“นี่มันอะไรกัน” เสียงโวยวายของลี่ชีอันทำให้คนทั้งบ้านวิ่งกรูกันมาที่โถงกลางบ้านพร้อมกันโดยไม่ต้องนัดหมาย
“ก็...พ่อบอกให้ลูกออกไปเที่ยวตลาดไงล่ะคะ” ลี่ลู่เสียนอธิบายด้วยความไม่เข้าใจ
“ไม่ใช่ ทะ ทำไมแต่งหน้าแบบนั้น ละ แล้วกี่เพ้าเจ้าทำไมสั้นนัก” ลี่ชีอันชี้ไปที่ชุดราคาแพงที่เขาตั้งใจซื้อมาให้ลูกสาวด้วยความเสียดาย
“ตายจริง หมิงหงส์ทำไมตัดชุดราคาแพงแบบนี้ได้ล่ะ” หมิงชิงพี่ใหญ่ที่วิ่งตามเสียงของพ่อเห็นสภาพของน้องสาวก็ถึงกับเอามือทาบอก
“กี่เพ้าตัวนี้เดิมทีก็สวยอยู่ แต่มันไม่ใช่สไตล์ของฉันเลย ก็เลย adapt นิดหน่อยเอง แล้วการแต่งหน้าสไตล์ everyday look แบบนี้กำลังฮิตเลยนะคะ พี่ใหญ่ว่าไม่สวยหรอกหรอ” ลู่เสียนขยิบตาให้หมิงชิง พลางโพสต์ท่าให้เธอดูชุดที่ได้ตัดแต่งใหม่อย่างถนัดตา
“ไอ้สวยมันก็สวยหรอก แต่กี่เพ้าน่ะแพงมากใครเขาตัดกัน สั้นไม่เหมือนชาวบ้าน” หมิงชิงขัดตากับความยาวชุด ไอ้เครื่องหน้าน่ะก็พอรับได้เพราะน้องสาวแต่งแล้วดูสวยขึ้นผิดหูผิดตาดีเหมือนกัน
“ไม่ได้นะ.. ห้ามตัด…หรือดัดแปลงชุดอะไรก็ตามที่พ่อซื้อมาให้อีกเข้าใจไหม? เขาใส่กันแบบนี้ก็ต้องใส่แบบนี้ อย่าทำให้พ่อเห็นอีกนะ” ชีอุนพูดจาเสียงดังก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าห้องด้วยอาการไม่พอใจสุด ๆ
“ลี่หมิงหงส์เธอทำให้พ่อโมโหแล้วเห็นมั้ย? ทำไมทำอะไรแบบนี้”
“พี่ใหญ่ ฉันก็แค่ทำในสิ่งที่คิดว่าดีเท่านั้น พ่ออยากให้ฉันแต่งงาน...ออกเรือนใช่มั้ยล่ะ ฉันก็ต้องแต่งตัวสวย ๆ ให้ผู้ชายสนใจมันผิดตรงไหน?” ลี่ หมิงหงส์ถามตาใส และเป็นคำถามที่ลี่หมิงชิงเองก็เถียงไม่ออกเสียด้วย เพราะต้องยอมรับจริง ๆ ว่าลี่หมิงหงส์สวยขึ้นจนแม้แต่เธอที่เป็นพี่สาวแท้ๆ ยังสะดุดตา
“ก็ใช่หรอก แต่ก็ไม่ใช่บ้าดีเดือดทำอุกอาจขนาดตัดกี่เพ้าราคาแพงแบบนี้ เดี๋ยวพี่จะไปคุยกับพ่อเธอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อเสียเถอะ อย่าให้พ่อเห็นชุดนี้อีกก็พอ” หมิงชิงทำหน้าหนักใจก่อนจะเดินตามพ่อเข้าไปด้านใน
ลี่ชีอุนนั่งที่เก้าอี้โยกด้วยใจที่รู้สึกโศกเศร้า ไม่คิดว่าลูกสาวสุดที่รักจะบ้าบิ่นไปได้ถึงขนาดนี้ นี่คงไม่ใช่แค่อาการป่วยแบบธรรมดาแน่ แต่คง...เป็นวิญญาณที่ไหนสักที่มาเข้าสิงลูกสาวตนเป็นแน่แท้….ลี่ ชีอันลุกจากเก้าอี้เดินวนไปมาอย่างกระสับกระส่าย
“พ่อ” เสียงของลูกสาวคนโตดังขึ้นพร้อมกับเสียงเคาะประตูทำให้ลี่ชีอันหยุดเดิน
“เข้ามา” เขาเอ่ยแล้วกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตรงริมหน้าต่าง
“พ่อเป็นอย่างไรบ้างคะ? อย่าถือสาหมิงหงส์เลยนางคงป่วยมาก” ลี่ หมิงชิงรีบเดินมานั่งที่เก้าอี้กับพ่อแล้วรินน้ำชาอย่างรู้หน้าที่
“พ่อว่า...ผีเข้าหมิงหงส์มากกว่า” ลี่ชีอันเอ่ยตอนกำลังจิบน้ำชา
“ว่ายังไงนะ ผี? ผีที่ไหนกันคะ” หมิงชิงทำตาโต
“จำพี่ซีซีที่อยู่บ้านหลังถัดจากเราไปได้มั้ยล่ะ เขาตายไปไม่นานไม่แน่หรอกอาจมาสิงหมิงหงส์เพื่อแก้แค้นพ่อก็เป็นได้” ชีอันครุ่นคิดอย่างหนัก
“ลุงซีซีทำกิจการอะไรก็ไม่รุ่ง ค้าขายยังเลียนแบบพ่อแล้วจะไปรอดได้อย่างไรกัน ดีเท่าไหร่แล้วที่หนี้ไม่เยอะมาก ไม่อย่างนั้นลูกบ้านนั้นคงอดตายกันทั้งบ้านแน่” หมิงชิงขมวดคิ้วไม่ชอบใจคู่แข่งของพ่อ
“ไม่รู้แน่ชัดเพราะ หมิงหงส์มีอาการประหลาดไปมาก พูดจาภาษาอะไรก็ไม่รู้ ไหนจะท่าทางดื้อดึง เสื้อผ้า หน้าผมนั่นอีก พ่อว่าจะไปตามอาจารย์จากสำนักชื่อดังมาดูให้” ลี่ชีอันปักใจเชื่ออย่างนั้นและเขาย่อมต้องพิสูจน์ ในใจของผู้เป็นพ่อร้อนรนอยากพิสูจน์ให้ได้ว่าลูกของตนถูกผีสิงแน่นอน
เช้าวันรุ่งขึ้นลี่ลู่เสียนนอนยังไม่ทันเต็มอิ่มก็รู้สึกถึงไอเย็นที่ประพรมบนร่างกายจนเธอสะดุ้งตื่น
“อ๊ายย อะไรเนี้ยคุณเป็นใครเข้ามาทำไม ไอ้โรคจิต ไอ้ผีเปรต ไอ้ผีไร้สังกัด ไอ้คนชั่วช้า ไอ้หน้าด้าน” ลี่ ลู่เสียนเห็นผู้ชายในห้องก็ไม่รีรอรีบตะโดนด่าให้ดังที่สุดพร้อมยกผ้าห่มคลุมตัวเอาไว้เพราะ อีตาคนนั้นกำลังเอาน้ำอะไรไม่รู้มาพรมใส่ตัวเธอจนชื้นไปหมด
“นังผีร้าย ผีจากไหนนี่ปากหรอ...ถึงได้เหมือนกรรไกรขนาดนี้” ผู้ชายคนนั้นอึ้งที่โดนเธอด่า เลยยิ่งสาดน้ำที่สวดมนต์มาแล้วกว่า 10 วัน 10 คืนเพียงหวังให้วิญญาณร้ายออกจากร่างหญิงตรงหน้าโดยเร็ว
“กรี๊ด กรี๊ด หนาวจะตายอยู่แล้ว หนิงเหอ หนิงเหอ พ่อคะ พี่ใหญ่” ลี่ลู่เสียนตะโกนขอให้คนช่วยจนหนิงเธอเป็นคนเข้ามากอดเธอเอาไว้......
“นั่นไง มันเป็นผีร้ายจริง ๆ ด้วย วิญญาณสกปรกจงออกจากร่างคุณหนูลี่ผู้น่าสงสารบัดเดี๋ยวนี้” นอกจากจะเอาน้ำสาด ยังเอาควันธูปที่เพิ่งจุดรมไปรอบ ๆ ห้อง ชายหนุ่มเต้นรำวนกลิ่น รมควัน พรมน้ำมนต์ใส่ร่างของลี่หมิงหงส์อย่างบรรเทิงเริงรมย์ ยิ่งเห็นหญิงสาวกรีดร้องโวยวาย เขายิ่งเต้นหนัก บทสวดมนต์แบบธิเบธถูกท่องภานาออกมาไม่ขาดสายจนกลายเป็นภาพที่น่าสยดสยองของเจ้าบ้านและคนงานที่เข้ามามุงดูพิธีประหลาดด้วยความอยากรู้อยากเห็น