01 -อุบัติเหตุ

1521 Words
เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถึงในกระเป๋า ที่วางอยู่บนเบาะข้างคนขับ แสงไฟที่วูบวาบจากบนท้องถนน บวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในร่างกาย ทำให้หญิงสาวคนขับเริ่มมีอาการเวียนศีรษะ อีกทั้งเธอยังรู้สึกพะวักพะวนกับเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ที่สั่นไม่หยุด ขณะที่เส้นทางข้างหน้าเป็นเส้นทางตรงระยะยาวแล้ว มือเรียวข้างหนึ่งจึงเอื้อมไปล้วงเอาโทรศัพท์จากในกระเป๋าขึ้นมากดดู และพบว่าเป็นข้อความจากแชตกลุ่มของเพื่อนๆ ที่เพิ่งแยกจากกันมาก กรี๊ด!!! แต่เพียงเสี้ยววินาทีเดียว ที่เธอตัดสินใจ กดปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ สมองที่ต้องแยกทำงานสองส่วนก็เกิดกวนรวนขึ้น มือที่ต้องแยกระหว่างกดโทรศัพท์ กับบังคับพวงมาลัย ในขณะที่สติของเธอนั้นไม่เต็มร้อย และสายตาก็เห็นภาพไม่ชัดเหมือนปกติ ทำให้รถเก๋งของ ‘หยาดฟ้า’ พุ่งชนเสาไฟฟ้าข้างทางเข้าอย่างจัง เพียงเสี้ยววินาทีเดียว โทรศัพท์ที่ถืออยู่ก็หลุดกระเด็นออกจากอุ้งมือเล็ก ร่างของคนขับกระแทกเข้ากับถุงลมนิรภัยที่ทำงานได้ทันเวลา เร็วพอที่จะช่วยรักษาชีวิตของเจ้าของรถเอาไว้ได้ แต่ความรุนแรงก็มากพอที่จะทำให้เธอหมดสติไปได้เช่นกัน ภาพตัดหายไปจากความทรงจำของคนขับ ความรู้สึกเจ็บปวดสุดท้ายคือตอนที่ร่างกายกระแทกกับถุงลมนิรภัย โชคดีที่เธอไม่ได้ขับมาด้วยความเร็วที่อยู่ในขั้นอันตราย เหตุก็เกิดขึ้นในจุดที่มีรถสัญจรผ่านอย่างพลุกพล่าน ทำให้ทันทีที่รถพุ่งชนเสาไฟฟ้า มีคนพบเห็นและแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ทันเวลา ร่างของคนเจ็บถูกลำเลียงออกมาจากตัวรถ และทำการนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดในเวลานั้น อาการของเธอนั้นแม้ภายนอกจะไม่มีอะไรที่น่าห่วงนัก มีเพียงเศษกระจกที่แตกกระเด็นใส่ร่างกายทำให้เกิดบาดแผลสองสามจุด แต่ภายในก็ต้องตรวจดูก่อนว่าได้รับบาดเจ็บที่ไหนบ้าง “เคสอุบัติเหตุ รถชนเสาไฟฟ้า คนเจ็บไม่ได้สติ บนร่างกายมีบาดแผลนิดหน่อย แล้วก็ขาขวาน่าจะหัก” เสียงของเจ้าหน้าที่กู้ภัยบอกกับพยาบาล ตามอาการที่เขาตรวจพบในเบื้องต้น “มีเอกสารแสดงตัวตนอะไรไหม” พยาบาลเอ่ยถามกลับ เพราะนี่ถือเป็นเรื่องจำเป็น ในกรณีที่คนเจ็บไม่ได้สติแบบนี้ “มี บัตรประชาชน ส่วนญาติผมโทรบอกให้แล้ว เห็นว่าเป็นหมออยู่ที่นี่พอดี” หนุ่มกู้ภัยแจ้งข้อมูลตามที่ได้มา จากการโทรหาเบอร์ล่าสุดในบันทึกรายการโทรเข้า-โทรออกของเจ้าของโทรศัพท์ พยาบาลผู้รับเคสส่ายหน้าไปมา เมื่อได้ยินว่าคนเจ็บเป็นถึงหมอ แต่กลับเมาแล้วขับจนเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ “ญาติเขาได้บอกไหมว่าชื่ออะไร...แพทย์หญิงหยาดฟ้า” ไม่ทันได้คำตอบจากคู่สนทนา พยาบาลก็อ่านชื่อของคนเจ็บจากบัตรประชาชนเสียก่อน และได้รู้ว่าเธอคือหมอหยาดฟ้าคู่หมั้นของแพทย์เวรประจำห้องฉุกเฉินในวันนี้พอดิบพอดี “หมอสิบคะ...” พยาบาลสาวร้องเรียกแพทย์หนุ่มหล่อ ที่กำลังเดินเข้ามา “เอาเข้าห้องเลย” พยาบาลไม่ทันได้พูดอะไร เมื่อร่างสูงโปร่งในชุดกาวสีขาวเดินมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน เขาก็ออกคำสั่งทันที เขาไม่ได้ใช้อำนาจของการเป็นลูกชายของหุ้นส่วนใหญ่ในโรงพยาบาลนี้ หรือสิทธิการเป็นแพทย์เวรในการแซงคิว แต่เพราะในห้องฉุกเฉินมีเตียงว่างสำหรับคนเจ็บคนนี้ อีกทั้งเคสของเธอนั้นก็ต้องการการตรวจเช็กให้เร็วที่สุด เพราะหากมีอวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ ก็อาจจะรักษาชีวิตของเธอเอาไว้ไม่ได้ แม้ร่างกายภายนอกจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมายก็ตาม หยาดฟ้าได้รับการรักษาได้ทันเวลา จากการตรวจสอบโดยละเอียด เธอไม่ได้รับบาดเจ็บในจุดสำคัญ อาจจะเพราะถุงลมนิรภัยที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นหมอก็สั่งให้เธอนอนพักดูอาการที่โรงพยาบาลก่อน “หยาด...เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เสียงแรกที่ได้ยินหลังจากฟื้นขึ้นมา คือเสียงของแม่ที่สั่นพร่าไปด้วยความกังวล หยาดฟ้ากวาดตามองรอบๆ เธอรู้ทันทีว่าที่นี่คือโรงพยาบาล ทั้งยังรู้ด้วยว่าเป็นโรงพยาบาลไหน “แม่มาได้ยังไง?” เสียงแหบแห้งของคนที่ขาดน้ำเอ่ยถามขึ้นพลางพยุงตัวเองให้ชันตัวนั่ง เธอรู้สึกเจ็บที่ขาขวาอย่างรุนแรง และตามสัญชาตญาณของคนเป็นหมอแล้วนั้น เธอมั่นใจเลยว่าขาของเธอต้องหักอย่างแน่นอน ความรู้สึกหนักจากการใส่เฝือกยิ่งช่วยยืนยันได้อย่างชัดเจน “หมอสิบโทรบอกน่ะสิ เราเถอะขับรถยังไงถึงได้ชนเสาไฟฟ้าแบบนั้น” คนเจ็บได้แต่เงียบ เพราะไม่กล้าบอกว่าตัวเองดื่มมา ถ้าแม่รู้เข้าคงจะโดนสวดชุดใหญ่ “รถเป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง แต่เหมือนว่าเธอนั้นจะเลือกคำถามได้ไม่ดีนัก คนถูกถามถอนหายใจพลางสั่นศีรษะไปมา “ห่วงตัวเองก่อนเถอะ เรื่องรถน่ะช่างมันไปก่อน ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก แค่ขาหัก” เธอก้มมองขาเรียวของตัวเองที่ถูกผ้าคลุมเอาไว้ แต่ความรู้สึกเจ็บก็พอจะช่วยให้เธอมองภาพออกว่าขาข้างที่เจ็บอยู่นั้นเป็นอย่างไรบ้าง “แสดงว่าหมอที่รับเคสเป็นอีสิบสินะ” เธอไม่รู้ว่าโลกนี้แคบขนาดไหนกัน ชีวิตของเธอถึงได้วนเวียนมาเจอกับผู้ชายชื่อสิบทิศคนนี้ไปเสียหมด แม้แต่ตอนที่เกิดอุบัติเหตุ หมอของโรงพยาบาลนี้มีตั้งกี่คน แต่แพทย์เวรที่อยู่ในช่วงเวลาที่เธอเกิดอุบัติเหตุก็ยังเป็นเขา “ดูพูดเข้าสิ ถ้าไม่ได้ตาสิบจะแย่เอานะ ดูสิทั้งช่วยรักษา แถมยังโทรบอกแม่ให้ด้วย” ผู้เป็นแม่ต่อว่าลูกสาว พร้อมกับจิกมือตัวเองเอาไว้ ไม่ให้ตีหยาดฟ้า เพราะเธอกำลังเจ็บตัวอยู่ “ก็หน้าที่เขานี่แม่ ไม่ได้ทำฟรีสักหน่อย โอ๊ย!” ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดจนจบ ฝ่ามืออรหันต์ของคนเป็นแม่ก็ตีเข้าที่แขนของลูกสาวอย่างเหลืออด ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะกำลังเจ็บอยู่เลยสักนิด พูดแบบนั้นออกมาได้อย่างไรกัน ไม่อยากตีก็ต้องตีเสียแล้ว “แม่!!! หนูเจ็บอยู่นะ” คนถูกตีร้องว่า มือก็ลูบเข้าที่จุดถูกตีเพื่อหวังจะบรรเทาอาการเจ็บ “ก็ดูพูดเข้าสิ จะหน้าที่หรือไม่ใช่หน้าที่ เขาก็เป็นคนช่วยชีวิตเรานะ เอ้าน้ำ! ดื่มซะ! หลับไปหลายชั่วโมงร่างกายคงจะอยากได้น้ำ เสียงแหบเชียว” ถึงจะอยากตีลูกสาวมากแค่ไหน แต่แม่ก็คือแม่ หน้าที่ดูลูกก็ยังคงต้องทำต่อไป หลังจากนั่งเถียงกันอยู่สักพัก คุณนายหยาดเพชรก็จัดการป้อนข้าวป้อนยา เช็ดตัวให้ลูกสาว รอเวลาที่หมอจะเข้ามาดูอาการ และรอแขกที่รู้เรื่องมาเยี่ยม หยาดฟ้าได้แต่ภาวนาว่าหมอสิบทิศจะไม่ปากโป้งบอกเรื่องที่เธอเมาแล้วเกิดอุบัติเหตุ ให้แม่ของเธอได้รู้ ไม่อย่างนั้นละก็ถึงจะขาหักอยู่แบบนี้ แต่ก็ต้องถูกตีเหมือนเมื่อครู่นี้แน่ๆ แต่พอคิดไปคิดมา ถ้าแม่เธอรู้ ก็คงจะด่าเธอไปแล้ว นี่ไม่เห็นว่าแม่จะเอ่ยถึงเรื่องเมาแล้วขับเลยสักนิด แต่คนอย่างสิบทิศน่ะหรือจะไม่พูดเรื่องนี้ เขาจะพลาดโอกาสครั้งสำคัญได้อย่างไรกัน “ทำไมทำหน้าแบบนั้นห้ะยายหยาด” เมื่อคนเป็นแม่หันมาเจอลูกสาวทำหน้าทำตาแปลกๆ จึงได้เอ่ยถามขึ้น “เปล่าค่ะ หยาดแค่คิดอะไรเพลินๆ” “เวลาแบบนี้แกยังมีอารมณ์ไปคิดอะไรเพลินๆ อีกหรือไง รีบพักผ่อนซะ อีกเดี๋ยวแขกคงแห่กันมาเยี่ยมแกจนเต็มห้อง” คุณนายหยาดเพชรบอกกับลูกสาว “จะมากันทำไม รู้ทั้งรู้ว่าคนป่วยต้องการพักผ่อน” พอหยาดฟ้าพูดแบบนั้น แขนอวบของคนเป็นแม่ก็ง้างขึ้นจนสุด แต่มือบางของหยาดฟ้า ก็ได้คว้าเอาไว้ซะก่อน “ล้อเล่นนน ก็แบบว่าน้ำใจอะเนอะแม่เนอะ คนรู้จักกันก็ต้องมาเยี่ยมเป็นธรรมดา หยาดเข้าใจ แม่เอามือลงก่อนนะ” หยาดฟ้าพูดพลางค่อยๆ จับแขนของแม่ตัวเองให้ลงมาอยู่ในตำแหน่งที่ควรอยู่ เธอข้องใจตั้งแต่ตอนเป็นหมอแล้ว ว่าทำไมต้องแห่กันมาเยี่ยมคนเจ็บคนป่วย ทั้งที่ต้องการพักผ่อน ต้องมานอนพะงาบๆ รับแขกเสียอย่างนั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD