บทที่ 5 เซ่นไหว้หลุมศพ

1900 Words
เวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนค่ำ เสี่ยวจิ่วฮวาเผลอนอนหลับไปจนถึงตอนมืด เมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกปวดหัวไม่น้อย นางลุกขึ้นจากเตียงนอน ก่อนจะยื่นมือไปหยิบกาชาและรินชาขึ้นมาดื่มเพื่อดับกระหาย แล้วจึงลุกขึ้นยืนก่อนจะบิดกายไปมาครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยเรียกหูเป่า "หูเป่า หูเป่า" หูเป่าที่ได้ยินเจ้านายเรียกก็รีบเข้ามาในห้องทันที ก่อนจะรีบก้มหน้างุด แต่ไหนแต่ไรมาคุณหนูรองไม่ชอบให้บ่าวไพร่สบตากับนาง หูเป่ารู้เรื่องนี้ดี เสี่ยวจิ่วฮวาถอนหายใจออกมา ก่อนจะเอ่ย "เงยหน้าขึ้นมามองข้า ข้าไม่ตีเจ้าหรอก" "บ่าวไม่กล้าเจ้าค่ะ" "บอกให้เงยหน้าขึ้นมาก็ทำสิ!!!" หูเป่ารีบเงยหน้าขึ้นมามองเสี่ยวจิ่วฮวาทันที เสี่ยวจิ่วฮวาที่มองเห็นแววตาหวาดกลัวของหูเป่าก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปประคองหูเป่าให้ลุกขึ้นมา และเอ่ยกับสาวใช้อย่างอ่อนโยน "ต่อไปเจ้าไม่ต้องหวาดกลัวข้าขนาดนี้ ข้าเองก็จะไม่เอาโทสะมาลงที่เจ้าอีก ขอเพียงเจ้าอย่าเผลอยั่วโมโหข้าจนทนไม่ไหวก็พอ" หูเป่าที่ได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าหงึกหงัก เสี่ยวจิ่วฮวาหาวออกมา ก่อนจะเอ่ยถามหูเป่า "มีสิ่งใดกินบ้าง ข้าหิวแล้ว" "บ่าวเตรียมไว้ให้แล้วเจ้าค่ะ" "อืม" เสี่ยวจิ่วฮวาพยักหน้า ก่อนจะเดินไปกินอาหารที่โต๊ะอาหาร เมื่อกินอิ่มแล้ว นางจึงออกมาเดินเล่นที่สวนดอกไม้ในจวน วันนี้บรรยากาศค่อนข้างดีไม่น้อย เสี่ยวจิ่วฮวาชื่นชอบฤดูใบไม้ผลิที่สุด นางชอบเวลาที่ดอกไม้ต้นไม้ในจวนผลิบานมีใบไม้เขียวชอุ่ม มันดูมีชีวิตชีวา ไม่เหี่ยวแห้งอึมครึม ที่สำคัญนางไม่ชอบฤดูหนาว ยามที่หิมะตกนางรู้สึกหดหู่หวาดกลัว และคิดถึงเรื่องราวในคืนนั้นที่เกิดขึ้น คืนที่นางตายอย่างโดดเดี่ยวและหิมะตกลงมาทับถมตัวนาง!!! เสี่ยวจิ่วฮวาส่ายหน้าไปมาพยายามไม่ไปคิดถึงเรื่องราวน่ากลัวเช่นนั้นอีก นางเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบไม่ร้อน เดินมาได้ไม่นานก็พบกับเสี่ยวเย่วหยาที่เดินผ่านมาพอดี เสี่ยวเย่วหยาที่เห็นเสี่ยวจิ่วฮวาก็มีท่าทางลนลาน รู้สึกว่ามือเท้าเกร็งไปหมด นางพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่พบเจอน้องสาวผู้นี้ แต่จวนตระกูลเสี่ยวแคบออกปานนี้ย่อมยากที่จะหลีกเลี่ยงการพบปะหน้ากันได้ เสี่ยวจิ่วฮวารับรู้ได้ถึงท่าทีอึดอัดใจที่เสี่ยวเย่วหยามีต่อนาง หากเป็นเมื่อก่อนท่าทางเช่นนี้ของพี่สาวคงทำให้นางโมโหและหาเรื่องทุบตีไปนานแล้ว แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน เสี่ยวเย่วหยาเมื่อหลีกหนีไม่พ้น จึงเดินเข้ามาหาเสี่ยวจิ่วฮวา ก่อนจะเอ่ย "อาจิ่ว เจ้าออกมาเดินเล่นหรือ วันนี้อากาศดีมาก ข้าก็ออกมารับลมเช่นเดียวกัน" เสี่ยวเย่วหยาแม้ใบหน้าจะยิ้มแยม แต่ในใจกลับประหม่าไม่น้อย เสี่ยวจิ่วฮวาสัมผัสได้ถึงท่าทีนั้นของพี่สาวตน นางจึงเพียงพยักหน้า ก่อนจะเอ่ย "อืม อากาศดีจริงๆ" เสี่ยวเย่วหยาชะงักไปเล็กน้อย ทุกครั้งที่ได้เจอกัน เสี่ยวจิ่วฮวามักปรายตามองนาอย่างเกลียดชัง และมักพูดเสมอว่านางมาแย่งความรักไปจากท่านแม่ แต่วันนี้เสี่ยวจิ่วฮวากลับเพียงพยักหน้าเล็กน้อย และไม่ได้เอ่ยวาจาหาเรื่องนางเลยด้วยซ้ำ เสี่ยวจิ่วฮวาเองก็ประหม่าไม่น้อยเช่นเดียวกัน หากเป็นในอดีตนางคงบอกว่าเสี่ยวเย่วหยาเสแสร้งจอมปลอม วางตัวเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่แย่งความรักของแม่ไปจากนาง บรรยากาศกระอักกระอ่วนนี้ช่างน่ากดดันไม่น้อย เสี่ยวจิ่วฮวาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน "ข้าจะไปนอนแล้ว พรุ่งนี้ข้ามีธุระต้องไปจัดการ" "อืม อาจิ่วเดินดีดีล่ะ" "อืม" เสี่ยวเย่วหยายิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินหลับเรือนของตนไป ด้านเสี่ยวจิ่วฮวาเมื่อกลับมาถึงเรือนก็เข้านอน แต่คืนนั้นนางนอนไม่หลับ ในหัวคิดถึงแต่เรื่องในชาติก่อน นางรู้สึกว่าเหมือนมีใครบางคนในความทรงจำที่นางลืมเลือนไป แต่คนผู้นั้นคือใครนางพยายามนึกเท่าใดก็นึกไม่ออกเสียที คิดจนปวดหัวไปหมดแล้ว จวบจนค่อนคืนจึงข่มตาหลับลงได้ รุ่งเช้าวันต่อมา เมื่อไปคารวะท่านแม่ยามเช้าแล้ว นางจึงเดินทางออกจากจวนไปที่วัดไป๋หวาทันที เสี่ยวฮูหยินที่ได้ทราบข่าวก็เรียกสาวใช้ของตนมาเอ่ยถามทันที "นี่ เจ้าได้ถามไหมว่าอาจิ่วนางจะไปที่ใด" สาวใช้น้อยส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยตอบ "บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ คุณหนูรองบอกเพียงว่ามีธุระต้องไปจัดการ เสร็จแล้วจะรีบกลับเจ้าค่ะ" "ไม่ใช่ไปก่อเรื่องข้างนอกหรอกนะ!! ข้าจะสั่งสอนนางอย่างไรดี" ด้านเสี่ยวเย่วหยาที่คอยบีบนวดให้เสี่ยวฮูหยินก็เอ่ยขึ้นมา "ท่านแม่ บางคราน้องรองอาจจะเพียงอยากไปเที่ยวเล่นน่ะเจ้าค่ะ อาจจะไม่มีเรื่องใดก็ได้ ท่านแม่อย่าเพิ่งคิดมากเลยนะเจ้าคะ" "เห้อ เย่วหยา หากอาจิ่วประพฤติตนได้ดีเท่าเจ้าสักเล็กน้อย ข้าคงเบาใจ" "ท่านแม่ อย่าเอ่ยเช่นนี้ต่อหน้าน้องรองเชียวนะเจ้าคะ" เสี่ยวฮูหยินที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะจับมือของเสี่ยวเย่วหยาเอาไว้ "เย่วหยา ถึงแม้เจ้าจะไม่ใช่ลูกของข้า แต่ข้าก็รักเจ้ามากนะ หากไม่ใช่เพราะบ่าวไพร่ปากมากพูดกัน เจ้าก็คงไม่รู้ว่าข้าไม่ใช่แม่แท้ๆของเจ้า" "ท่านแม่ ท่านคือท่านแม่ของข้านะเจ้าคะ" "อืมๆ เด็กดี เจ้ารักษาตัวให้ดีเล่า อีกสามวันแม่จะพาเจ้าไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าจวนตระกูลไป๋ บางคราอาจจะมีข่าวดีเรื่องงานหมั้นหมายของเจ้า" เสี่ยวเย่วหยาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความเขินอาย ก่อนจะครุ่นคิดถึงคุณชายจวนตระกูลไป๋ผู้นั้นขึ้นมา ด้านเสี่ยวจิ่วฮวานั้นนางนั่งรถม้ามาได้ราวครึ่งชั่วยาม รถม้าก็หยุดลง หูเป่าลงไปก่อน หวังจะช่วยประคองเสี่ยวจิ่วฮวาลงมา แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้ช่วยประคอง เจ้านายของตนก็กระโดดลงมาจากรถม้าก่อนเสียแล้ว หูเป่าถอนหายใจออกมาก่อนจะเอ่ย นี่แหละนิสัยที่แท้จริงของคุณหนูรอง ไม่สนกฎระเบียบ ไม่ยึดถือธรรมเนียมปฎิบัติใดใดทั้งสิ้น เสี่ยวจิ่วฮวามองขึ้นไปบนวัดไป๋หวา จากที่รถม้าจอดตรงนี้ต้องเดิินขึ้นบันไดไปอีกหลายสิบก้าว แต่นางยังไม่คิดที่จะขึ้นไปไหว้พระโพธิสัตว์ตอนนี้ เสี่ยวจิ่วฮวาเดินตรงไปอีกด้านหนึ่ง หูเป่าที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบวิ่งตามมาทันที "คุณหนูรองเจ้าคะ ท่านจะไปทางนั้นได้อย่างไรกัน ที่นั่นมันคือสุสานฝังศพไร้ญาตินะเจ้าคะ" "ไม่ต้องถามมาก ตามข้ามา เอาของที่ข้าสั่งมาด้วยหรือไม่" "เอามาแล้วเจ้าค่ะ" "ดี" เสี่ยวจิ่วฮวาเร่งฝีเท้าเดินมาจนถึงหน้าสถานที่แห่งหนึ่ง มันเป็นสถานที่ฝังศพของเหล่าศพไร้ญาติ นางมองซ้ายมองขวา ก่อนจะมองเห็นป้ายหลุมศพป้ายหนึ่ง ฉินหวั่น เสี่ยวจิ่วฮวาจ้องมองป้ายสุสานนั้นด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ก่อนจะหันไปเอ่ยกับหูเป่า "ส่งของมาให้ข้า" "ฮือ คุณหนู บ่าวกลัวเจ้าค่ะ" เสี่ยวจิ่วฮวาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเอ่ย "ผีไม่น่ากลัวเท่าใจคนหรอกนะ หากเจ้ากลัวก็รอตรงนี้ ข้าไปไม่นานอีกเดี๋ยวจะรีบกลับมา" "ฮือ คุณหนู" เสี่ยวจิ่วฮวาคร้านจะสนใจสาวใช้จอมขี้ขลาดของตนอีก นางเดินตรงไปหยุดอยู่ที่หน้าหลุมศพของฉินอี๋เหนียง ก่อนจะค่อยๆย่อกายนั่งลง แล้วจึงนำอาหารอย่างดี ขนม ผลไม้ น้ำชามาจัดวางตรงหน้าหลุมศพ แล้วจึงจุดธูปปักลงไปที่กระถางธูปหน้าป้ายสุสานของฉินอี๋เหนียง "แม่เล็ก ข้าหวังว่าท่านที่อยู่ในปรโลกจะได้พบกับบุตรที่แท้จริงของตนเองแล้ว เรื่องราวที่ผ่านมาข้าจะไม่โทษท่าน แม้จะอยากสาปแช่งท่านมากเพียงใดก็ตาม แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่า ความแค้นและความอิจฉาริษยาทำให้ข้าไม่อาจพบจุดจบที่ดีได้ นับแต่นี้ข้าจะเริ่มต้นใหม่ ทุกสิ่งที่ผ่านมาข้าจะเก็บเอาไว้เป็นบทเรียน ส่วนท่าน ข้าขอบคุณที่ท่านเคยเลี้ยงดูข้ามา แม้จะไม่เคยเลี้ยงด้วยความรักเลยก็ตาม แต่ครั้งหนึ่งข้าก็เคยรักท่านเสมือนมารดาแท้ๆของข้า ท่านจงอยู่ในปรโลกอย่างสงบสุขเถอะ ระหว่างเราทั้งสองไม่มีสิ่งใดติดค้างพัวพันต่อกันอีก" หลังจากจบคำพูดของเสี่ยวจิ่วฮวา ก็คล้ายกับมีสายลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่านตัวของนางไป เสี่ยวจิ่วฮวายิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะจัดการเก็บของและเดินออกมาจากสุสาน หูเป่าที่ยืนรออยู่เมื่อเห็นว่าเจ้านายตนออกมาแล้วก็ดีใจเป็นอย่างมาก "คุณหนูรอง บ่าวกลัวแทบแย่ หากท่านยังไม่ออกมาอีก บ่าวจะร้องไห้แล้วนะเจ้าคะ" เสี่ยวจิ่วฮวายื่นตะกร้าส่งให้กับหูเป่า ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย "ข้าบอกแล้วว่าผีน่ะไม่น่ากลัวเท่าใจคนหรอก ไปได้แล้ว ข้าจะไปไหว้พระโพธิสัตว์บนวัดเสียหน่อย" "เอ่อ คุณหนูรองเจ้าคะ" "มีสิ่งใดอีกเล่า" "คือว่า ท่านอย่าก่อเรื่องในวัดเลยนะเจ้าคะ ไต้ซือในวัดเป็นที่นับถือของเหล่าชาวบ้าน คือว่า...." "ข้ารู้แล้ว ข้าไม่ด่าไต้ซือหรอก หากเจ้าไม่หยุดพูดมากข้าจะด่าเจ้าแทน" เสี่ยวจิ่วฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินขึ้นไปบนวัดอย่างไม่รีบไม่ร้อน แล้วจุดธูปไหว้พระโพธิสัตว์ ถวายเงินเป็นค่าธูปเทียน และยังได้ยันต์คุ้มภัยมาอีกด้วย บรรยากาศในวัดค่อนข้างร่มรื่น คงเพราะนางมาตั้งแต่เช้าจึงยังไม่มีผู้คนพลุกพล่านมากนัก เสี่ยวจิ่วฮวารู้สึกเหนื่อยแล้วจึงคิดอยากจะกลับจวนไปพักเสียหน่อย แต่ในขณะที่นางกำลังเดินลงจากบันได ก็มีคนผู้หนึ่งกำลังเดินออกมาจากหอปฎิบัติธรรมของวัดพอดี เสี่ยวจิ่วฮวาไม่ได้สนใจจะมองสิ่งใดอีกเพราะนางรู้สึกง่วงแล้ว แต่ทว่าบุรุษผู้นั้นกลับมองนางอย่างไม่ละสายตา จนกระทั่งนางเดินจากไปไกลแล้วเขาก็ยังจ้องมองนางอยู่เช่นนั้น นั่นใช่สตรีที่ข้าเห็นในฝันมาตลอดหลายสิบคืนใช่หรือไม่ นางมีตัวตนอยู่จริงๆอย่างนั้นหรือ?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD