รักต้องแลก
Writer : Aile'N
ตอนที่ 4
"อย่ามองผมด้วยสายตาเร่าร้อนแบบนั้นสิ ผมจะอดใจไม่ไหวเอานะ" น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เอ่ยเย้าอย่างชอบใจ ทว่าเขาไม่ได้พูดเล่น กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยจากร่างบางกำลังเร่งเร้าให้เขาอยากสัมผัสเธอมากยิ่งขึ้น ยิ่งมีสิทธิ์ในตัวอีกฝ่ายตามที่ตกลงกันแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอื่นให้เขาต้องหักห้ามใจ
"เร่าร้อน? ใช้ตาตุ่มมองเหรอคะ" ดวงตากลมสวยมองเหยียดร่างสูงอย่างไม่เก็บอาการอีกต่อไป ถึงอัคคีจะเป็นเจ้านายและไหนจะติดหนี้ชีวิตเป็นเงินสิบล้าน เธอก็ไม่คิดจะยอมก้มหน้าให้เขาเสียทีเดียว ขอให้ได้จิกกัดเอาคืนแค่เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี
"หึ ปากดี" มือแกร่งดั่งคีมเหล็กคว้าบีบแก้มเนียนแน่นจนปากจู๋เข้าหากัน นิชาพยายามดิ้นหนีแต่เขาใช้แรงกดคางเธอไว้ไม่ยอมปล่อย ก่อนจะบังคับให้หันมาหาแล้วก้มลงกัดปากนิ่มเพื่อทำโทษ
"อื้อออ" แรงกัดของอัคคีไม่เบาเลย มันทำให้นิชารู้สึกเจ็บจนต้องพยายามดิ้นหนีอีกครั้ง แต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดไม่สามารถทำให้หลุดพ้นได้ เธอทั้งทุบทั้งจิกเขาก็ไม่สะทกสะท้าน
ไม่นานสัมผัสก็แปรเปลี่ยนจากกัดมาเป็นรุกจูบอย่างดูดดื่ม ร่างบางพยายามดิ้นอีกครั้งแต่ก็สู้แรงและความช่ำชองของอัคคีไม่ได้ นานเข้าเรี่ยวแรงขัดขืนก็หมดลง ได้แต่ปล่อยให้เขากระทำได้ตามใจ และคนที่เพิ่งเคยถูกรุกรานด้วยสัมผัสร้อนรุ่มขนาดนี้ก็ได้แต่ตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างหมดสภาพ
พรึ่บ!
ทันทีที่ถูกปล่อยเป็นอิสระนิชาก็เค้นเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายผลักร่างสูงออก ใช้หลังมือเช็ดปากลวกๆ และจ้องมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ ข้าวกลางวันที่ยังกินไม่หมดก็ไม่มีอารมณ์จะกินต่อแล้ว เลยรีบเก็บส่วนของตัวเองลุกหนีออกจากห้องไป
"หึ หวาน..." อัคคีมองตามหลังร่างบางไปด้วยแววตาร้อนรุ่ม ยิ่งได้สัมผัสก็ยิ่งอยากสัมผัสมากขึ้น ความปรารถนาดำมืดลึกๆ ภายในใจของเขาแรงกล้ามากกว่าที่คิดจนเขาเองก็ยังแปลกใจ...
นิชาเอาจานไปวางไว้ในซิงค์และหนีเข้าห้องน้ำเพื่อไปตั้งหลัก ลมหายใจของเธอหอบเหนื่อยเหมือนวิ่งขึ้นลงบันไดสิบชั้น ครั้นมองตัวเองในกระจกก็เห็นสภาพปากบวมเจ่อ แก้มแดงเรื่อ เสื้อหลุดลุ่ยและยับย่น ยิ่งมองก็ยิ่งรับไม่ได้เลยรีบจัดการตัวเองให้กลับมาเรียบร้อย ทว่าปากที่บวมเจ่อกับแก้มแดงเรื่อก็ไม่สามารถกลบเกลื่อนได้อย่างที่ใจต้องการ
ปลายนิ้วเรียวยาวยกขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองเบาๆ พลันนึกไปถึงเหตุการณ์ในห้องนั้นแล้วก็ได้แต่ก่นด่าตัวเองอยู่ในใจเพราะมีช่วงที่เธอเผลอไผลไปกับสัมผัสร้อนแรงของเขา
เมื่อตั้งสติและปรับอารมณ์จนกลับมาเป็นปกติได้แล้วนิชาก็ออกจากห้องน้ำไปเพื่อเก็บล้างจานข้าวกลางวันของตัวเองให้เรียบร้อน พลันเห็นจานอีกชุดที่คาดว่าเป็นของร่างสูงวางอยู่ด้วยกันก็ล้างไปพร้อมกัน
พอออกมาจากห้องพักเบรกก็คล้ายว่าจะปรี๊ดแตกขึ้นมาอีกหน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่รปภ.จำนวนสามคนกำลังช่วยกันยกโต๊ะของเธอเข้าไปข้างใน...
นี่เอาจริงเหรอเนี่ย? ให้นั่งทำงานต่อหน้าเขาทั้งวัน เธอจะไม่ประสาทกินก่อนเหรอ!
"เอาเถอะ...คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะ" ร่างบางถอนหายใจพึมพำกับตัวเอง ก่อนเอ่ยขอบคุณพี่ๆ พนักงานแล้วหยุดทำใจหน้าประตูพักหนึ่ง ถึงจะเปิดประตูห้องประธานเข้าไป
อัคคีกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะตัวเองแล้ว เห็นเธอเข้ามาเขาก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มยียวนให้เล็กน้อย แต่นิชาทำเป็นไม่เห็น เดินตรงไปนั่งโต๊ะเตรียมตัวทำงาน ตำแหน่งโต๊ะทำงานของเธออยู่ไม่ไกลจากเขาแถมหันหน้าเข้าหากันอีกต่างหาก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นคนสั่งให้จัดแบบนี้ กวนประสาทจริงๆ
.
.
"คืนนี้สองทุ่ม ไปหาผมที่คอนโด...ห้ามสาย ห้ามหนี ไม่อย่างงั้นจะไปหาถึงบ้าน"
และแล้วเวลาทำใจที่เหลือเพียงน้อยนิดของนิชาก็หมดลง เธอนิ่งอึ้งอย่างตื่นตระหนกเมื่อได้ยินคำสั่งที่อัคคีทิ้งไว้ในตอนเลิกงาน ก่อนที่เขาจะเดินผิวปากออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี
อย่าบอกนะว่าเริ่มแล้ว? ไวขนาดนี้เลยเหรอ...
ร่างบางกลับบ้านด้วยจิตใจว้าวุ่นไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ได้แต่คิดว่าจะเตรียมตัวรับมือยังไงดี ที่สำคัญทั้งถุงยางและยาคุมต้องเตรียมให้พร้อม เธอจะต้องไม่พลาดท้องในสถานการณ์แบบนี้เด็ดขาด!
"เป็นอะไรหรือเปล่าลูก หน้าเครียดเชียว" ผู้เป็นแม่เอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นลูกสาวเดินเข้าบ้านมาหน้าเครียดๆ และคล้ายว่าจะเหม่อจนมองไม่เห็นเธอที่ยืนอยู่ตรงนี้
"อ้อ เปล่าค่ะ แค่คิดเรื่องงานนิดหน่อย แล้วแม่เป็นยังไงบ้างคะ มีอาการผิดปกติอะไรหรือเปล่า" นิชาพลันได้สติ รีบแก้ตัวและเข้าไปประคองแม่ พาเดินไปนั่งที่โซฟาด้วยความห่วงใย
"แม่สบายดี ไม่มีอาการอะไร ไม่ต้องเป็นห่วงนะ" นางพิมพายิ้มอย่างอ่อนใจเพราะโดนถามอยู่ทุกวัน อีกฝ่ายเป็นห่วงเธอมากนั้นเข้าใจได้แต่ติดจะกังวลมากเกินไปเสียหน่อย ไม่รู้ตอนทำงานมีสมาธิหรือเปล่า
"ห้ามโกหกนะคะ ถ้ามีอาการอะไรให้รีบบอกหนู ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน ที่เจ้านายหนูใหัยืมยังเหลืออีกเยอะ หนูเหลือแม่คนเดียวแล้วรู้ใช่ไหมคะ" นิชาบอกแม่ด้วยความเป็นห่วง แม้จะต้องกัดฟันโกหกว่าเงินที่ใช้รักษาเป็นเงินที่เจ้านายให้ยืมมาชั่วคราวก็ต้องทำเพราะไม่สามารถบอกความจริงได้
"ได้ แม่จะบอกทุกอย่างเลย" ผู้เป็นแม่ยิ้มรับความหวังดีก่อนจะรั้งร่างบางเข้ามากอดไว้ด้วยความรัก
"อ้อ คืนนี้หนูมีกินเลี้ยงกับเพื่อนๆ ที่บริษัทนะคะ สองทุ่ม จะรีบไปรีบกลับและจะไม่ดื่มเยอะ แม่นอนก่อนเลยนะ ไม่ต้องรอ" เป็นอีกครั้งที่นิชาจำต้องโกหกบุพการีอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง จะให้แอบออกไปถ้าโดนจับได้จะยิ่งมีพิรุธมากกว่า
"ขับรถดีๆ นะลูก ถ้าไม่ไหวก็เช่าโรงแรมนอนก็ได้ ดูแลตัวเองดีๆ" นางพิมพาพยักหน้ารับและสั่งกำชับเล็กน้อย ไม่ได้ห่วงมากนักเพราะรู้ว่าลูกสาวเป็นคนเก่ง ดูแลตัวเองได้ดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
"ค่ะ เด็กๆ ล่ะคะ" ร่างบางรับคำก่อนถามถึงหลานๆ ทั้งสองคน
"อยู่บนห้อง เพิ่งไล่ไปอาบน้ำเมื่อกี้"
"งั้นหนูไปอาบน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวลงมากินข้าวกัน"
แม้อยู่ต่อหน้าแม่นิชาจะเก็บอาหารได้ดี แต่พอหันหลังเดินขึ้นห้องร่างกายของเธอก็พลันหนักอึ้งขึ้นมาอีกครั้ง แต่เพียงไม่นานก็สลัดทิ้งไป นี่เป็นสิ่งที่เธอเลือกเองแม้จะไม่เต็มใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ได้แต่ทำใจยอมรับมันให้ได้ก็เท่านั้น
อย่างน้อยๆ เธอก็เคยรู้สึกดีกับเขา ก็แค่เป็นคู่นอนคงไม่ยากกระมัง ไม่แน่เขาอาจจะเบื่อและปล่อยเธอเป็นอิสระในเร็ววันก็ได้...
..
..
นิชายืนมองตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายในกระจกอย่างไม่ค่อยมั่นใจ เพราะต่อให้เห็นธาตุแท้ที่น่ารังเกียจของอัคคียังไงก็ไม่อาจลบล้างความรู้สึกก่อนหน้าที่เธอมีต่อเขาได้ พอรู้ว่าคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ทั้งตื่นเต้นและประหม่าอาย...
ถึงจะทำงานเก่งแต่เรื่องความรักนิชายังอ่อนหัดนัก มีแฟนคนล่าสุดก็ตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งประสบการณ์ในช่วงเวลานั้นก็ช่างเลือนราง ยิ่งกลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัวก็มุ่งแต่ทำงานและจัดการเรื่องส่วนตัวให้เจ้านาย แค่นี้ก็เหนื่อยมากพอแล้ว จะเอาเวลาไหนไปสนใจคนอื่น
นิชาสะบัดศีรษะไล่ความว้าวุ่นก่อนหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายแล้วออกจากห้องไป เธอยังคงแต่งตัวปกติเวลาออกไปข้างนอกก็คือกางเกงขายาวและเสื้อเชิ้ตสีพื้นธรรมดา ถ้าตัดเรื่องความเก่งกาจด้านการทำงานที่ผู้คนมากมายต่างชื่นชมแล้ว เธอก็ยังมองไม่เห็นว่าตัวเองจะมีอะไรดีตรงสเปกของอัคคีอย่างที่เขาเคยบอกเธอเลยสักนิด
ไม่แน่เขาก็อาจจะแค่พูดไปอย่างนั้น เพราะคู่ควงแต่ละคนของเขาต่างจากเธอลิบลับ บางทีเขาอาจจะแค่อยากเอาชนะเธอ อยากกดเธอให้อยู่ใต้อาณัติของตัวเองให้ได้ก็เท่านั้น
ร่างบางผ่านเข้ามาในคอนโคของอัคคีด้วยคีย์การ์ดสำรองที่เขาเคยให้ไว้ แต่เธอไม่ได้ถือวิสาสะเปิดประตูห้องเขาเข้าไปเลย เพียงกดออดหน้าห้องและยืนรอเจ้าของห้องมาเปิดประตูให้เท่านั้น
"สองทุ่มเป๊ะ" เจ้าของห้องมาเปิดประตู เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วพบว่าเธอมาตรงเวลานัดแบบเป๊ะๆ ก็ได้แต่กระตุกยิ้มอย่างชอบใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องให้ร่างบางเดินตามเข้าไป
นิชาลอบกลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคออย่างยากลำบาก เพราะสภาพที่ร่างสูงมาเปิดประตูให้นั้นเขาใส่เพียงกางเกงนอนขายาวตัวเดียว ท่อนบนเปลือยเปล่า และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นมัดกล้ามใต้ชุดสูทของเขาแบบเต็มๆ ตา และก็เพิ่งรู้ด้วยว่าแผ่นหลังกว้างใหญ่นั้นมีรอยสักรูปงูดำเมื่อมตัดกับผิวขาวๆ เลื้อยอยู่เต็มแผ่นหลัง ทั้งสวยงามและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน
อัคคีเดินไปนั่งโซฟาริมระเบียงที่มีเครื่องดื่มวางอยู่ เหล้านอกพร่องไปเกือบครึ่งขวดกับแก้วที่มีน้ำแข็งและของเหลวสีอำพันอยู่ในนั้นบ่งบอกว่าเขานั่งดื่มอยู่ตรงนี้มาสักพักแล้ว
"แต่งตัวเชยชะมัด" ตาคมกวาดมองร่างบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าขาวที่โผล่พ้นชายขากางเกง ก่อนเอ่ยขึ้นมาอย่างเซ็งๆ
นิชาไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดนั้นเพราะรู้ดีว่านิสัยเขาเป็นอย่างไร ถ้าชมนั่นสิแปลก
"จะทำอะไรก็รีบทำเถอะค่ะ ฉันไม่อยากอยู่ดึก"
"แทนตัวเองด้วยชื่อ"
"ค่ะ" เธอตอบหน้าตายและยืนเงียบไม่พูดอะไร ภายนอกทำเป็นนิ่งแต่ใจเต้นโครมครามไม่หยุด
"มานั่งตรงนี้"
ปลายนิ้วเรียวยาวชี้ลงบนพื้นพรมตรงหว่างขา เดาไม่ยากเลยว่าเขาจะให้ทำอะไร นิชายืนทำใจชั่วขณะก็วางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะ เดินไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าเขาตามคำสั่ง แต่ไม่ทำอะไรเพียงนั่งจ้องตาเขานิ่งๆ อัคคีเห็นท่าทางแบบนั้นก็ยิ่งกระตุกยิ้มชอบใจ
"ทำสิ...ทำให้ผมเห็นหน่อยว่าคุณเลขาคนเก่ง ทำอย่างอื่นเก่งเหมือนงานหรือเปล่า" ร่างสูงยกยิ้มเจ้าเล่ห์ เอ่ยท้าทายและยั่วเย้า ยิ่งเห็นเลขาคนสวยจ้องกลับมาเหมือนอยากจะฆ่าเขาให้ตาย ก็ยิ่งชอบใจ
นิชาข่มความโกรธและทำใจชั่วครู่ มือบางก็เอื้อมไปจับขอบกางเกงของอีกฝ่าย หยุดทำใจอีกเล็กน้อยก่อนค่อยๆ รั้งลงเปิดเปลือยให้เห็นท่อนเนื้อสีอ่อนที่ปกคลุมด้วยไรขนพอประมาณและกำลังสงบนิ่ง ทว่าขนาดยังไม่แข็งตัวยังขนาดนี้ไม่คิดเลยว่าตอนแข็งตัวจะใหญ่ได้ขนาดไหน
ร่างบางใจเต้นเหมือนจะหลุดจากอก ได้แต่นิ่งมอง 'สิ่งนั้น' ของเขาอย่างอึ้งๆ และดูเหมือนว่าเขาจะภูมิใจกับขนาดของตัวเองไม่น้อยเพราะเธอได้ยินเสียงหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ
นิชาข่มความรู้สึกต่างๆ ไว้ในส่วนลึก ก่อนจะกลั้นใจคว้ามือจับเจ้าสิ่งนั้นและขยับขึ้นลงเบาๆ เพียงไม่นานมันก็แข็งตัวและกระตุกสู้มือ เธอขนลุกเกรียวราวกับเห็นผีเมื่อได้เห็นและสัมผัสขนาดของมันที่ขยายใหญ่จนเต็มที่
"ถ้าทำแค่ชักอย่างเดียว ทั้งคืนก็ไม่เสร็จหรอก" อัคคีพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย นิชามองค้อนเพราะรู้ว่าเขาต้องการอะไร เธอแค่ยังทำใจไม่ได้ก็เท่านั้น
สุดท้ายเธอก็ไม่อยากต้องอยู่แบบนี้นานๆ เลยกลั้นใจก้มลงใช้ปากปรนเปรอให้เขา อาศัยความรู้จากที่ได้ทำการศึกษาก่อนมาที่นี่
แม้ร่างบางจะเงอะงะไปบ้างแต่ก็ทำให้อัคคีพอใจไปอีกแบบ เพราะริมฝีปากสีสวยกำลังปรนเปรอลูกชายของเขาอย่างที่เคยแอบจินตนาการไว้ มันสุดยอดยิ่งกว่าที่คิดเสียอีก
ดวงหน้าสวยหวานแดงระเรื่อ น้ำตาใสเอ่อคลอน้อยๆ น้ำลายหยดย้อยมุมปาก ช่างเป็นภาพที่ปลุกเร้าอารมณ์ได้ดีเสียจริง...
แม้จะตกอยู่ในสภาวะจำยอม แต่ดวงตาคู่สวยกลับแข็งกร้าวอย่างไม่ยินยอมอยู่ตลอดเวลา นี่แหละ...ภาพที่เขาอยากเห็นล่ะ
..
..
..
..