คฤหาสน์สกุลเติ้ง
“นายท่านเจ้าคะ”
เติ้งอี้เทียนมองสาวใช้ที่เดินเข้ามา “พ่อบ้านเล่า”
“ท่านพ่อบ้านไม่อยู่เจ้าค่ะ ป้าโปก็ไม่อยู่” ซูฮวารายงานอย่างนอบน้อม
คำพูดของนางทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าสองผัวเมียขอลากลับบ้านกะทันหัน เพราะน้องชายของลุงโปป่วยหนัก จึงอยากกลับไปดูใจเป็นครั้งสุดท้าย
“มีอะไร”
“ฮูหยินจูมาขอพบนายท่านเจ้าค่ะ”
“ใครคือฮูหยินจู อ้อ.. นางอยู่ไหน”
“ที่โถงรับแขกเจ้าค่ะ”
“ตามเฟิงเมี่ยนมาพบข้า”
“เจ้าค่ะ”
โถงรับแขก
จูอินหัวใจเต้นแรงจนต้องกำมือสะกดความรู้สึกกริ่งเกรง เมื่อได้เห็นบุรุษใบหน้าหล่อเหลาที่นั่งรถเข็นเข้ามา ขนกายของนางลุกซู่เมื่อได้สบสายตาเย็นชาที่มองมา
เติ้งอี้เทียนเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้า ไม่ยอมพูดจา
“ได้ยินว่าอยากพบข้า” จึงพูดขึ้น
“คะ..คารวะนายท่าน ท่านเติ้ง ข้าน้อยจูอิน ภรรยาของอาเกอ ของจูเกอ เจ้าของร้านซาลาเปาสกุลจูเจ้าค่ะ” พูดผิดพูดถูกจนลิ้นพันกัน
“นั่งสิ”
เฟิงเมี่ยนรินน้ำชาให้ทั้งสอง แล้วขยับไปยืนห่าง ๆ อย่างรู้หน้าที่
“ดื่มชาสิ”
“ขอบคุณนายท่าน” นางรีบยกน้ำชาขึ้นจิบ
อี้เทียนอาศัยทีเผลอมองสำรวจอีกฝ่าย แม้นางจะเป็นแค่ฮูหยินร้านซาลาเปา แต่ทั้งเครื่องประดับและเสื้อผ้าของนางก็ดูดีมากเมื่อเทียบกับลูกสาวคนโตของนาง ที่ไม่มีเครื่องประดับดี ๆ ติดศีรษะสักชิ้น
เป็นแม่ลูกที่ดูแตกต่างราวนายกับทาส
เขาจิบน้ำชาเล็กน้อยแล้ววางลง “มาพบข้าวันนี้คงเอาคำตอบมาให้สินะ”
จูอินรวบรวมความกล้า สบสายตาเย็นชาที่ให้ความรู้สึกเหมือนไม่พอใจของอีกฝ่าย
“เจ้าค่ะ..”
“อยากพูดอะไรก็พูดออกมา เจ้าไม่พูดข้าก็คงไม่รู้สักที” เห็นความลังเลของนางจึงพูดขึ้น
“ข้าอยากถามท่านเติ้งสักสองสามประโยคเพื่อความแน่ใจ ถ้าขัดใจก็ต้องขอโทษด้วย”
“เชิญ”
“ท่านอยากแต่งกับลูกสาวคนไหนของข้า”
“พ่อบ้านของข้าคุยกับเถ้าแก่จูชัดเจนไปแล้วนี่”
“สามีข้าบอกว่าเป็นลูกสาวคนโต แต่ที่ข้าต้องมาถามเพราะกลัวว่าพ่อบ้านของท่านอาจจะเข้าใจผิด อาจจะเป็นลูกสาวคนรองที่ชื่ออ้ายเหม่ย”
“เฟิงเมี่ยน”
“นางชื่อซินซิน ไป๋ซินซิน”
“ไป๋” คิ้วเข้มพาดเฉียงแสร้งขมวดเข้าหากัน “ไป๋ซินซิน นางใช่ลูกสาวของบ้านเจ้าหรือไม่ หรือข้าสู่ขอผิดบ้าน”
“ชะ ชะ ใช่ ใช่ นางคือลูกสาวคนโตของข้าเอง” เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกหวาดหวั่นกับแซ่ไป๋ของซินซิน เพราะบุรุษหน้าตาเย็นชาไร้ความอ่อนโยนตรงหน้านี้คนเดียว
“เช่นนั้นก็เป็นนางไม่ผิดแน่”
“นายท่านเคยเจอนางแล้วหรือ”
“จำเป็นด้วยหรือ ก็แค่แต่งภรรยาสักคนเพื่อมีลูกให้ข้าก็เท่านั้น”
คำพูดไม่แยแสของเขาทำให้นางแอบสะใจ แต่ความมั่งคั่งของเขาก็ทำให้นางนึกเสียดาย และคิดว่าความเย็นชาของเขาจะต้องเปลี่ยนไปเป็นความลุ่มหลง เมื่อได้เจอกับจูอ้ายเหม่ยผู้เลอโฉม
“ข้าอยากให้นายท่านได้เจอกับลูกสาวทั้งสองคนของข้าสักครั้ง ต่อให้นายท่านแค่อยากแต่งภรรยาเพราะอยากจะมีลูก แต่จะดีกว่าไหมถ้าได้โฉมงามที่ถูกใจมาร่วมเตียง”
ชายหนุ่มรูปงามรู้เท่าทันความคิดของอีกฝ่าย แต่ก็แสดงออกอย่างสนใจ
“เจ้าคิดอย่างไรเฟิงเมี่ยน”
เฟิงเมี่ยนอยากเหลือกตามองบน แต่ก็ต้องทนทำตัวสำรวม
“เป็นความคิดที่ดี”
“เช่นนั้นเจ้าจัดการแทนข้าก็แล้วกัน”
“ความหมายคือท่านจะให้บ่าวรับใช้เลือกภรรยาให้ท่านหรือ” จูอินถามเสียงสูง คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีความคิดผิดเพี้ยนได้ขนาดนี้
“ใช่”
“เช่นนั้นข้าคงต้องขอปฏิเสธเช่นกัน ขออภัยถ้าทำให้ท่านเติ้งไม่พอใจ” นางไม่พอใจเขาจริง ๆ แต่ที่พูดไปก็เพียงแค่เสแสร้ง เพราะถึงอย่างไรนางก็อยากให้เขาพบกับจูอ้ายเหม่ยสักครั้ง “ขอบคุณสำหรับน้ำชา”
“ฮูหยิน” เขาอยากจะหัวเราะกับอาการเสแสร้งของนาง “ทำตามที่ฮูหยินเสนอก็ได้” กระตุกยิ้มสะใจเมื่อเห็นอาการดีใจของนาง “อีกสามวันพาพวกนางมาพบข้าที่นี่”
จูอินรีบพยักหน้าตอบรับ ในใจอยากให้เป็นพรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ แต่สามวันก็ดี นางจะได้มีเวลาหาซื้อชุดใหม่และเครื่องประทินโฉมให้อ้ายเหม่ย
ส่วนไป๋ซินซิน นางจะมอบความเมตตาให้สักครั้ง จะยกชุดเก่าของอ้ายเหม่ยให้สักชุด
“นายท่านจะให้ข้ามาพบเวลาไหนดี”
“ยามอู่ก็แล้วกัน ในเมื่อมีวาสนาได้เจอหน้ากันแล้วก็ควรกินข้าวด้วยกันสักมื้อ”
“ดีเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าไม่รบกวนนายท่านแล้ว”
“เชิญ”
“นายท่าน”
เติ้งอี้เทียนมองสาวใช้ที่เดินเข้ามาแทนที่แขกที่เพิ่งเดินออกไป
“วันนี้บ่าวทำมันต้มกานเจียง อยากให้นายท่านได้ลองชิม”
“ข้าดื่มชาอิ่มแล้ว” ตอบเพียงเท่านั้นแล้วเดินจากไป
ซูฮวาผิดหวังอย่างมาก แต่ก็ยอมย่อกายคารวะตามหลังเขา
ไม่ถึงครึ่งเค่อเฟิงเมี่ยนก็หน้านิ่วคิ้วขมวดเข้าไปหาผู้เป็นนาย มองเขาด้วยสายตาขัดใจ แต่พอเห็นสายตาดุดันที่จ้องกลับก็รีบทำหน้าสลด ยิ้มแห้ง ๆ ส่งให้
“นายท่านยังจะออกไปข้างนอกอยู่หรือไม่”
“เจ้าทำแผนข้าล่มหรือ”
“ไม่ แต่เกรงว่าถ้าไม่รีบออกไปตอนนี้อาจจะล่ม บ่าวเตรียมม้าไว้ให้พร้อมแล้ว”
มุมปากของอี้เทียนกระตุกยิ้มเล็กน้อย “ดีมาก”