“วันนี้มีเรียนอิ้งค์ภาคบ่ายยาวเลย เห้อ...”
เด็กสาวอยู่ในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง นั่งทำหน้าตาบอกบุญไม่รับเมื่อต้องเตรียมตัวเรียนภาควิชาภาษอังกฤษที่ตัวเองดูไม่ถนัดมันเอาเสียเลย
“ก็สนุกดีออก ฉันชอบนะ”
คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยกวางหนังสือลง พร้อมกับยื่นมืออันอวบอูมหนั่นแน่นไปหยิบป๊อปคอร์นที่วางอยู่ด้านข้างมาใส่ปาก ตามด้วยน้ำชาเขียวมัจฉะที่โปรดปราน
“ก็แกเรียกเก่ง ดูฉันสิ แค่เอกภาษาจีนที่เรียนอยู่ก็จะไปไม่รอดอยู่ละ”
หลังจากที่เรียนคณะมนุษย์ศาสตร์เอกภาษาจีนมาหนึ่งเทอม ทำให้เธอรู้ว่าตัวเองไม่ชอบภาษาจีนที่ต้องเขียนตัวขยุกขยิกหรือแม้แต่อักษรพินอิน
“เพราะแกไม่อ่านหนังสือไง อ่ะนี่ เอาไปอ่านซะพิมชนก ฉันขี้เกียจทำการบ้านให้แกแล้ว”
เธอบอกกับเพื่อน ก่อนจะโยนหนังสือศัพท์ภาษาจีนแปลไทยให้ แล้วแกะซองขนมที่วางอยู่บนโต๊ะอีกหลายๆซองและเทมันเข้าปากพร้อมๆกันอย่างเอร็ดอร่อย
เดอริส หรือ อารยา สาวร่างอวบอั๋นเธอรักการกินเป็นชีวิตจิตใจ เธอสามารถหยิบอาหารหรือขนมเข้าปากได้ตลอดเวลา เธอเป็นลูกครึ่งไทย
-
ญี่ปุ่น บิดาได้เสียชีวิตตั้งเธอกับพี่ชายยังเด็กซึ่งก็จำไม่ได้แน่ชัดว่าอายุเท่าไหร่ มาดามแคทเธอรีนได้พบรักกับหนุ่มชาวฝรั่งเศสครั้นเมื่อไปเที่ยวเกาะพะงันเมื่อสามปีที่แล้ว และได้ตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส สานต่อกินการร้านอาหารกับผู้เป็นสามีและพาอารยาไปอยู่ด้วย
สาวน้อยไม่คุ้นชินกับวัฒนธรรมและประเพณีการอยู่การกิน เธอชอบอาหารไทยโดยเฉพาะน้ำพริกกะปิและขนมชั้น อารยาจึงคิดถึงประเทศไทยมาก เพื่อนๆที่โรงเรียนก็มักจะล้อเธอว่าอ้วนเหมือนช้างจนไม่อยากไปโรงเรียน มาดามแคทเธอรีนจึงตัดสินใจส่งตัวอารยากลับมาเรียนที่ประเทศไทย ซึ่งในตอนนั้นเวลสันผู้พี่ชายได้เรียนจบพอดีและกำลังรอรับปริญญา
ปัจจุบันอารยาเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง คณะมนุษย์ศาสตร์สาขาภาษาจีน เธออยู่ในบ้านหลังใหญ่ของอดีตครอบครัวกับพี่ชายที่เปิดบริษัทขายรถยนต์มือสอง
เธอเคยโดนพี่ชายเตือนเรื่องการกินอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากน้ำหนักตัวที่มากเกินไปทำให้สาวน้อยวัยเพียง
19
ปีต้องเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่หยุดกิน แถมยังยังชอบแอบเอาขนมไปยัดอยู่ตามซอกเตียงในห้องนอนส่วนตัวอีกต่างหาก
“เย็นนี้ไปฟิตเนสกัน น้ำหนักฉันขึ้นตั้งสองกิโลแน่ะ”
พิมชนกยังไม่ยอมอ่านหนังสือตามที่เพื่อนบอก แถมยังหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนขึ้นมากดเล่นอย่างหน้าชื่นตาเฉย
“ไม่ดีกว่า ฉันอยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว”
หน้าที่กำลังอิ่มเอิบดูมีความสุขกับการกินสลดลงทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในฟิตเนสเมื่อสองเดือนก่อน
สองเดือนที่แล้ว...
สาวน้อยร่างอวบอ้วนเต็มไปด้วยไขมันส่วนเกินที่ดันปริออกมาตามท่อนขาและสีข้างรวมไปถึงหน้าท้องเป็นชั้น เธออยู่ในชุดกีฬาของศูนย์ออกกำลังกายชื่อดัง ผมสีน้ำตาลธรรมชาติตามแบบฉบับของสาวลูกครึ่งถูกมัดรวบขึ้นสูงพร้อมกับที่คาดผมสีชมพู เปิดเผยลำคออวบเป็นปล้อง อารยารู้สึกประหม่าไม่มั่นใจในตัวเอง เนื่องจากไม่เคยใส่ชุดที่รัดทรวดทรงแบบนี้มาก่อน แต่ก็โดนเพื่อนปลอบใจจนรู้สึกดีขึ้น
“นั่นไงพี่ภู อยู่โน่น”
พิมชนกชี้ไปทางชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดกีฬาสีดำ เขากำลังใช้มือและลำแขนของตัวเองยกเวทขึ้นลงเป็นจังหวะ สองขาแกร่งกางกว้างออกพอที่จะให้ทรงตัวไว้ได้ ใบหน้าคมสันนั้นเรียบนิ่งแต่ทว่ามีเสน่ห์อย่างล้นเหลือ
“มันจะดีหรอพิมพ์ ฉันกลัว”
อารยาเกาะขอบประตูห้องยิมไว้แน่น ยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่เริ่มไหลซึมออกมาทั้งๆที่เครื่องปรับอากาศกำลังทำงานเย็นฉ่ำ
“เรามาถึงขนาดนี้แล้วนะเดอริส เข้าไปคุยเลย จะได้รู้สักทีว่าเค้าคิดยังไง”
พิมชนกเชียร์เพื่อนอย่างเต็มที่ ถึงแม่อารายาจะอวบอ้วนแต่กลับมีผิวขาวออร่าเปล่งปลั่งตามฉบับของลูกครึ่ง หน้าตาก็ใช่ว่าจะขี้ริ้วขี้เหร่ ถ้ามองดีๆอารยาก็เป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่งเลยทีเดียว
“แกแน่ใจนะว่าเค้ามองมาที่ฉัน”
บ่อยครั้งที่ภูวดลมักจะชอบชำเลืองสายตามองมาในยามที่เจอกัน แต่อารยาก็ไม่อยากมั่นใจว่าเขาจะชอบผู้หญิงตัวอ้วนๆอย่างเธอ
“อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ”
พิมชนกพูดพร้อมกับผลักร่างอวบอ้วนของเพื่อนสาวออกมาจากมุมหนึ่ง จนอารยาเซถลาเข้าชนกับฟิตเนสบอล
(
ลูกบอลโยคะ
)
จนหัวทิ่มพื้น
“ว๊าย
!
ตายแล้ว”
พิมชนกรีบดึงแขนอวบๆของเพื่อนให้รีบพยุงตัวขึ้น เพราะตอนี้ทั้งคู่ได้กลายเป็นจุกเด่นจนคนกำลังใช้บริการของศูนย์ฟิตเนสนี้หันมองตามกันระนาว รวมไปถึงหนุ่มรุ่นพี่สุดหล่อที่เป็นเป้าหมายของการมาฟิตเนสในครั้งนี้ด้วย
ภูวดลส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา ทำไมเขาจะดูไม่ออกล่ะว่าเด็กปีหนึ่งสองนั่นตามเขามาที่นี่ และอีกหลายต่อหลายครั้งทั้งในมหาวิทยาลัย และตามสถานที่ต่างๆ จนเขาอดไม่ได้เผลอส่งสายตามองไปหลายครั้ง แต่พวกหล่อนก็ยังไม่ยอมหยุดการกระทำที่แสนจะโรคจิตนี้
“น้องขาหมูมาอีกแล้วหรอวะ มึงไม่คิดจะสนใจน้องเค้าบ้างหรือไง กูว่าน้องเค้าก็ดูน่ารักดีนะ”
ธเนศหัวเราะกลั้วในลำคอ นึกขำทุกครั้งที่เห็นสองสาวเพื่อนสนิทมาวนเวียนทำตัวเปิ่นอยู่ใกล้ๆภูวดล
“กูไม่สนใจหรอก”
ใบหน้าคมเรียบนิ่งไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ เขายังคงยกเวทขึ้นลงอย่างไม่สะทกสะท้าน จากแขนข้างหนึ่งเปลี่ยนเป็นอีกข้างหนึ่ง แต่แล้วเขาก็กลับวางทุกอย่างลงแล้วเดินอาจๆตรงไปสองสาวรุ่นน้อง
“อ้าวเห้ย
!
”
ธเนศมองตามเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ
ทางสองสาวที่กำลังทำเป็นเล่นโยคะอยู่กับลกบอลเมื่อเห็นร่างใหญ่ของหนุ่มรุ่นพี่สุดหล่อเดินตรงเข้ามาถึงกับรนทำตัวไม่ถูก อารยาเผลอมองสบเข้ากับดวงตาสีนิลที่มองจ้องมายังเธอ แต่ก็คาดเอาไม่ออกว่าจะเขานั้นรู้สึกอย่างไร เพียงแค่ไม่กี่วินาทีภูวดลก็มายืนอยู่ตรงหน้าของเธอ
“เลิกตามฉันได้แล้ว อย่างเธอไม่ใช่สเป็คฉันหรอก เพราะฉันไม่ชอบคนอ้วน มันน่ารำคาญ”
พูดเพียงแค่นั้นเขาก็เดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย
ดวงตากลมสั่นระริกมองตามแผ่นหนังของชายหนุ่มที่ตัวเองตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเขานั่งอยู่ใต้ตึกของคณะ เพียงแค่ได้มองเห็นว่าใบหน้าคมที่เรียบนิ่งก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า ก็ทำให้สาวร่างอวบถึงกับหัวใจพองโต ตั้งแต่เกิดมาเธอเพิ่งเคยตกหลุมรักเป็นครั้งแรก
“เดอริส
!
เดอริส
!
”
พิมชนกจับท่อนแขนอวบนิ่มเขย่าเรียกเพื่อน เมื่อเห็นว่าเดอริสยืนนิ่งไม่ไหวติงแต่อย่างใด
“ตาบ้าเอ้ย
!!!
พูดดีๆไม่เป็นหรือไงวะ”
พิมชนกตะโกนไล่ตามหลังผู้ชายใจร้าย ที่พูดตัดสัมพันธ์อย่างไร้เยื่อใย แถมยังพ่นวาจาดูถูกดูแคลนปมด้อมให้คนอื่นต้องเจ็บใจเล่นอีก
“เรากลับกันเถอะ”
อารยาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าด้วยหยาดน้ำตา ที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันหลั่งไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่
สาวร่างอวบรู้สึกชาดิกจนแทบจะก้าวขาไม่ออก หัวใจดวงน้อยๆหล่นลงตาตุ่ม อารยารู้ว่าตัวเองอ้วนและตัวใหญ่มาก เธอคิดจะลดน้ำหนักอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
4
แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเพราะหลังจากออกกำลังกายเธอก็รู้สึกหิวเนื่องจากเสียพลังงานไปมาก ทำให้ต้องรับประทานอาหารรอบดึกในปริมาณที่มากกว่าเดิมสองเท่า น้ำหนักตัวของเธอเพิ่มขึ้นมาถึงสิบกิโลกรัมอย่างไม่น่าเชื่อ
อารยาจึงไม่คิดที่จะลดน้ำหนักอีกจนมาถึงทุกวันนี้ เธอมีความสุขกับการที่ได้กิน และก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะมาเป็นปัญหาจนสาวน้อยที่เติบโตขึ้นตกหลุมรักหนุ่มรุ่นพี่สุดหล่อประจำมหาวิทยาลัยและเขาก็ปฏิเสธความรักของเธออย่างไม่ใยดี
การสอบภาคฤดูร้อนของเทอมที่สองผ่านไป อารยาสาวร่างอวบเมื่อหลายหลายเดือนก่อน ตอนนี้น้ำหนักตัวของเธอลดจาก
110
กิโลกรัม เหลือ
90
กิโลกรัมอย่างไม่น่าเชื่อ เธอเริ่มศึกษาทั้งการกินยาสมุนไพรลดน้ำหนัก การออกกำลังกาย การเล่นโยคะ และควบคุมอาหารอย่างจริงจัง เพื่อลบคำสบประมาทของรุ่นพี่คนดังกล่าวให้ได้
ช่างเทอมสุดท้ายของรุ่นพี่ปีสี่พวกเขามักจะออกไปฝึกงานข้างนอกอย่างเต็มตัว อารยาจึงไม่ได้พบเจอภูวดลอีกตั้งแต่เหตุการณ์ในฟิตเนสครั้งนั้น เป็นเพราะว่าตึกของคณะมนุษย์ศาสตร์กับคณะวิศวกรรมศาสตร์อยู่ห่างกันคนละฟากของรั้วมหาวิทยาลัย ถ้าเธอไม่เดินเยื้องกรายเข้าไปเฉียดเหมือนแต่ก่อนก็คงไม่เจอ และเธอก็ไม่อยากเจอผู้ชายคนนั้นอีก