อาการเริ่มออก(เวียนหัวป่วยง่าย)

1769 Words
สองสาวเดินกอดแขนกันเดินออกไป หนึ่งคนนิ่งผิดปกติส่วนอีกคนกำลังคลั่งรัก.. น้ำขิงเดินขึ้นรถกระบะฝั่งคนขับน้ำหวานก็ขึ้นอีกฝั่ง ส่วนพี่ชายแสนดีก็เดินไปขึ้นรถอีกคัน รถกระบะขับออกมาจากซอยมืดตามด้วยรถสปอร์ตหรูของขุนเขา... เมื่อส่งสองสาวเข้าบ้านเสร็จชายหนุ่มก็ขับกลับมาที่บ้านเพื่อนหมอ.. บ้านสวนทิวากร สวน=ป่าดงดิบ ร้างสูงใหญ่ของขุนเขาหอบหิ้วเครื่องดื่มลงมาจากหลังรถ ดึกๆ จะมีเพื่อนเข้ามาสมทบอีกสองสามคน... ตั้งแต่ที่เพื่อนหมอมาสร้างบ้านอยู่ที่นี่ก็เป็นเหมือนสถานที่ที่ตากอากาศให้พวกเขาได้มานั่งดื่มสังสรรค์ ก็บรรยากาศมันได้ ไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านรู้สึกยังไงเห็นมันไม่พูดก็คิดว่าโอเค มีเพื่อนมาหาจะได้ไม่เหงา อยู่คนเดียวโดดเดี่ยวเดี๋ยวจะป่วยเป็นซึมเศร้ามาซึมเหล้ากันดีกว่า... โต๊ะไม้หลังบ้าน ลังเครื่องดื่มถูกวางลงบนโต๊ะ แขกประจำบ้านเดินไปหยิบแก้วหยิบถังน้ำแข็งหลังบ้านมาจัดเตรียม ไม่ต้องรอให้เจ้าของบ้านอนุญาต ทำเสียงดังขนาดนี้เดี๋ยวก็ออกมา.. "ไอ้แก้ว วันนี้พ่อมึงเป็นอะไร ทำไมตึงจังวะ" หันไปคุยกับนกแก้วที่เพื่อนเลี้ยงไว้ในกรง สงสัยว่าเพื่อนเป็นอะไรถึงดูอารมณ์ไม่ดี "อืม.." เจ้าแก้วพูดตอบโต้เสียงเล็กแหลม ขุนเขายกมือขึ้นเกาหัว แม้แต่เลี้ยงนกก็ยังเหมือนเจ้าของ สงสารลูกเมียมันในอนาคตจริงๆ ถ้ามีลูกมันคงไม่สอนให้ลูกพูดขนาดนกที่เคยพูดได้ ยังพูดได้แค่อืม.. แก็ก!! ประตูหลังบ้านเปิดออก "บ้านกูไม่ใช่ที่สาธารณะ" คนหล่อเจ้าของบ้านถือแก้วเก็บความเย็นออกมา ปากบ่นแต่เตรียมแก้วออกมาเอง..สงสัยจะคอแห้ง ต้องเป็ก!! จะได้อารมณ์ดี "อ้าวเหรอ กูคิดว่าศาลาวัด" ก็เลยชวนสาวๆ มาสวัสดีพระวัดป่า.. "กวนตีน" ใช้สายตามองขวาง "กูแค่กลัวว่ามึงจะเหงาก็เลยหาสาวๆ มาให้ แต่กูก็รู้ว่ามึงไม่มองใครนอกจากน้องแก้มใส ฮ่าๆ" พูดแซวให้เพื่อนถีบ "ถีบหน้าแม่ง" เดินเอาแก้วไปวางให้เพื่อนใส่น้ำแข็ง "ฮ่าๆ มึงก็ซีเรียสเกิน มีคนชอบมันก็ดีกว่ามีคนเกลียดไม่ใช่เหรอวะ ถ้ามึงไม่อยากให้ใครมาชอบ มึงก็ไปศัลยกรรมลดความหล่อแค่นั้นก็จบ" แม่งคนอื่นศัลยกรรมให้หล่อขึ้นแต่มันศัลยกรรมให้ความหล่อลดลงย้อนแย้ง ก๋อง แก๋งๆ เสียงน้ำแข็งถูกโยนลงแก้ว ไม่อยากให้เพื่อนมาแต่ถือแก้วใส่น้ำแข็งก่อนใคร "มึงก็เตือนน้องสาวมึงให้เบาๆ หน่อยแม่งปวดกระดูกไปหากูทุกเดือน" ไม่ใช่ว่าเขาจำคนไข้ไม่ได้ ต่อให้ใส่หน้ากากก็จำได้หมดและน้องสาวมันก็ว่างจัด.. "ฮ่าๆ น้องสาวกูมันบ้า กูเตือนแล้วแต่แม่งไม่ฟังต้องเจ็บสักรอบถึงจะรู้สึก มึงก็เบาๆ กับน้องกูหน่อย เห็นหน้าหมวยๆ แต่มันใจบาง" ไม่ใช่พี่ไม่ห่วงไม่หวงน้อง ที่ไม่อยากให้ยุ่งเพราะห่วงกลัวน้องเสียใจ รักคนมีเจ้าของมันจะสมหวังได้ยังไง สองหนุ่มได้แก้วน้ำหวานสีเหลืองอ่อนมาคนละแก้วนั่งลงคุยกันคนละมุม "อืม" ยกแก้วสีชาขึ้นดื่ม.. "แล้วมึงจะย้ายกลับเมื่อไหร่ กูเห็นสร้างบ้านที่นี่นึกว่าจะอยู่ไปตลอดชีวิต" ก่อนนั้นมันบอกจะมาอยู่สองปี แต่เล่นสร้างบ้านซะสวยแต่อีกหน่อยคงเป็นป่าดงดิบ..แต่ถ้ามันย้ายกลับคงเป็นเขาที่ซื้อเอาไว้ อยากมีที่พักตากอากาศเอาไว้นั่งดื่มพอดี.. "ก็กำหนดการเดิม สองปี" "กูสงสัยว่าทำไมต้องสองปี แล้วทำไมอยู่ๆ มึงถึงอยากย้ายมาต่างจังหวัด แล้วน้องแก้มไปไหนทำไมยอมให้มึงย้ายมาอยู่ที่นี่ได้" ถึงจะไม่ได้สนิทกับคู่หมั้นของเพื่อนแต่ก็รู้ว่ามีนิสัยยังไง ตามติดยิ่งกว่าปลิง "ไม่อยู่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ สองปี" "อ้อ..กูเริ่มเข้าใจละ พอน้องแก้มไม่อยู่มึงก็เลยรีบชิ่งหนีมาใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัดก่อนที่มึงจะไม่ได้ใช้อย่างนั้นใช่ไหม" คิดว่าเดาถูกนะ "อื้ม" เสียงสูง ถามมากเริ่มรำคาญ "อย่าเพิ่งรำคาญกูสิวะ กูกำลังถามมันๆ แล้วชีวิตหลังจากนี้ของมึงล่ะ" "แต่งงาน" สั้นๆ หลังจากนี้คือกลับไปแต่งงาน เขาจึงต้องรีบมาใช้ชีวิตอย่างที่อยากทำ.. "อ้อ..แล้วมึงเต็มใจใช่ไหม กูไม่เคยเห็นมึงเอ็นจอยกับใคร" แม้แต่กับคู่หมั้นก็ไม่เคยเห็นว่ามันจะเอ็นจอยนะ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวมันเอง "อืม.." "ดีแล้วๆ อีกสองปีกูกับมึงก็จะสามสิบห้า ถ้าแก่กว่านี้เดี๋ยวมีลูกไม่ทันใช้ ขนาดตอนนี้กูยังไม่แก่ เตี่ยยังบ่นกูทุกวันว่าเมื่อไหร่จะมีเมีย มึงโชคดีแล้วแหละที่มีไม่ต้องมาตามหาเหมือนกู พอถึงเวลาก็แต่งเลย" ชีวิตหลังจากนี้ของเพื่อนคือแต่งงาน เขารู้สึกยินดีกับเพื่อนมากนะ เหมือนมีลางสังหรณ์ว่ามันจะได้แต่งงานเร็วๆ นี้ ว่าแต่จะแต่งกับใคร ถ้าไม่ใช่กับคู่หมั้น..ฮ่าๆ คิดไปได้ "อืม" เริ่มขี้เกียจพูดก็จะพูดแค่อืม..สั้นๆ นั่งคุยกันสักพักเอื้อกับบาสก็เดินเข้ามาร่วมวงสนทนา สองหนุ่มมาที่นี่กันประจำอยู่แล้ว เมื่อบาสกับเกื้อมาถึงบทสนทนาจึงสนุกสนานยิ่งขึ้น ส่วนคุณหมอเจ้าของบ้านก็ยังพูดแค่อืม..คำสั้นๆ แต่ก็คุยกันรู้เรื่อง เวลาห้าทุ่ม บาสกับเกื้อก็กลับไปเหลือเพียงขุนเขาที่นอนกับเพื่อนหมอในบ้าน มีห้องแยกนอนกันคนละห้อง..บ้านหลังนี้แทบจะเป็นบ้านหลังที่สองของขุนเขา.. กินไม่กลับเมาหลับบ้านเพื่อน สองอาทิตย์ต่อมา หลังจากที่หลบหลีกปฏิเสธผู้เป็นแม่มาหลายครั้ง วันนี้เป็นวันที่น้ำขิงต้องยอมแพ้ ช่วงนี้อารมณ์ของเธอไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวอ่อนไหวอารมณ์ปรวนแปรราวกับช่วงมรสุมของชีวิต "ถ้าลูกไม่สบายใจ ต่อไปแม่ก็จะไม่ฝาก แม่ผิดเองที่บังคับจิตใจลูก บางเรื่องมันอาจจะเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับแม่ แต่สำหรับลูกก็อาจจะเป็นเรื่องที่ทำให้ลำบากใจแม่ก็ลืมคิดไป" วางแผนมาเสียดิบดี สร้างความสัมพันธ์ให้ลูกสาวได้รู้จักกับคนดีๆ อย่างหมอภามแต่สุดท้ายก็ล่มไม่เป็นท่า "แม่จะฝากอะไรก็ฝากมาเถอะค่ะ เดี๋ยวขิงจะเอาไปห้อยไว้ให้" ตื้อเธอมาทั้งอาทิตย์ วันนี้ใจอ่อนให้ก็ได้ เห็นว่าแม่ตั้งใจทำหรอกนะ ขนมไหว้พระจันทร์เนี่ย "จริงเหรอลูก เดี๋ยวรอแม่แป๊บหนึ่งนะ แม่เข้าไปหยิบถุงขนมแป๊บเดียว" ถ้าครั้งนี้ความสัมพันธ์ยังไม่ดีขึ้นแม่ก็จะยอมแพ้ การจับคู่ไม่ใช่เรื่องดี ถ้าหากไม่รักก็ยากที่จะสำเร็จ.. "ค่ะ" หลายวันมานี้เธอตึงใส่แม่ตลอด กลัวแม่จะคิดมาก ลูกแค่เครียดกับงานและกับอะไรก็ไม่รู้ อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ตลอด "มาแล้วลูก แม่เขียนชื่อไว้ในกล่อง เอาไปห้อยไว้ก็ได้" ยิ้มมีความสุขแต่ในใจมีแผน "ค่ะแม่ ขิงไปก่อนนะ" ยิ้มเดินเข้าไปกอดแม่ ก็รักนั่นแหละ รถกระบะคันสูงถูกขับออกมาอย่างเชื่องช้าตามอารมณ์ของคนเหงา ไม่รู้ว่าเหงาอะไร ไม่ได้อกหักแต่ฟังเพลงเศร้าตลอดยิ่งเพลงไหนอินมากหน่อยก็น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว เธอก็งงกับตัวเองว่าเป็นอะไรและอีกเรื่องคือเรื่องกินแค่อาทิตย์เดียวน้ำหนักเธอเพิ่มมาสามกิโล ตอนนี้น้ำหนักเธอใกล้จะห้าสิบแล้ว แทบกรี๊ดเลย ต้องรีบเอาที่ชั่งไปซ่อนรับน้ำหนักตัวเองไม่ได้... สงสัยเพราะเครียดเลยหิวบ่อย.. เลี้ยวซ้ายก่อนถึงรีสอร์ต ขับเข้ามาจอดหน้ารั้วต้นไม้ ไม่ได้มาสองอาทิตย์ต้นไม้รั้วบ้านเขาสูงจนท่วมหัวและเหมือนจะปลูกเพิ่มอีกมาก ถ้าชอบต้นไม้ทำไมไม่ไปสร้างบ้านอยู่ในป่าจะได้ไม่ต้องปลูกให้เสียเวลา ปึ้ง!! ปิดประตูเดินลงจากรถ หยิบถุงขนมไหว้พระจันทร์ไปห้อยไว้รั้วต้นไม้เตรียมหันหลังกลับก็มีเสียงคนทักจากหน้าบ้านด้านใน "ทำตัวลับๆ ล่อๆ" เป็นคำทักทายจากคนหล่อเจ้าของบ้าน ใบหน้าหล่อเหลาดูผ่อนคลายมากกว่าทุกครั้งที่เจอกัน ใบหน้าสวยหันกลับไปมองไม่อยากทักทายเขา ถ้าไม่จำเป็นเธอก็ไม่ได้อยากจะมา คำพูดที่เขาไล่เธอวันนั้นยังติดอยู่ในใจ "แม่ให้เอาขนมไหว้พระจันทร์มาให้ ถ้าไม่จำเป็นฉันก็ไม่อยากจะมาหรอก" ไม่รู้เป็นอะไรรู้สึกเหม็นหน้าเขาเอามากๆ "ฝากขอบคุณแม่เกดด้วย แล้วไหนขนมผมล่ะ" ร่างสูงใหญ่สวมเสื้อยืดสีขาวเดินออกมาหยุดยืนอยู่ที่หน้ารั้วบ้าน "ห้อยไว้ตรงนั้นค่ะ"ชี้ไปที่รั้วต้นไม้ วันนี้เขามาแปลก ดูไม่หงุดหงิดเหมือนทุกครั้ง "วันหลังจะเอาของมาให้ก็เรียก ไม่ใช่ห้อยไว้แบบนี้" วันนี้พูดยาว.. น้ำขิงเหลือบตามองบน เอามาฝากถึงบ้านก็ดีแค่ไหนแล้ว "อ้อค่ะ" เมื่อเขาเดินมาหยิบขนม เธอก็เดินไปขึ้นรถแต่มีอาการหน้ามืดกะทันหันก็เลยเซเล็กน้อยแต่โชคดีที่ถึงรถพอดี เจ้าของบ้านที่ยืนอยู่ไม่ไกลมองด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร คิดว่าเป็นแผนแกล้งเรียกร้องความสนใจ... น้ำขิงพยายามตั้งสติไม่ให้ตัวเองวูบ เธอจะป่วยที่ไหนได้ก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่..พักหลังมานอกจากกินเยอะหิวบ่อยเธอก็เหนื่อยง่ายมากจริงๆ สงสัยเพราะออกกำลังกายหนักไป แม่อยากให้เธอลดน้ำหนัก..ร่างบางค่อยๆ เปิดประตูขึ้นรถจากนั้นก็ขับออกไปช้าๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD