอให้หมดเวลารับน้องสักที
"แกไหวไหมให้ฉันขับรถไปส่งหรือเปล่า" ฉันส่ายหน้าปฏิเสธเมษาไม่อยากให้เพื่อนลำบากกลัวเพื่อนเหนื่อยขับรถวนไปวนมา ที่ฉันตกอยู่ในสภาพเหนื่อยขนาดนี้เพราะพี่คอปเตอร์จ้องหาเรื่องแกล้งลงโทษ คิดแล้วอยากบีบคอให้ตาย
"ไม่เป็นไรฉันไหวพวกแกกลับไปพักเถอะ แยกกันตรงนี้นะ" ฉันบอกลาเพื่อนทุกคน
"กลับดีๆนะเจอกันพรุ่งนี้แกรีบกลับไปพักห้ามออกไปไหน" อันดาสั่งห้ามด้วยความเป็นห่วง
"อืม รู้แล้วฉันก็ไม่มีแรงออกไหนหรอกคิดถึงเตียงนุ่มๆจะแย่" เรากล่าวลากันอกครั้งก่อนจะแยกย้ายกันเดินไปที่รถของตัวเองจอดคนละฝั่ง ลานจอดมันเงียบงันจนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้น
"ว่าไงน้ำใสทำไมเดินแปลกๆอย่างนั้นล่ะหรือว่าเมื่อคืนไปทำอะไรมา"
"อุ๊ย!!"