ตอนที่ 2

2321 Words
รักต้องแลก Writer : Aile'N ตอนที่ 2 คุยกับแม่พักหนึ่งนิชาก็ขอตัวขึ้นมาบนห้อง ทิ้งร่างอ่อนแรงลงนอนแผ่บนเตียงกว้าง คิดทบทวนในสิ่งที่มันเกิดขึ้น เธอจะไม่ยอมจนตรอก ต่อให้อัคคีจะใส่อำนาจกลั่นแกล้งยังไงเธอก็จะต้องหางานใหม่ให้จงได้ จะไม่ยอมกลับไปฟังคำดูถูกจากเขาแน่! คิดจนปวดหัวนิชาก็จำต้องหยุดคิด ลุกไปหายากินและกลับมานอนอีกครั้ง กระทั่งหลับไปและตื่นขึ้นมาอีกทีบ่ายสาม เธอลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่เพื่อออกไปรับหลานๆ กลับจากโรงเรียน นิชาเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ซ้ำพี่ชายเพียงคนเดียวก็มาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปพร้อมกับพี่สะใภ้เมื่อสามปีก่อน ทิ้งลูกสาวกับลูกชายไว้ให้ดูต่างหน้า ในบ้านหลังเล็กๆ แห่งนี้จึงมีเพียงเธอกับแม่และหลานอีกสองคน ด้วยอายุที่มากขึ้นและมีโรคประจำตัวแม่จึงไม่สามารถทำงานนอกบ้านได้ ทุกวันเพียงทำขนมเล็กๆ น้อยๆ ฝากเพื่อนบ้านไปขายที่ตลาดพอได้เงินมาช่วยใช้จ่ายในครอบครัว หลานทั้งสองก็ยังเล็กอยู่ในวัยเรียนไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ เพราะฉะนั้นนิชาจึงกลายเป็นเสาหลักเพียงคนเดียวของครอบครัว ซึ่งเธอจะล้มไม่ได้เด็ดขาด! จริงอยู่ว่าการทำงานเป็นเลขาของอัคคีจะได้เงินเดือนไม่น้อย แต่รายจ่ายของเธอในแต่ละเดือนก็ไม่น้อยเช่นกัน และถึงจะยังพอมีเงินเก็บอยู่บ้างแต่คงอยู่ได้ไม่นานถ้าไม่รีบหางานใหม่ อย่างน้อยๆ ประวัติการทำงานของเธอก็น่าจะทำให้หางานได้ง่ายขึ้น "อานิสวัสดีครับ/ค่ะ" ใช้เวลาไม่นานบนท้องถนนก็มาถึงโรงเรียนของหลานๆ หลานชายมีชื่อว่า 'น้องปุณณ์' อายุสิบห้า เรียนอยู่ชั้นมอสาม ส่วนคนน้องเป็นผู้หญิงชื่อ 'น้องปัญญ์' อายุสิบขวบ เรียนอยู่ชั้นปอสี่ โชคดีที่ทั้งคู่เป็นเด็กเรียบร้อยน่ารัก ไม่มีเรื่องเกเรให้เธอต้องทุกข์ใจเพิ่ม "อานิไม่สบายเหรอคะ" น้องปัญญ์ถามตาแป๋วเมื่อเห็นคุณอาใส่หน้ากากอนามัยปิดไปครึ่งหน้า "อานิสบายดีค่ะ อานิแค่แพ้ครีมนิดหน่อย แก้มเลยแดง ป้ะ กลับบ้านกัน" นิชาตอบเลี่ยงและชวนเปลี่ยนเรื่อง เด็กๆ ทั้งสองคนก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร "อานิ หนูอยากกินไอติม พี่ปุณณ์ก็อยากกินค่ะ" เจ้าตัวเล็กอ้อนตาใส ไม่ลืมเกี่ยวแขนพี่ชายเข้าร่วมขบวนการด้วย นิชาระบายยิ้มเอ็นดู ความสดใสของน้องปัญญ์พอจะทำให้ม่านหมอกขุ่นมัวในใจเบาบางลงไปได้บ้าง "ทำยังไงถึงจะได้กินน้า~" คนเป็นอาเหล่ตามองยิ้มๆ "ต้องเป็นเด็กดีค่ะ หนูเป็นเด็กดี พี่ปุณณ์ก็เป็นเด็กดี พวกเราจะกลับบ้าน ไปทำการบ้าน อาบน้ำและเข้านอนไวๆ ค่ะ" เจ้าตัวเล็กเจื้อยแจ้วเสียงใส แก้มยุ้ยๆ กับปากจิ้มลิ้มสีแดงขยับยุกยิกตามจังหวะการพูดจา ทำคนมองเอ็นดูและในอ่อนอย่างอดไม่ได้ "เด็กดี.. เพราะงั้นอานิต้องให้รางวัลใช่ไหมคะ" ผู้เป็นอาถามยิ้มๆ พลางตบไฟเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางไปยังร้านไอศกรีมร้านประจำ "ใช่ๆ ค่ะ เย่ๆ" เด็กน้อยฉีกยิ้มกว้างพยักหน้าหงึกๆ อย่างกระตือรือร้น เสียงหัวเราะดีใจเล็กๆ ช่วยฟื้นฟูจิตใจของนิชาให้มีแรงฮึดสู้ขึ้นอีกครั้ง ขอแค่รอยยิ้มเหล่านี้ยังคงอยู่ เหนื่อยแค่ไหนเธอก็ทนได้ .. .. "เอ่อ...เราเพิ่งได้พนักงานใหม่ไป ตอนนี้เต็มทุกตำแหน่งแล้ว ขอโทษด้วยนะคะ" "ปิดรับสมัครแล้วค่ะ" "เราไม่ได้รับสมัครพนักงานแล้วครับ ขอโทษที่ไม่ได้เอาป้ายลง เลยทำให้เข้าใจผิด" "ปิดรับแล้วค่ะ ลองไปที่อื่นดูนะคะ" กว่าสองอาทิตย์แล้วที่ไม่ว่าจะนิชาจะไปยื่นใบสมัครงานที่ไหนเธอก็ถูกปฏิเสธแทบจะทุกที่ บางที่ก็ปฏิเสธซึ่งหน้า บางที่ก็โทรกลับมาบอกหลังจากที่ได้สัมภาษณ์ไปแล้ว แต่บางที่ก็เงียบหายไม่ติดต่อกลับมา ไม่ว่าฝ่ายบุคคลของแต่ละบริษัทจะชื่นชมประวัติการทำงานของเธอเหมือนอยากจะรับเข้าทำงานขนาดไหน แต่คำตอบที่ได้ก็เหมือนเดิมทุกที่... นานเข้าก็เกิดความท้อเล็กๆ ขึ้นในใจ แต่นิชาไม่มีทางยอมแพ้ เธอพักเรื่องหางานใหม่ไว้ก่อน หันมาหยิบจับสิ่งใกล้ตัวแทน นั่นก็คือการทำขนม แม้จะทำได้ไม่เก่งเท่ามารดาแต่เพราะได้คลุกคลีมาตั้งแต่เด็กนิชาจึงทำขนมได้หลายอย่าง เธอเริ่มต้นจากการช่วยแม่ทำฝาก 'ป้าน้อม' ที่เป็นเพื่อนบ้านไปขายที่ตลาดและมองหาช่องทางขายออนไลน์ด้วย เริ่มจากออเดอร์เล็กๆ น้อยๆ ไม่เกินตัว หากขายดีถึงจะหาที่ทางลงทุนเปิดร้าน แน่นอนว่าพอเห็นเธอหยุดงานมาทำขนมขาย ผู้เป็นแม่มีหรือจะไม่สงสัย นิชาเพียงให้เหตุผลว่างานที่ทำเริ่มส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจด้วยจำนวนงานและแรงกดดันต่างๆ ที่ต้องเผชิญในแต่ละวัน ซึ่งพูดไปแม่ก็คล้ายจะไม่เข้าใจแต่เธอก็ไม่ได้อธิบายต่อ บอกแค่ว่าอยากหางานใหม่ ระหว่างนี้ไม่อยากอยู่ว่างๆ เลยลองทำขนมขาย ถ้าไปได้ดีก็อาจยึดเป็นอาชีพหลัก พูดอยู่นานจนในที่สุดแม่ก็ยอมรับในการตัดสินใจ หลังจากตัดสินใจได้นิชาก็เริ่มตื่นตั้งแต่เช้ามืด ทำขนมแพ็คใส่กล่องนำไปฝากเพื่อนบ้านขายที่ตลาด เมื่อเรียบร้อยก็เปิดรับออเดอร์ทางออนไลน์ ใจจริงนิชาอยากจะเปิดร้านขายที่หน้าบ้านด้วยซ้ำ ติดเพียงแต่ว่าบ้านเธอค่อนข้างอยู่ในทำเลที่ไม่ค่อยมีคนผ่านเท่าไร จึงตัดทิ้งไป ช่วงแรกนั้นขนมที่ตลาดจะขายดีกว่าทางออนไลน์ เพราะแม่ของเธอทำขายมาเนิ่นนาน เลยมีลูกค้าประจำแวะเวียนมาอุดหนุนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทว่านิชาก็ไม่อยากทิ้งช่องทางออนไลน์เธอทั้งขยันโพสต์ขยันแชร์ด้วยตัวเอง และรบกวนให้คนรู้จักบอกต่อๆ กันออกไป เพียงไม่นานก็เริ่มมีออเดอร์เข้ามาเรื่อยๆ จากน้อยๆ ก็เริ่มมากขึ้น แม้การทำขนมขายจะเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคงเหมือนงานประจำ ทว่าออเดอร์ที่มีเข้ามาและเพิ่มขึ้นในทุกๆ วัน ก็ทำให้นิชาตัดสินใจพักเรื่องหางานไว้ก่อน เธอทุ่มทั้งแรงกายและแรงใจไปกับการทำขนม ทั้งคิดสูตรและแพ็คเกจน่ารักๆ ให้น่าสนใจ ทุกอย่างกำลังไปได้ดี ราบรื่นราวกับอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ที่สุดแล้วยังไงก็ต้องตื่น... ในเย็นวันหนึ่งที่นิชาไปตลาดเพื่อช่วยป้าน้อมเก็บร้านและรับขนมในส่วนที่ขายไม่หมดกลับบ้านเหมือนทุกวัน ความจริงที่ไม่คาดคิดก็ตีแสกกลางหน้าเมื่อขนมของเธอยังเหลืออยู่เต็มแผง ขายไม่ออกเลยสักชิ้น นั่นเป็นเพราะมีลูกค้าคนหนึ่งมาโวยวายที่ร้านป้าว่าขนมของเธอสกปรก มีสิ่งแปลกปลอมปนเปื้อนมากมายหลายชิ้น ทำให้ตอนนี้ขนมของเธอกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนในตลาด ลุกลามไปไกลอย่างหาทางออกไม่ได้ ไม่ว่านิชาจะพยายามอธิบายยังไงก็ไม่มีคนรับฟัง มากไปกว่านั้นป้าน้อมก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย แม้จะมั่นใจว่าขนมของตนสะอาดได้มาตรฐานแต่ด้วยไม่มีโอกาสได้แก้ตัวซ้ำทำคนอื่นเดือดร้อนตาม แรงกดดันมหาศาลทำให้เธอไม่สามารถนำขนมไปขายที่ตลาดได้อีก ความซวยไม่หมดอยู่แค่นั้นเมื่อช่องทางออนไล์ของร้านก็เกิดเรื่องราวคล้ายกันในเวลาเดียวกัน เมื่อมีคนที่อ้างตัวว่าเป็นลูกค้าของร้านเข้ามารีวิวขนมของเธอในทางเสียหาย ทั้งปนเปื้อนและเน่าเสียทั้งที่ไม่เคยมีเหตุการณ์เหล่านี้มาก่อน หลักฐานที่แนบมาก็ไม่ใกล้เคียงกับขนมที่เธอทำเลยสักนิด ราวกับจงใจโจมตีให้เธอเสียหาย แม้จะมีลูกค้าประจำมาแก้ต่างให้ว่าไม่จริง แต่คนนอกที่หลงเชื่อคนเหล่านั้นไปแล้วก็ยากที่จะเปลี่ยนความคิด ทั้งๆ ที่เธอเป็นเพียงร้านขนมเล็กๆ แต่กระแสวิพากษ์วิจารณ์กลับเลยเถิดไปไกลมากๆ ถึงขั้นมีคนแชทมาด่าเธอถึงในแอ็กเคานต์ส่วนตัว เรื่องราวบานปลายจนไม่รู้จะไปจบที่ตรงไหน สุดท้ายนิชาก็จำต้องปิดเพจไป เธอไม่เหลือช่องทางทำมาหากินอย่างที่ตั้งใจอีก ผู้เป็นแม่ที่รู้เรื่องจากเพื่อนบ้านที่แวะมาเยี่ยมก็พลอยเครียดจนส่งผลต่อสุขภาพตามไปด้วย "อานิ...อานิคะ" เสียงเรียกของน้องปัญญ์ทำนิชาที่กำลังนั่งเหม่อหลุดออกจากภวังค์ "คะ?" ใบหน้าสวยที่มีร่องรอยอิดโรยและซีดขาวหันมามองหลานๆ เล็กน้อยก่อนฝืนยิ้มแล้วเอ่ยถาม "ทำไมอานิไม่ทานกับน้องปัญญ์พี่ปุณณ์ล่ะคะ อร่อยนะคะ" เจ้าเด็กช่างจ้อมีสีหน้าเหงาหงอยเมื่อเห็นคุณอาไม่สดใสร่าเริงอย่างเคย เมื่อก่อนเวลามาทานไอศกรีมด้วยกันอานิก็ทานด้วยแท้ๆ ทำไมพักหลังๆ มาถึงไม่เห็นอานิทานอะไรเลย เอาแต่นั่งทำหน้าเครียด "อานิไม่หิวเลยค่ะ น้องปัญญ์กับน้องปุณณ์ทานกันเลยไม่ต้องห่วงอานะ ทานเสร็จจะได้กลับบ้านกัน" มือเรียวบางลูบศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู พยายามดึงสติตัวเองให้กลับมาสนใจเด็กๆ ให้มาก ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมาความสนใจของเธอทั้งหมดก็ตกไปอยู่ที่ผู้ชายที่กำลังเดินเข้าร้านมากับผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งคู่เดินควงแขนกันเข้ามาบ่งบอกสถานะที่สนิทชิด ไม่ทันได้ถอนสายตาร่างสูงก็หันมาสบตาพอดี ริมฝีปากหนากดยิ้มลึกอย่างเจ้าเล่ห์พลันเหตุการณ์ร้ายๆ ที่ผ่านมาก็แว้บเข้ามาในหัว... ไม่ผิดแน่...ทั้งหมดมันเป็นเพราะเขา! ทั้งเรื่องที่ไม่ว่าจะไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ ไหนจะเรื่องขนมที่ปนเปื้อนทั้งๆ ที่เธอมั่นในว่าขนมของเธอสดใหม่และสะอาดทุกชิ้น คนที่เข้ามาโจมตีเธอก็ไม่คุ้นหน้า จำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าซื้อขนมของเธอไปตอนไหน เหตุการณ์เหล่านี้มันมีพิรุธเต็มไปหมด แล้วรอยยิ้มเมื่อกี้...เหมือนเขากำลังเยาะเย้ยกันอยู่ชัดๆ! นิชาถอนสายตาจากอดีตเจ้านายและไม่คิดจะกลับไปมองให้เขาได้ใจอีก ทว่าก็ยังรับรู้ได้ว่าถูกใครคนนั้นจ้องมองอยู่ตลอดเวลา เธออึดอัดและอยากรีบออกไปจากที่นี่เร็วๆ แต่ก็ไม่อยากเร่งเร้าเด็กๆ เลยทำได้แค่ข่มใจนิ่ง ทำเป็นเล่นโทรศัพท์ไม่สนใจใคร โดยลืมไปว่านิสัยเสียของอัคคีอย่างหนึ่งคือยิ่งถ้าเขาสนใจยิ่งเมินเฉยใส่ เขาก็ยิ่งตามตอแย "อ้าว คุณนิ ไม่เจอกันนานเลย หวังว่า...จะสบายดีนะครับ" น้ำเสียงยียวนเอ่ยทัก ไม่รอให้เจ้าของโต๊ะอนุญาตก็ทำการเชิญตัวเองนั่งเบียดลงมาข้างกันอย่างไร้มารยาท "มีธุระอะไรคะ" นิชาไม่ตอบรับคำทักทาย เธอถามกลับเสียงเรียบ จับคลื่นความไม่พอใจได้ชัดเจนแต่คนฟังกลับหาได้สนใจ "ต้องมีธุระด้วยเหรอถึงจะทักคุณได้ คนเคยๆ รู้จักกัน บังเอิญเจอกันก็ต้องทักทายกันสักหน่อยสิ ผมไม่ใจร้ายกับพนักงานของผมขนาดเมินเฉยได้ลงหรอกนะ" อัคคีกดยิ้มลึกขณะโน้มตัวเข้ามาพูดใกล้ๆ น้ำเสียงยียวนของเขาทำขมับคนฟังเครียดเกร็งจนปวด เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการสะกดกลั้นอารมณ์ที่ไม่คงที่ของตัวเองไม่ให้เผลอทำอะไรไม่ดีออกไป "ถ้าคนแบบคุณไม่เรียกว่าใจร้าย ในโลกนี้คงไม่มีคนใจดี" เสียงหวานเปล่งลอดไรฟันให้ได้ยินกันสองคน "ผมแค่ทำได้ทุกอย่าง...เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ" อัคคียังคงแย้มยิ้มเต็มใบหน้าแม้จะถูกอดีตเลขาจิกกัดและมองด้วยแววตาเกลียดชัง มือแกร่งสอดเข้าไปลูบเอวบางอย่างจาบจ้วง นิชานั่งตัวเกร็ง พยายามแกะมือเขาออกอย่างเนียนๆ ทว่าเขาดันกัดไม่ปล่อย เธอไม่มีแรงสู้อีกอย่างก็ไม่อยากโวยวายให้เด็กๆ รู้จึงทำได้เพียงจ้องปรามร่างสูงผ่านทางสายตาเท่านั้น "น้องปุณณ์ น้องปัญญ์ รีบทานค่ะ ได้เวลากลับบ้านแล้ว" นิชาคร้านจะต่อปากต่อคำกับคนเห็นแก่ตัว เห็นได้ชัดว่าอัคคีจงใจเข้ามาหาเพราะอะไร ฉะนั้นเธอจึงไม่มีเหตุผลที่จะญาติดีกับคนที่ใจร้ายพรรค์นี้อีก ความรู้สึกดีๆ มันจบไปตั้งแต่วันที่เธอก้าวขาออกมาจากห้องทำงานของเขาในวันนั้นแล้ว "คุณหนีผมไม่พ้นหรอกคุณนิ ยังไงคุณก็ต้องกลับมาเป็นของผม" ร่างบางที่กำลังจะหาหนทางหลีกหนีถูกลำแขนแกร่งรั้งลงนั่งข้างกันอีกครั้ง น้ำเสียงยียวนเอ่ยกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูพร้อมกับเป่าลมเบาๆ ทำขนอ่อนลุกซู่ เส้นความอดทนที่ขาดสะบั้นทำให้นิชาใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักร่างสูงออกห่างจนสำเร็จ เธอรีบคว้ากระเป๋าและพาเด็กๆ หนีออกมาด้วยความโกรธที่ลุกโชนอยู่เต็มอก .. .. .. ..
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD