ดรัลพรทำใจเย็นแล้วค่อย ๆ แกะนิ้วเรียวยาวที่กุมเต้าของเธอออกทีละนิ้วพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงปกติเหมือนไม่ตื่นกลัวเลยสักนิด
“นมวัวอร่อยกว่านมคนค่ะ นมพี่ดื้อไม่อร่อยหรอก ไปกินนมวัวดีกว่า อร่อยกว่า พี่ดื้อทำนมวัวรสช็อกโกแลตให้คุณธีร์ได้นะคะ คุณธีร์ชอบไหมเอ่ย?”
ธีร์ยอมให้หญิงสาวแกะมือเขาออกจากเต้านุ่มเด้งนั้นแต่เขายังขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจก่อนจะโต้แย้งพี่ดื้อของเขา
“แต่ในทีวีบอกว่านมแม่ดีกว่านมวัว”
“แต่พี่ดื้อไม่ใช่แม่ของคุณธีร์ค่ะ นมพี่ดื้อไม่อร่อยกว่านมวัว” ดรัลพรฝืนยิ้มแล้วพูดอย่างใจเย็น
“ยังไม่ได้กินจะรู้ได้ไงว่าอร่อยหรือเปล่า? พี่ดื้อเคยดูดนมตัวเองเหรอ?” ธีร์ถามอย่างไม่ลดละความพยายาม
คำพูดจากปากของเขาทำให้ดรัลพรหน้าแดง เธอแกะมือใหญ่ของเขาออกจากเต้าสำเร็จแล้ว จากนั้นจึงดึงเสื้อยืดกลับลงมาปิดคลุมท่อนบนตามปกติ เมื่อรู้สึกปลอดภัยขึ้นเธอจึงตอบคำถามของธีร์
“พี่ดื้อไม่เคยดูดนมตัวเองหรอกค่ะ จะดูดได้ยังไง ดูดนมตัวเองยากจะตาย หรือคุณธีร์ทำได้คะ?”
ธีร์เอียงหัวฟังคำดรัลพรก่อนจะถอดเสื้อยืดตัวใหญ่ของตัวเองออก แล้วพยายามก้มหน้าแลบเลียยอดอกตรงหัวนมสีเข้มของตัวเองอย่างจริงจัง
“ว้าย! อย่าถอดเสื้อค่ะคุณธีร์!”
ดรัลพรตกใจยิ่งกว่าตอนที่หนุ่มหล่อกุมเต้าของเธอเสียอีก เธอหน้าแดงเพราะเห็นร่างท่อนบนของเขาอย่างเต็มตา เขามีกล้ามเนื้อแน่นพองามอยู่ทั่วร่าง แถมยังมีร่องหน้าท้องขึ้นเป็นซิกซ์แพคส์แบบที่เธอไม่คาดคิดว่าคนสติปัญญาไม่สู้ดีอย่างเขาจะมีได้
“ดูดนมตัวเองยากจริง ๆ ด้วย เฮ้อ! ธีร์ทำไม่ได้” เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วบอกเธออย่างถอดใจเมื่อพยายามเลียยอดอกตัวเองแต่ไม่เป็นผล
“เฮ้อ! คุณธีร์ใส่เสื้อก่อนค่ะ” ดรัลพรถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วรีบบอกให้เขาสวมเสื้อพร้อมกับคิดในใจ
เพิ่งอยู่ด้วยกันไม่ถึงชั่วโมงดี ดื้อก็เหนื่อยแล้วเนี่ย อยากรู้อยากเห็นให้มันน้อยลงหน่อยได้ไหมคะคุณธีร์?
“แสดงว่าพี่ดื้อยังไม่เคยชิมนมตัวเองจริง ๆ แบบนี้ต้องให้ธีร์ชิมให้ จะได้รู้ว่าอร่อยกว่านมวัวหรือเปล่า” เขาสวมเสื้อตามคำสั่งของเธอแต่ปากยังพร่ำไม่หยุดเรื่องนม
“วันนี้ไม่เหมาะค่ะ คุณธีร์ยังชิมนมพี่ไม่ได้” เธอตอบเสียงจริงจัง
“ทำไมไม่เหมาะอะ? แล้ววันไหนจะเหมาะฮะ? วันไหนธีร์ถึงจะดูดนมพี่ดื้อได้?” ธีร์ถามต่อด้วยแววตาเว้าวอนแสนซื่อ
ดรัลพรสบตาเขาแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ถ้าเป็นหนุ่มหล่อสติสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ถามเธอแบบนี้ เธอคงลนลานจนทำอะไรไม่ถูก แต่นี่พอคิดว่าเขาเป็นเด็กแค่สามขวบ ถามเธอมาแบบนี้ หญิงสาวก็อดเอ็นดูไม่ได้
“อืม... ต้องรอดูว่าคุณธีร์เป็นเด็กดีไหม ถ้าคุณธีร์เป็นเด็กดี ทำความดีครบพันครั้ง พี่ค่อยให้คุณธีร์ชิมนมดีไหมคะ?” ดรัลพรหลอกล่อเขาอย่างเต็มที่
หนุ่มหล่อขมวดคิ้วแล้วยกนิ้วขึ้นมานับยุ่งเหยิงไปหมด ก่อนจะตัดพ้อเธอเบา ๆ
“ธีร์ไม่ชอบพี่ดื้อแล้ว พี่ดื้อใจร้าย ธีร์นับเลขได้ถึงแค่หนึ่งร้อยเอง นับไม่ถึงพันอะ” เขาบอกเธอน้ำเสียงจริงจังจนดรัลพรต้องแอบหัวเราะ
“งั้น... รอให้คุณธีร์โตเป็นผู้ใหญ่ก่อนดีไหมคะ? ตอนนี้คุณธีร์แค่สามขวบ ไว้อายุครบ 33 เมื่อไหร่ พี่จะให้คุณธีร์ดูดนม” เธอบอกเขาทีเล่นทีจริง และธีร์เองก็ฉีกยิ้มขึ้นมา
“เย้! อีกแค่ 30 ปี แบบนี้ธีร์นับได้” เขาร้องอย่างดีใจแล้ววิ่งไปทางประตูห้องรับแขก
“คุณธีร์จะไปไหนคะ?” ดรัลพรรีบวิ่งตามพร้อมตะโกนถามเขา เพราะแม้จิตใจของชายหนุ่มจะเป็นเพียงเด็กสามขวบแต่ช่วงขาของเขายาวเท่ากับชายหนุ่มเต็มตัว ทำเอาดรัลพรสับขาวิ่งตามแทบไม่ทัน
“พาพี่ดื้อไปห้องครัวไง ธีร์หิวแล้ว ถึงไม่ได้กินนม ก็ต้องได้กินข้าว พี่ดื้อต้องทำอาหารให้ธีร์นะ” หนุ่มหล่อตะโกนกลับมาแล้ววิ่งปร๋อไปอย่างรวดเร็ว
ดรัลพรวิ่งตามเขาไปด้วย ยิ้มไปด้วย ท่าทางการแต่งงานเข้ามาในบ้านหลังนี้จะไม่ได้เป็นทุกข์มากเท่ากับที่เธอประมาณการไว้ในตอนแรก
อย่างน้อยผัวของดื้อก็ดูท่าทางจะเป็นเด็กดี เชื่อฟังคำพูดของเมียคนนี้ แบบนี้สิ ค่อยน่าแต่งเข้ามาเป็นเมียหน่อย
********************************
“คุณธีร์คะ สายแล้วนะคะ ตื่นได้แล้ว” ดรัลพรเข้าไปปลุกธีร์เช่นทุกวันที่ผ่านมา แต่ชายหนุ่มก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงคล้ายยังไม่อยากตื่นเช่นทุกวันที่ผ่านมาเช่นกัน
“คุณธีร์! อย่าให้พี่ดื้อต้องออกแรงนะคะ” หญิงสาวขู่เขาแล้วกระชากผ้าห่มอย่างแรงแต่ธีร์กลับยื้อผ้าไว้แน่นแล้วกระชากกลับจนร่างเล็กของเธอปลิวล้มลงมาทับบนร่างใหญ่ของเขา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ล้มไม่เป็นท่าเลย พี่ดื้อแพ้ธีร์” เขาหัวเราะร่าเริงก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง
ดรัลพรอยู่ร่วมชายคาเดียวกับธีร์มาหนึ่งเดือนกว่า กิจวัตรประจำวันเป็นเรื่องเดิม ๆ แต่หญิงสาวก็ทำด้วยความเต็มใจ เพราะหากเทียบกับการให้เธอต้องเสียตัวและอยู่กับคนที่ไม่ได้รักมันคงหนักหนากว่ามาก
“คุณธีร์แกล้งพี่เหรอ?” เธอทำหน้าตาราวกับแง่งอน กอดอกแล้วทำแก้มป่องราวสาวน้อย
“ก็พี่ดื้อน่าแกล้ง” เขาตอบแล้วหอมแก้มของเธอหนึ่งฟอด
ดรัลพรอมยิ้มแล้วหอมแก้มของเขาคืน เธอปฏิบัติกับเขาราวเด็กน้อยสามขวบ เขาเองก็ทำตัวเหมือนดรัลพรเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปเสียแล้ว
ทุกเช้าดรัลพรจะเข้ามาปลุกเขาขึ้นมาจากเตียงที่ปูด้วยชุดเครื่องนอนลายหุ่นยนต์สีน้ำเงินในห้องนอนที่แสนกว้างขวางและเต็มไปด้วยของเล่น เพราะเธอนอนอีกห้องหนึ่งแยกจากเขา ดรัลพรรับหน้าที่เตรียมอาหารเช้าให้เขา การปัดกวาดเช็ดถูบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ดรัลพรล้วนทำเอง ไม่ปล่อยให้จำเนียรหรือสาวใช้จากบ้านใหญ่เป็นคนทำ จากนั้นพอสายหน่อยก็จะมีหมอเฉพาะทางเข้ามาตรวจร่างกายของเขา หลังรับประทานอาหารเที่ยง นักกายภาพบำบัดจะเข้ามาดูแลธีร์ ดรัลพรจึงขอตัวออกไปทำธุระซึ่งส่วนใหญ่คือการแอบไปเฝ้าไข้แม่ของเธอที่โรงพยาบาล เมื่อกลับมาบ้านในตอนเย็น เธอก็ใช้เวลาอยู่กับผัวในนามจนถึงหัวค่ำ หลังรับประทานอาหารเย็นเรียบร้อยเธอก็ให้จำเนียรช่วยเขาอาบน้ำแต่งตัว และเธอรับหน้าที่พาเขาเข้านอนโดยที่ไม่มีใครระแคะระคายเลยว่าตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเธอนอนแยกห้องกับเขาทุกคืน ดังนั้นในเช้าวันนี้ที่เจ้าสัวธนัยมาเยี่ยมลูกชายถึงบ้านพร้อมคำถามแสนกระอักกระอ่วนจึงทำให้ดรัลพรตอบไม่ถูก
“อยู่กันมาเกินหนึ่งเดือนแล้ว มีท่าทีว่าจะท้องหรือยัง?” เจ้าสัวที่เข้ามานั่งร่วมรับประทานอาหารเช้ากับธีร์และดรัลพรถามขึ้นมาหน้าตาเฉย ไม่รู้ว่าถามดรัลพรหรือถามธีร์
“ท้องอะไรอะป๋า? ธีร์ไม่เข้าใจ” ธีร์ที่จิ้มไส้กรอกส่งเข้าปาก ขยับแว่นตาแล้วถามพ่อของเขา
“ก็แกเอากับเมียแกมาเป็นเดือนแล้ว สมัยนี้ท้องแค่เดือนเดียวก็ตรวจรู้แล้ว ฉันให้จำเนียรไปหาแท่งตรวจการตั้งครรภ์มา ต้องตรวจทุกวัน จะได้รู้ว่าท้องไหม เข้าใจหรือเปล่า?” เจ้าสัวชราสั่งเสียงแข็ง
“เข้าใจค่ะ จะตรวจทุกวันค่ะ” ดรัลพรรับปากส่ง ๆ ให้ผ่านสถานการณ์คับขันไปได้ก่อน
“เอาอะไรอะป๋า? เอายังไง?” ธีร์ยังคงไม่ลดละ ตั้งคำถามต่อ และเมื่อได้ยินคำถามประโยคนี้จากปากของลูกชาย เจ้าสัวธนัยก็ถึงขั้นขมวดคิ้ว
“แกไม่รู้หรือไงว่าผู้หญิงกับผู้ชายเขาเอากันยังไง? อย่าบอกนะว่าทั้งเดือนที่ผ่านมา แกกับหนูดื้อ... ยังไม่เคยเอากัน?” เจ้าสัวธนัยถามด้วยน้ำเสียงที่เริ่มหงุดหงิด ยิ่งเห็นลูกชายขมวดคิ้วแล้วมองหน้าเขาด้วยแววตาฉงนปนใสซื่อ เจ้าสัวสูงวัยก็แทบอยากจะปาจานข้าวของเขาทิ้งลงพื้น
ปึ้ง!
ธนัยเปลี่ยนจากการปาจานข้าวมาเป็นการตบโต๊ะแรง ๆ ทีหนึ่งจนลูกชายและลูกสะใภ้สะดุ้งโหยง แม้แต่จำเนียรที่ยืนคอยให้บริการอยู่ข้าง ๆ โต๊ะอาหารก็สะดุ้งไปด้วย
“นี่มันอะไรกันวะ?! ดื้อ ฉันจ่ายเงินให้บ้านของเธอตั้งมากมาย ฉันต้องการหลานของฉัน หลานที่เกิดจากไอ้ธีร์กับเธอ เข้าใจไหม?” ธนัยถามเสียงดังลั่น
“แต่... คุณธีร์ทำไม่เป็นนี่คะ อายุสมองคุณธีร์แค่สามขวบ จะให้ดื้อทำยังไงคะ?” ดรัลพรสารภาพด้วยจำนนต่อพยานหลักฐานซึ่งก็คือตัวของผัวเธอเอง
“ทำไม่เป็นก็หาวิธีให้มันทำเป็น สมองมันแค่สามขวบ แต่ร่างกายมัน 33 แล้ว! ต้องทำได้สิวะ ทำไม่ได้ก็หาหนังโป๊เปิดให้มันทำตาม ถ้ายังไม่ได้อีก เธอก็ต้องเป็นคนเริ่ม ฉันให้เวลาอีกหนึ่งเดือน ถึงจะยังไม่ตั้งท้อง แต่อย่างน้อยถึงตอนนั้นไอ้ธีร์มันต้องรู้ว่าผัวเมียเขาเอากันยังไง เข้าใจไหม?!” เจ้าสัวตวาดถามเสียงลั่น
ดรัลพรนิ่วหน้าแล้วหันไปมองธีร์ที่มีท่าทางหวาดกลัวกับเสียงอันดังลั่นของผู้เป็นพ่อ เขากลัวจนตัวสั่น และปฏิกิริยาของเขาก็ทำให้ดรัลพรแทบถอดใจ เพราะดูอย่างไรเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะร่วมมือกันทำลูกกับเธอได้เลย
“เออ... ถ้าดื้อจะชดใช้เงินคืนให้เจ้าสัว ต้องใช้เงินเท่าไหร่คะ? ทางบ้านของดื้อก่อหนี้ไว้เท่าไหร่?”
บางทีการหาเงินคืนให้เจ้าสัวอาจง่ายกว่าการพยายามเอาคุณธีร์มาเป็นผัวทางพฤตินัยของดื้อก็ได้
เจ้าสัวยิ้มเจ้าเล่ห์ เหมือนรู้แน่ว่าอย่างไรเสียดรัลพรก็หนีจากการเป็นสะใภ้คนโตของเขาไม่พ้น
“25 ล้าน ฉันลดให้เจ็ดหมื่น เป็นค่าจ้างที่เธอดูแลไอ้ธีร์มาเดือนหนึ่งเต็ม ๆ เหลือยอดยี่สิบสี่ล้านเก้าแสนสามหมื่นบาทถ้วน คืนให้ฉันเมื่อไหร่ดี?” เจ้าสัวเฒ่าถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
ดรัลพรหน้าซีดเผือด เธอก้มหน้านิ่ง ในหัวคิดแต่ว่าต้องหาทางออกอย่างไร
พ่อนะพ่อ! ทำอีท่าไหนถึงขายเพชรเจ๊งขนาดนี้ได้? ติดหนี้ตั้ง 25 ล้าน แล้วให้ดื้อเอาตัวเข้าแลกเนี่ยนะ?
“เหอะ! ไม่มีปัญญาใช้หนี้อยู่ดี พวกบ้านเธอมันล้างผลาญเงินทองกัน ดังนั้นเธอก็ต้องหาเงินให้เก่งหน่อยนะ ดรัลพร” เจ้าสัวพูดน้ำเสียงเย้ยหยัน ยิ่งได้ฟังคำจากปากของเขา ดรัลพรก็ยิ่งนิ่งเงียบ
“ปะ... ปะ... ป๊า! ป๊าหยุดว่าพี่ดื้อนะ! ธีร์ไม่ชอบให้ใครมาว่าพี่ดื้อของธีร์” ชายหนุ่มที่กลัวพ่อจนแทบไม่กล้าต่อปากต่อคำออกตัวปกป้องเมียในนามแบบที่ต้องทำให้เจ้าสัวธนัยหันไปมองลูกชายของตัวเองแล้วคลี่ยิ้มออกมา
ดรัลพรเองก็เงยหน้ามองผัวด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะกล้าต่อต้านผู้เป็นพ่อ
“ดี! ถ้าแกไม่อยากให้ป๊าด่าพี่ดื้อของแก แกต้องเอาเมียให้เป็น ทำให้พี่ดื้อของแกท้องให้ได้ ไม่อย่างนั้นไม่ใช่แค่ด่า ป๊าจะส่งคนมาตบตีพี่ดื้อของแกจนเจ็บหนักแน่ จำเอาไว้ ไอ้ธีร์!”