สองสาวดิ้นรนทะยานเข้าหากัน แม้จะถูกหนุ่มคนงานจับไว้ ยังไม่วายยื่นมือยื่นเท้าไปใส่อีกฝ่าย ขณะที่ปากก็ก่นด่าสาดคำพูดใส่กัน เป็นที่สนุกสนานของผู้ชมและผู้เชียร์ ซึ่งพลอยชินไปกับวิวาทของสองสาวด้วย
เสียงอึกทึกครึกครื้นลั่นพลันเงียบในนาทีถัดมา เมื่อเสียงห้าวห้วนตวาดลั่นโรงอาหารกลางไร่
“หยุดเดี๋ยวนี้! กินข้าวหม้อเดียวกันแท้ๆ ยังจะกัดกันอีกนะ”
งานวัดเฉพาะกิจที่กำลังโหมโรงอย่างคึกคักเป็นอันชะงัก ปิดเครื่องเสียงเก็บไมค์ โรงอาหารเงียบกริบเป็นเป่าสากยิ่งกว่าป่าช้าท้ายวัด ร่างสูงใหญ่ของพันแสงก้าวเข้ามาในโรงอาหารแบบโอเพ่นแอร์ด้วยใบหน้าดุขึ้ง
หัวหน้าคนงานมองจ้องประนอมก่อนอย่างดุๆ หญิงสาวตวัดตามองตอบอย่างไม่ยอมไม่สำนึก ทั้งกัดปาก กำหมัด สะบัดตัวออกจากมือของหมึก พันแสงส่ายหน้าระอา มองไปที่แสงเดือน ซึ่งฝ่ายหลังทำตัวหงอ ทำหน้าเจื่อนสำนึกผิด เธอไม่ได้กลัวพันแสง แต่ร่างสูงแกร่งกำยำที่เดินตามเข้ามานั่นต่างหากทำให้แสงเดือนรีบแอ๊บเด็กแอ๊บใส ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม
“เคยดูแต่มวยมันวันเสาร์ ดูมวยหญิงในไร่เราก็เข้าทีเหมือนกันโว้ย ไอ้พันเข้าเมืองศุกร์นี้มึงไปจัดนวมมาไว้สักสี่ห้าคู่ด้วยนะ” โรมรันสั่งลูกน้องเสียงเข้ม กวาดสายตามองหน้าคนงานทุกคนในที่แห่งนั้น
“ต่อไป ใครอยากวางนวมกับใครบอก เดี๋ยวจัดให้ ไร่เราคงครึกครื้นดีพิลึก จัดมันตอนกลางวันแบบนี้แหละ กินข้าวเที่ยงจะได้มีรสมีชาติมากขึ้น”
คนงานมองหน้ากันเลิ่กลั่ก บางคนอยากจะหัวเราะแต่ก็ไม่กล้า บางคนพยักพเยิดหน้าให้กัน เหมือนจะพูด ‘กูว่าแล้ว’
โรมรันเลิกคิ้ว หน้าคมสันดุดัน
“เอ้า บื้อกันอยู่ทำไม รีบกินข้าวกันสิ งานมีรออยู่ไม่ใช่เรอะ รึใครสนใจจะเป็นคู่แรก เอาแบบคาดเชือกกันไม่ง้อนวมยังได้นะวันนี้”
สิ้นเสียงดุกระด้าง เสียงช้อนกระทบจานดังเคร้งคร้าง แต่ละคนหันไปสนใจจานข้าวของตัวเอง บางคนก็ก้มหน้าเพื่อจะยิ้มขำ คำประกาศลั่นจากคุณเข้มนั้นยังไม่มีใครสมัครใจอยากลองแม้แต่คนเดียว
พันแสงเป่าปาก ตวัดตาคาดโทษทั้งสองสาว ก่อนจะเดินตามเจ้านายหน้าดุไปที่โต๊ะว่าง
ประนอมรีบไปหาข้าวหาน้ำมาให้ โดยมีแสงเดือนตามไปช่วย
“อยากลงนวมวันไหนบอกนะนังน้อมนังเดือน” พันแสงอดแขวะสองสาวไม่ได้
“แหม... พี่พันก็ พวกฉันแค่หยอกกันเล่น สร้างความครื้นเครงตอนกินข้าวกลางวันเท่านั้นแหละน่า” แสงเดือนตอบเสียงอ่อนเสียงหวาน ขณะทอดสายตาไปยังเจ้าของไร่หนุ่ม
โรมรันนั้นไม่ได้สนใจมองอะไร นั่งเอนตัวพิงพนักนิ่ง ทอดสายตาไปยังป่าข้าวโพดเขียวขจี คำพูดที่ผ่านมาได้ยิน กดทับหัวใจใต้อกกว้าง
สามปีกว่า... เจ้าเด็กอวดดีนั่น ไม่แม้แต่จะโทรศัพท์มาหาเขาสักครั้ง เขาจะได้รับฟังเรื่องของเธอผ่านทางประนอม ยายปลิว ไม่ก็พันแสง
สามปีกว่าที่ไร่พฤกษ์พนาพัฒนาไปมากกว่าที่คิด คนงานมากขึ้นเป็นเท่าตัว ฟาร์มกระบือของเขามีชื่อเสียงมากขึ้นหลังจากคว้ารางวัลชนะเลิศการประกวดพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ควายสวยงามระดับประเทศได้ ส่วนฟาร์มควายนมเก็บเกี่ยวผลิตผลมากว่าหนึ่งปีแล้ว โรมรันทำฟาร์มวัวนมเพิ่มด้วย ไร่ขยายจำนวนเพิ่มมากขึ้น โรมรันซื้อที่ดินติดกันเพิ่มอีก และตอนนี้เขาก็มีหน้าร้านนำเสนอผลิตภัณฑ์ทั้งที่ในเมือง และด้านหน้าไร่ เนื่องจากถูกทางจังหวัดขอความร่วมมือให้จัดทำโครงการแหล่งเรียนรู้ทางด้านการเกษตรและการทำฟาร์ม
กิจการเจริญเติบโตดีเยี่ยม แต่ความสัมพันธ์ของเขากับพุดแก้วนับวันถอยหลังลงคลอง นับแต่คืนนั้น
ชายหนุ่มพ่นลมหายใจแรง ขับไล่ความหงุดหงิดที่อัดอก ใจนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกือบจะทำให้เขาตบะแตก แอบฟัดเด็กในปกครองที่ริอาจเอาตัวเองใส่พานประเคนเสือร้ายอย่างเขา พอเขาไม่สนอง เธอก็โยนคำว่าเกลียดใส่หน้า โดยที่ไม่ได้รับรู้เลยว่า เขาต้องใช้ความอดทนอดกลั้นขนาดไหน ไม่ให้ขบเขี้ยวขย้ำหญ้าอ่อนรสหวานถูกใจกินให้สมใจอยาก
“อีกเทอมเดียวเจ้าพุดก็เรียนจบแล้วนะครับ” พันแสงลอบมองหน้านายหนุ่มก่อนจะเล่าเบาๆ
“เจ้าชาลมันบอกว่า ตอนนี้พุดมันกำลังหาหออยู่ใหม่ เรียบจบแล้วก็คงอยู่หอมหาลัยไม่ได้ ต้องมาเช่าข้างนอก มันได้งานบริษัทที่ไปฝึกงานนั่นแหละ เห็นว่าจะทำงานที่โน่นเลย”
โรมรันตักแกงใส่จาน ฟังนิ่งๆ ไม่พูดอะไร ชาลหรือวิชาลคือคนที่เขาส่งไปเฝ้าคอยดูแลความปลอดภัยของพุดแก้วอยู่ห่างๆ แม้จะสั่งให้เธอพักในหอพักมหาวิทยาลัย โรมรันยังไม่พอใจ ต้องให้คนไปตามดูอีกที
พันแสงหลุบตามองจานข้าว ที่จริงซ่อนประกายระยับเพราะขบขันเอาไว้ก่อนคนเป็นนายจะทันสังเกต เห็นหรอกว่ามือนายหนุ่มที่กำลังจับช้อนนั้นเกร็งเกินความจำเป็น
เจ้านายนะเจ้านาย ทำปากแข็งไม่สนใจ แต่ที่จริงคอยเงี่ยหูฟังข่าวพุดแก้วทุกเรื่องล่ะสิท่า
วันนี้ระเบิดอารมณ์ใส่คนงานก็เพราะเรื่องเด็กสาวไปกระทบหัวใจแน่แท้
หนุ่มหัวหน้าคนงานไม่พูดอะไรต่ออีก ปล่อยให้นายหนุ่มผู้ปากหนัก อารมณ์ร้อน แถมยังหน้าดุดันใช้ความคิดไปเงียบๆ
โรมรันกินข้าวกลางวันเงียบๆ ขณะที่โรงอาหารกลับมาคึกคักอึงคะนึงไปด้วยเสียงพูดคุยหัวเราะและเสียงจานเสียงช้อนกระทบกันเป็นระยะ เสียงพวกนั้นไม่ได้กระทบโสตของเจ้าของไร่หนุ่ม ใจมันจดจ่ออยู่กับเรื่องของสาวน้อยที่อยู่แดนไกล เขาไม่หวั่นเรื่องที่แสงเดือนพูด ทุกการเคลื่อนไหวของพุดแก้วอยู่ในสายตาเขาตลอดอยู่แล้ว ถ้าเธอจะทำตัวเหลวไหลเละเทะก็ต้องทำตอนอยู่ในเขตมหาลัยเท่านั้นแหละ วิชาลก็ไม่เคยรายงานเรื่องพวกนั้น นอกจากเรื่องที่เธอไปกินเลี้ยงสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนชายหญิงบ้าง แล้วก็ทำงานพิเศษอีกนิดหน่อย แต่เรื่องที่เธอคิดจะทำงานลงหลักปักฐานที่กรุงเทพฯ เห็นจะไม่มีทาง
เขาไม่มีวันยอม!!!