Prologue

1445 Words
ผลัวะ!! “...!!!” อะไรน่ะ! ? ฉันสะดุ้งเฮือก! ทันทีที่เดินออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงคนชกกันดังมาจากทางห้องน้ำชาย ฉันไม่ได้อยากข้องเกี่ยวกับเรื่องน่ากลัวแต่ว่าพอรู้ตัวอีกทีสองเท้าก็ก้าวเข้ามาด้อมๆ มองๆ อย่างสงสัยใกล้กับห้องน้ำชายแล้ว “นี่มึงยังไม่หายโกรธกูอีกเหรอ!” เจ้าของเสียงยกมือขึ้นแตะมุมปากที่มีรอยช้ำแล้วยังกัดไม้จิ้มฟันอยู่ในปากทั้งที่โดนต่อยได้อีก นึกแล้วเชียวว่าต้องมีเรื่องกันในนี้ อะ! เดี๋ยวก่อนสินั่นมันพวกตัวร้ายประจำโรงเรียนไม่ใช่เหรอ!! คิเรย์กับเลเอส ทายาทยากูซ่าประจำเซนท์ซาฟาเลียร์! พอได้เห็นหน้าสองคนนั้นชัดๆ ฉันก็รู้สึกตกใจขึ้นมาทันทีและกำลังจะเดินหลบออกมาเงียบๆ สายตาของคิเรย์ก็ตวัดมองมาทางฉันพอดีเหมือนรู้ตัวว่ามีคนแอบมองอยู่!! พรึบ! ชั่วพริบตาที่ฉันสบสายตากับเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปถึงไขสันหลัง ฉันผวาเฮือก! รีบสาวเท้าเดินออกมาอย่างรวดเร็ว หัวใจเต้นแรงด้วยความหวั่นเกรงระคนตื่นเต้น ฉันไม่รู้หรอกว่าสองคนนั้นทะเลาะอะไรกัน และถึงแม้ฉันจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่การยืนดูผู้ชายที่มีชื่อเสียงด้านลบมีปากเสียงกันแบบนั้นเป็นใครก็คงสงบใจไม่ลงแน่! ครืด! ครืด! มือถือสั่นตกใจหมดเลย! ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูก่อนจะคลายกังวลลงเล็กน้อยหันกลับไปมองด้านหลังอย่างระแวงและเมื่อเห็นว่าโล่งปลอดโปร่งก็ค่อยผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เฮ้อ! พ้นแล้วสินะ... ท่าทางจะไม่มีใครตามมาด้วย แค่นี้ฉันก็รับสายนี้ได้อย่างสบายใจแล้วล่ะ >> บลายธ์ คนที่โทรเข้ามาเป็นทั้งเจ้านายและก็เพื่อนร่วมชั้นของฉันเองแหละ... “ฮะโหล... คุณหนูมีอะไรหรือเปล่าคะ?” (นี่บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกฉันแบบนั้นในโรงเรียนน่ะ) “อะ... โทษค่ะลืมไป” (ช่างเถอะ! รีบๆ กลับมาได้แล้ว คนขับรถมารอที่หน้าห้องซ้อมแล้วนะ) “อะโทษทีค่ะ จะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” (เร็วๆ ล่ะ ถ้าสายล่ะก็ได้โดนดุแน่) “ค่ะๆ” ฉันรีบกดวางสายแล้วจ้ำอ้าวไปที่ห้องซ้อมดนตรีอย่างรวดเร็ว พอไปถึงก็เห็นคนขับรถยืนทำหน้าเคร่งอยู่ข้างๆ กับลีมูชีนคันหรูสีดำขลับซึ่งจอดเยื้องกับห้องซ้อมดนตรี ฉันผ่อนฝีเท้าลง เดินเข้าไปหาคนขับรถเงียบๆ พอดีกับที่บลายธ์ผลักประตูรถเปิดออกมาทำให้คนขับรถสังเกตเห็นฉันด้วย “มาแล้วเหรอ?” น้ำเสียงของคนขับรถแข็งกระด้างอย่างไม่พอใจ ฉันรู้สึกดีนิดหน่อยที่ไม่ต้องเห็นสายตาที่เขามองฉันเพราะมีกรอบแว่นสีดำขวางเอาไว้ แต่ก็ทำใจได้เลยว่าถ้าเราไปสายในคืนนี้ฉันต้องโดนตำหนิทีหลังแน่! เฮ้อ!! ไม่น่าไปสนใจเรื่องทะเลาะของสองคนนั้นเลย ชิ!! “มานา รีบเข้ามาสิ ออกรถได้แล้วเมฆ” บลายธ์พูดกับฉันด้วยน้ำเสียงเร่งรีบก่อนจะออกคำสั่งกับคนขับรถด้วยเส้นเสียงเย็นชา ฉันก็ไม่ได้อยากคิดเข้าข้างตัวเองเท่าไหร่หรอกแต่ดูเหมือนว่าคุณหนูบลายธ์จะไม่พอใจที่นายเมฆแสดงท่าทีแบบนั้นกับฉัน เฮ้อ! ~ รู้สึกเบื่อกับชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้ชะมัด ไม่นานเราก็มาถึงสถานที่จัดงานเลี้ยงประจำตระกูล... โรงแรมโอลิมเปียร์ แกรนด์ ภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรูระดับห้าดาว เนืองแน่นไปด้วยแขกเหรื่อในชุดราตรีหรูและดูดีมีราศีจับกันทุกคน สมกับที่เป็นงานเลี้ยงประจำตระกูลเก่าแก่เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังและอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ “มานาทางนี้” บลายธ์กระตุกข้อมือฉันให้เดินอ้อมไปด้านข้างซึ่งมีประตูเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับด้านหลังเวทีของห้องจัดเลี้ยง และแน่นอนว่านายเมฆคนขับรถก็ตามพวกเรามาด้วย “คุณหนูมาแล้ว!” เสียงแม่นมดังขึ้นอย่างดีใจเมื่อเห็นบลายธ์เดินรีบร้อนเข้ามาในห้อง “ช่วยเปลี่ยนชุดด้วยค่ะ” สาวใช้คนหนึ่งถือชุดที่ยังอยู่ในถุงคลุมยื่นให้บลายธ์ “เธอเองก็ต้องเปลี่ยนด้วยนะ” สาวใช้อีกคนยื่นชุดที่อยู่ในถุงอีกอันมาให้ฉัน ฉันรับมาอย่างรู้สึกอึดอัดและดูเหมือนแม่นมของบลายธ์จะสังเกตเห็นท่าทีของฉันด้วย “มานา นี่เป็นงานสำคัญของคุณท่านนะ อย่าทำหน้าบึ้งตึงแบบนั้นสิ เธอควรจะร่าเริงและสนุกกับงานเลี้ยงถึงจะถูก” “ค่ะ” ฉันฝืนยิ้มและขานรับไปอย่างขอไปที แล้วเดินมาเปลี่ยนชุดที่หลังประตูอีกบานซึ่งยังว่างอยู่ และพอฉันกลับออกมาอีกทีก็เห็นบลายธ์นั่งแต่งหน้าทำผมอยู่หน้ากระจกแล้ว เธอเบิกตาโตทันทีที่เหลือบมองเห็นฉันผ่านทางกระจกตรงหน้า “ว้าว! มานาสวมชุดนั้นแล้วสวยมากเลยล่ะ ว่าไหมคะแม่นม” “ค่ะ ชุดของคุณหนูกับของมานาคุณผู้หญิงเลือกด้วยตัวเองเลยนะคะ” “คุณแม่นี่ตาแหลมจริงๆ เลยนะ ฮิๆ” บลายธ์หัวเราะคิกคัก ใช่... ฉันไม่เถียงว่าชุดที่ฉันกับบลายธ์ใส่มันดูดีแค่ไหน แต่ว่ามันกลับทำให้ฉันรู้สึกหนักอึ้งข้างในอกยิ่งกว่าเดิม... ไม่อยากมาเลยสักนิดไอ้งานเลี้ยงงี่เง่านี่! “บลายธ์!” เสียงทุ้มห้าวดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงโปร่งของใครบางคนพรวดพราดเข้ามาในห้องแต่งตัวอย่างร้อนใจ เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มตวัดมองไปที่หน้ากระจกเพื่อโฟกัสเฉพาะคนที่ต้องการเท่านั้น “พี่เบียร์” บลายธ์เรียกชื่อคนๆ นั้นออกมาโดยที่ไม่ได้หันไปมองเพราะกำลังถูกช่างแต่งหน้าระบายสีชมพูอ่อนๆ ที่แก้ม เบียร์เป็นลูกพี่ลูกน้องของบลายธ์เอง พ่อหมอนั่นเป็นน้องของผู้นำตระกูล “ใกล้เสร็จหรือยัง?” “อีกนิดเดียวค่ะ” ช่างแต่งหน้าเป็นคนตอบ “เร่งมือด้วย ให้เวลาแค่ห้านาที” “อะไรกันพี่เบียร์ จะรีบไปไหน” “ไม่รีบได้ไง งานเริ่มมาเป็นชั่วโมงแล้วนะ แต่เจ้าของงานกลับหมกตัวอยู่ในห้องแต่งตัวเนี่ยมันใช้ได้ที่ไหน” “อย่าซีเรียสไปหน่อยเลยน่า คุณแม่กับคุณป๋าก็อยู่ในงานไม่ใช่เหรอ” งานเลี้ยงฉลองครบรอบวันแต่งงานของผู้นำตระกูลจะจัดขึ้นมาทุกปี พร้อมๆ กับงานวันเกิดของทายาทประจำตระกูล มีไม่กี่คนหรอกที่บังเอิญเกิดมาตรงกับวันแต่งงานของพ่อแม่เหมือนอย่างบลายธ์ เพราะงั้นในแต่ละปีวันเกิดของบลายธ์จึงไม่เคยเงียบเหงาเลยสักครั้ง “อย่าลืมสิว่างานนี้ก็จัดขึ้นเพื่อเธอด้วยนะ” เบียร์ถอนหายใจอย่างระอากับท่าทีไม่ทุกข์ร้อนของบลายธ์ ก่อนที่เขาจะตวัดสายตามามองฉันกับเมฆซึ่งยืนอยู่กันคนละมุม “แล้วพวกแกสองคนมัวทำอะไรอยู่ รีบๆ เข้าไปช่วยพวกคนใช้รับแขกได้แล้ว” ฉันเม้มริมฝีปาก พยายามไม่สบสายตากับใครเพราะไม่อยากให้เห็นแววตาขุ่นหมองของฉัน กำลังจะเดินผ่านประตูเข้ามาในงานเงียบๆ เสียงของบลายธ์ก็ดังขึ้นซะก่อน “เดี๋ยวสิ มานายังไม่ได้แต่งหน้าทำผมเลยนะ” “ไม่จำเป็น ชุดนั่นก็เหมือนกัน” เสียงเบียร์ดังขึ้นมาอย่างขัดใจ “ฉันจะไปช่วยงานข้างใน” ฉันพูดขึ้นก่อนเดินผ่านประตูเข้ามาทันที ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ท่าทางเดียดฉันท์ที่เบียร์แสดงออกมามันทำให้ฉันรู้สึกจุกแน่นไปทั้งอกกับความอัดอั้นภายในใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ฉันจะหลุดพ้นจากคนพวกนี้สักที เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วยแฮะ... ฉันไม่มีตัวตนอยู่ในงานเลี้ยงนี่เลยสักนิด ปีแล้วปีเล่า... แปลก แทนที่จะชาชินแต่ฉันกลับยิ่งรู้สึกมากขึ้น... มากขึ้นทุกปีสะสมกันไปเรื่อยๆ จนในสายตาของฉันเต็มไปด้วยความเกลียดชังทุกครั้งที่จ้องมองไปยังเจ้าของงาน ...ผู้ชายคนนั้น ผู้นำของตระกูลธาราพิลักษณ์! บอกไม่ถูกว่านี่เป็นความอิจฉาหรือเปล่าแต่มันนานมากแล้วที่ฉันไม่ได้เป่าเทียนวันเกิด... ถ้าบลายธ์โชคดีที่ได้เกิดมาในวันเดียวกับวันครบรอบแต่งงานของพ่อแม่ฉันก็คงเป็นคนที่โชคร้ายที่ต้องเสียแม่ไปในวันเกิดครบรอบสิบขวบ! นับตั้งแต่นั้นมาชะตากรรมของฉันก็เหมือนจะโดนผูกมัดกับคนในตระกูลนี้ไปตลอดกาล!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD