เมืองไทย

857 Words
สวัสดีค่ะเรานามว่าสกาย นางสาววริศรา มณีศิวกาล อายุ 20 ปี เรียนจบมัธยมปลายมาจากอเมริกา เป็นลูกสาวคนเล็กและลูกสาวคนเดียวของตระกูลมณีศิวกาล และวันนี้ฉันก็ได้กลับไปประเทศไทยแล้วดีใจสุดๆเลย ^ว่าแต่เมื่อไหร่จะมีคนมารับเนี้ยรออยู่นานแล้วน่ะ เมื่อยขาแล้วด้วย ^ ฉันยืนรอที่สนามบินอยู่ประมาณเกือบชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมารับ โทรหายัยรถเมย์กับยัยแนนก็ไม่ว่างกัน เฮ้อ!!! “สกายทางนี้” เสียงของใครบางคนดังมาจากด้านหลัง ทันทีที่หันไป " เฮียย " เฮียผาเป็นพี่ชายคนโต ตอนนี้พี่เค้าเรียนจบแล้วและกลับมาบริหารบริษัทรถนำเข้าของครอบครัวเรา “เฮียยยคิดถึงจัง ทำไมมารับช้าเนี้ย เมื่อยขาหมดแล้ว” เราบ่นเฮียทันทีที่มาถึงตัวเฮีย “ก็ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่าเราจะกลับมาวันนี้ พึ่งจะมาบอกเมื่อกี้นี่เอง” เฮียบอกเราด้วยสีหน้าเรียบเฉยตามสไตส์ของเค้า “งั้นก่อนกลับบ้านช่วยแว่ะหาอะไรกินก่อนนะคะ หนูหิวมากเลย” เราบอกเฮีย เฮียพยักหน้าตอบ แล้วพาเรามาขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไป ณ คฤหาสน์ มณีศิวกาล ทันทีที่ก้าวลงจากรถ “Welcome to my home ค่ะลูกสาวของป๊า” ป๊าของฉันเดินออกมารับฉันด้วยตัวเอง ส่วนคุณแม่ของฉันท่านเสียไปตั้งแต่ฉันอยู่ประถมแล้วหล่ะ หลังจากเผ่าร่างที่ไร้วิญญาณของคุณแม่เสร็จ ฉันก็ขึ้นไปอยู่ต่างประเทศทันที “สวัสดีค่ะป๊า คิดถึงจังเลยขอกอดหน่อย” ฉันเดินเข้าไปกอดป๊าด้วยความคิดถึง “เป็นไงบ้างลูกเหนื่อยมั้ย แล้วนี่จะเรียนต่อมหาลัยไหน คณะอะไรล่ะ” ป๊าถามฉันพรางเดินโอบไหล่ฉันเข้าไปในบ้าน แต่พอเข้าไปในบ้านฉันเห็นมีผู้หญิงคนนึงนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก ทุกอย่างในบ้านก็ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเยอะมาก “เอ่ออ นี่ใครค่ะป๊า??” ฉันชี้ไปที่ผู้หญิงคนนั้น ซึ่งนางก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ฉัน “อ่อนี่ไงที่ป๊าบอกให้เรารีบกลับมาทันทีที่เรียนจบไง ป๊ามีเรื่องสำคัญจะบอกลูกหน่ะ” ป๊าพูดกับฉันก่อนะเดินเข้าไปที่ผู้หญิงคนนั้นแล้วโอบเอวเธอ ป๊ามองหน้าผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข มันเป็นรอยยิ้มที่หายไปนานมาก ตั้งแต่ที่คุณแม่ของฉันเสียไป ป๊าของฉันก็ไม่เคยยิ้มเลย ท่านคงจะเสียใจมากๆ แต่วันนี้ท่านกลับมีรอยยิ้มแบบนั้นกับผู้หญิงคนนี้ “สกาย นี่คุณแววรัตน์ เธอจะมาทำหน้าที่แทนแม่ของลูกไง” ป๊าบอกฉันด้วยสีหน้าที่มีความสุขมากๆ แต่ฉันกลับมีน้ำใสๆไหลมาจากตา นี่ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ย “หนูสกายจ๊ะ เข้ามาหาน้าซิลูก” ผู้หญิงคนนั้นยื่นมือมาหมายจะจับมือฉัน ฉันรีบถอยออกห่าง “นี่มันอะไรกันค่ะป๊า มันเกิดอะไรขึ้น แล้วป๊าพาผู้หญิงคนนี้เข้ามาอยู่ในบ้านได้ยังไงค่ะ” ฉันพูดพร้อมน้ำตาที่ไหลมาอาบสองแก้มอย่างไม่ขาดสาย “ไหนก่อนที่คุณแม่จะเสีย ป๊าสัญญากับท่านว่าจะไม่พาใครมาแทนที่ท่านไงค่ะ” “ใช่ไงตอนนั้นป๊าเสียใจมากที่อยู่ๆแม่ของลูกก็จะจากเราไปอย่างนั้น ป๊าคิดว่าป๊าคงไม่กล้าเอาใครมาแทนที่แม่ของลูกได้ แต่พอป๊ามาเจอคุณแววรัตน์ เธอได้เข้ามาทำให้ป๊ายิ้มได้อีกครั้ง ป๊าเลยลองเปิดใจกับเธอ” ป๊าฉันพูดอย่างไม่รู้สึกผิดเลยที่นอกใจคุณแม่ “แต่คุณพ่อรับปากกับคุณแม่ไว้แล้วไงค่ะ แล้ววันนี้คุณพ่อพาผู้หญิงคนนี้มาในบ้านได้ไงกันค่ะ” ฉันพูดด้วยเสียงที่ดังพอสมควร “เออ หนูสกายจ๊ะ ใจเย็นๆน่ะลูก “นี่สกาย อย่ามาก้าวร้าวใส่คุณแววน่ะ เธอคือภรรยาของป๊าน่ะ มีมารยาทหน่อยได้มั้ยห๊ะ ” ป๊าของฉันขึ้นเสียงใส่ฉัน “ทำไมสกายจะต้องมีมารยาทกับยัยนั่นด้วย นี่ป๊าเข้าข้างมันหรอ เธอนี่เก่งเน๊าะที่ทำให้ป๊าฉันหลงเธอหัวปักหัวปำขนาดนี้อ่ะ” ทันทีที่ฉันพูดจบป๊าก้เข้ามาตบหน้าฉันจนหน้าฉันชาไปเลย “สกายยยย” เสียงเฮียหมอกและเฮียเมฆวิ่งเข้ามาพร้อมกับเรียกชื่อฉันก่อนที่เฮียผาเดินมาโอบกอดฉันไว้ “นี่มันจะมากไปแล้วนะครับป๊า ” เฮียธารขึ้นเสียงป๊า “นี่ลูกน่ะป๊า ทำไมต้องทำกันขนาดนี้” เฮียพูดเสียงดังใส่ป๊า ปกติป๊ากับเฮียธารก็ไม่ค่อยจะลงรอยกันอยู่แล้ว พูดจบเฮียผาและเฮียธารก็พาฉันขึ้นมาบนห้องทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD