บทที่ 4
โจวเยว่เทียนตัวร้ายผู้เหี้ยมโหด
“หนิงอันนี่เจ้า....คงไม่ได้นั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องข้าตลอดทั้งคืนหรอกใช่ไหม” ? ฮวาซือเล่อเอ่ยถามหญิงสาวที่ยกน้ำมาให้นางล้างหน้าในยามเช้า หลังจากที่สังเกตว่าอีกฝ่ายมีท่าทางอิดโรยราวกับคนไม่ได้นอนทั้งยังสวมใส่อาภรณ์เมื่อวานก็คาดเดาได้ไม่ยาก
“บ่าวกลัวว่าหากนายท่านมาแล้วนายหญิงจะไม่รู้ก็เลยนั่งรอ แต่สุดท้ายนายท่านก็....”
หนิงอันแสดงสีหน้าผิดหวังเพราะนางเคยหวังว่าชายหนุ่มผู้เป็นนายท่านของจวนจะไม่มีวันผิดธรรมเนียม แต่ยามที่เห็นแสงสว่างบนท้องฟ้าก็นึกสมเพชที่ตนเองโง่เขลาเชื่อมั่นในตัวบุรุษผู้นั้น
“เด็กโง่ ข้าบอกให้เจ้าไปนอนไม่ใช่หรือ”
“บ่าวจะนอนได้เช่นไร ฮูหยินเสียใจถึงเพียงนั้น”
“คิดมากไปแล้ว หนิงอันเจ้าจำไว้ให้ดีข้าจะไม่เสียใจเพราะบุรุษผู้นั้นอีกแล้ว”
หนิงอันมองฮูหยินของตนที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงและแววตาแฝงไปได้ด้วยความจริงไร้ซึ่งคำโกหกแต่อย่างใด จนวูบหนึ่งนางอยากเชื่อว่าสิ่งที่ผู้เป็นนายของตนพูดออกมาคือความจริง
แต่มันจะเป็นไปได้หรือ?
สตรีที่หลงรักบุรุษถึงขั้นบีบบังคับมาแต่งงานจะยอมตัดใจได้ง่ายดายเช่นนี้…
“เจ้าไม่ได้นอนมาทั้งคืนวันนี้ก็ไปพักเถิด ให้คนอื่นมาปรนนิบัติข้าแทน”
“บ่าวไหวเจ้าค่ะ บ่าวไม่ต้องพัก”
“หนิงอัน นี่เป็นคำสั่งของข้าเจ้าจะขัดหรือ”
“แต่บ่าวไม่ไว้ใจให้ใครมาดูแลฮูหยิน พวกนางไม่รู้ใจท่านเท่าข้า”
“เด็กโง่ หากเจ้าป่วยขึ้นมาไม่ใช่ว่าข้าต้องให้ผู้อื่นมาปรนนิบัติแทนเจ้าหลายวันหรือ ไปพักเถิดแค่วันเดียว”
“ก็ได้เจ้าค่ะ”
หนิงอันยินยอมที่จะหยุดพักตามที่ผู้เป็นนายสั่งแต่ก็ยังดื้อรั้นที่จะปรนนิบัติฮวาซือเล่อก่อนในช่วงเช้า เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวจึงยอมที่จะกลับไปพักที่ห้องของนาง
หลังจากที่หนิงอันเดินออกไปจากห้องแล้วใบหน้าที่เคยเปื้อนรอยยิ้มของฮวาซือเล่อก็แปรเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย ร่างบางเดินไปหยิบกล่องไม้สีแดงออกมาจากใต้หมอน
ถึงเวลาที่นางจะต้องไปพบโจวเยว่เทียนแล้ว
หอซูเมิ่ง...
หอขายข่าวที่ฉากหน้าเป็นร้านขายเครื่องหอม ว่ากันว่าไม่มีข้อมูลใดที่พวกเขาหามาให้ลูกค้าไม่ได้และหากมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์พวกเขาก็ยินดีรับซื้อในราคาดี
ฮวาซือเล่อย่างกายเดินเข้าไปในหอซูเมิ่งพร้อมสาวใช้ เพราะใบหน้าที่งดงามและโดดเด่นของนางทำให้ผู้คนในร้านหันมาสนใจนางเป็นตาเดียว
“เจ้าไปรอข้าที่รถม้า”
“เจ้าค่ะฮูหยิน” สาวใช้รับคำผู้เป็นนายก่อนจะย่างกายเดินออกจากร้านไปยืนรออยู้ข้างรถม้าตามคำสั่ง
เมื่อเห็นว่าสาวใช้เดินออกไปจากร้านแล้ว ร่างบางก็เดินตรงเข้าไปหาชายชราที่นั่งดื่มน้ำชาอยู่บนเก้าอี้ไม้ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตรเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงยหน้ามองนางเช่นเดียวกัน
“แม่นางมีอะไรกับคนแก่อย่างข้าหรือ”
“ฝนกำลังจะตกเจ้าค่ะ”
“อ่าเช่นนั้นหรือ แม่นางต้องการร่มหรือไม่ข้าจะให้คนนำมาให้”
“ข้ามีร่มอยู่แล้วเจ้าค่ะ เป็นร่มสีแดงลายดอกโบตั๋นท่านตาอยากได้หรือไม่เจ้าคะ”
“บังเอิญเสียจริงข้าเองก็มีลายเดียวกัน แม่นางอยากเห็นหรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นมาช่วยพยุงตาแก่คนนี้ไปหลังร้านหน่อยเถิด”
หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะเข้าไปช่วยพยุงชายชราเดินเข้าไปด้านหลังของร้าน ความจริงแล้วบทสนทนาเมื่อครู่เป็นรหัสลับที่จะเข้าไปใช้บริการหอขายข่าว
หากนางต้องการซื้อข่าวให้บอกว่าต้องการร่ม แต่หากอยากขายให้บอกว่าตนเองมีร่มอยู่
ร่มสีขาวคือข่าวทั่วไป
ร่มสีแดงคือข่าวสำคัญ
ชายชราพาฮวาซือเล่อมาหยุดอยู่ที่ห้องหนึ่ง เขาผลักประตูให้เปิดออกก่อนจะผายมือให้นางเดินเข้าไปด้านใน
“เชิญแม่นาง”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้มก่อนจะย่างกายเดินเข้าไปด้านใน นัยน์ตาคู่สวยมองฉากกั้นห้องขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าด้านหลังมีเงาของใครบางคนที่นางไม่อาจเห็นหน้าได้นั่งอยู่
อ่าเหมือนกับที่นิยายบรรยายเลย
“ข่าวที่เจ้าต้องการขายคืออะไร” เสียงเย็นของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังฉากกั้น
ฮวาซือเล่อไม่ได้รู้สึกตกใจหรือหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวคลี่ยิ้มออกมาเพราะรู้ดีว่าบุคคลลึกลับที่อยู่ด้านหลังฉากคือใคร
“รู้ใช่หรือไม่ว่าหากข่าวของเจ้าไม่สำคัญพอให้ข้าซื้อ ค่าตอบแทนที่ทำให้ข้าเสียเวลาคือความตาย”
“วิธีถอนพิษที่อยู่ในกายท่านอ๋องสามนับว่าสำคัญหรือไม่”
เพล้ง!
เสียงของบางอย่างแตกดังขึ้นจากด้านหลังฉาก นัยน์ตาคู่สวยมองเงาของชายหนุ่มที่กำลังกระทำการบางอย่างอยู่ ไม่นานชายผู้หนึ่งที่คาดว่าจะเป็นองครักษ์ออกมาจากหลังฉากกั้นพร้อมกระบี่ที่อยู่ในมือ
ขวับ!
หญิงสาวนิ่งชะงักเมื่อจู่ ๆ ชายแปลกหน้าคนนั้นก็ยกกระบี่ขึ้นจ่อที่ลำคอของนาง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นพยายามข่มความกลัวที่อยู่ในใจ
“เจ้าเป็นใคร” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลังฉากกั้นเอ่ยถามสตรีตรงหน้าน้ำเสียงไม่มีความเป็นมิตรแต่อย่างใด
“หม่อมฉันเป็นหมอเพคะ หม่อมฉันสามารถกำจัดพิษและรักษาท่านอ๋องจนสามารถกลับมาเดินได้ แต่แน่นอนว่ามีข้อแลกเปลี่ยนเพคะ”
“.......”
“ท่านอ๋องให้องครักษ์ของท่านลดกระบี่ลงแล้วพวกเรามาทำข้อตกลงกันดีไหมเพคะ”
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมาใบหน้าที่งดงามของนางตอนนี้ไร้ซึ่งความกลัวถึงแม้จะมีคมกระบี่พาดอยู่บนลำคอสวยก็ตาม
แต่ใครเลยจะรู้ว่าภายในใจหญิงสาวนั้นตื่นกลัวเพียงใด หากไม่ใช่อยากทำข้อตกลงให้สำเร็จนางคงคุกเข่าร้องขอชีวิตจากชายหนุ่มตรงหน้าไปแล้ว
“เสี่ยวอี้ลดกระบี่ลง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เสี่ยวอี้องครักษ์คนสนิทที่เติบโตมาเป็นโจวเยว่เทียนตั้งแต่ในวัยเยาว์ เขาเป็นองครักษ์ที่มีฝีมือเก่งกาจอีกทั้งยังภักดีต่อผู้เป็นนายเพียงผู้เดียว
“เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าข้าคืออ๋องสาม ผู้ใดบอกเจ้า”
โจวเยว่เทียนเอ่ยถามหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังฉากกั้น เขาปกปิดตัวตนมาหลายปีว่าตนเองคือเจ้าของหอซูเมิ่งมีเพียงน้อยคนนักที่จะรู้
ผู้ใดส่งนางมากัน!
“เรื่องนั้นหม่อมฉันไม่อาจบอกท่านอ๋องได้ แต่ที่มาวันนี้เพราะต้องการทำข้อตกลงเพคะ”
“ข้อตกลง?”
“หม่อมฉันสามารถถอนพิษในกายของท่านและทำให้ท่านกลับมาเดินได้ เพียงแต่ท่านต้องทำตามหนึ่งคำขอของหม่อมฉันเพคะ”
นัยน์ตาคมมองเงาของหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังฉากกั้น โจวเยว่เทียนไม่ได้รู้สึกตกใจที่สตรีตรงหน้าบอกว่ามีวิธีรักษาเขา แต่เขากลับรู้สึกโกรธเพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีหมอมาทำอวดดีเช่นนี้
หมอมากฝีมือมากมายเข้ามาเสนอตัวรักษาทั้งยังอวดอ้างว่าตนเป็นหมอเทวดา แต่พวกมันก็เป็นพวกละโมบที่หวังเงินทองหรือไม่ก็เป็นนักฆ่าแฝงตัวมาสังหารเขา
“หม่อมฉันขอเวลาเพียงสามเดือนเท่านั้น”
ในตอนแรกชายหนุ่มคิดจะปฏิเสธออกไป แต่เมื่อเห็นท่าทางและน้ำเสียงที่แสนจะอวดดีของสตรีตรงหน้าเขาก็แค่นหัวเราะในลำคอก่อนจะคลี่ยิ้มเย็นออกมา
“สามเดือนหากขาข้ายังเดินไม่ได้ เจ้าจะต้องตายด้วยการถูกถลกหนังทั้งเป็น ว่าอย่างไรรู้เช่นนี้แล้วยังอยากทำข้อตกลงหรือไม่”
หญิงสาวยื่นนิ่งชะงักไปชั่วครู่พลางลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก นางย่อมรู้ว่าโจวเยว่เทียนเป็นตัวร้ายที่เหี้ยมโหด แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะพูดสั่งฆ่าคนราวผักปลาเช่นนี้
แต่ข้าเองก็ไม่มีทางเลือกแล้ว
ในเมื่อเข้าถ้ำเสือมาแล้วอย่างน้อยก็ต้องได้ลูกเสือกลับไป
“หม่อมฉันยินดีทำข้อตกลงเพคะ หากหลังจากสามเดือนแล้วหม่อมฉันยังรักษาท่านอ๋องไม่หายก็เชิญสังหารหม่อมฉันได้เลย”
“ดี”
โจวเยว่เทียนเอ่ยออกมาเสียงเย็น เขาไม่ได้มีความหวังว่าสตรีตรงหน้าจะรักษาตนเองหาย ความจริงแล้วเขาเพียงแค่อยากรู้ว่าสตรีแสนอวดดีอย่างนางแท้จริงเป็นพวกละโมบในเงินทองหรือเป็นมือสังหารแฝงตัวมาต่างหาก
“อีกสองวันให้เจ้ามาพบข้าที่นี่ยามซื่อ [1] ”
“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราควรเขียนหนังสือสัญญาเพื่อเป็นหลักฐานดีหรือไม่....เพคะ?” เพราะไม่คุ้นชินกับการต้องพูดกับคนในราชวงศ์มีบางครั้งที่ฮวาซือเล่อยังเผลอตัวพูดเป็นกันเองกับอีกฝ่ายออกไป
“สัญญาค่อยมาทำวันที่เจ้ามาหาข้า วันนี้เจ้ากลับไปได้แล้ว”
“เพคะ”
นัยน์ตาคมมองเงาของสตรีที่กำลังเดินออกจากห้องไป ทันทีที่ประตูปิดลงภายในห้องก็ปกคลุมไปด้วยความเงียบ
“ส่งคนติดตามไปอย่าให้นางรู้ตัว ข้าอยากรู้ว่าใครส่งนางมา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ยามซือ [1] = เริ่มนับตั้งแต่เวลา 09.00 – 11.00 น.