"แพง! เหม่ออะไรนักหนายะ"
"ว่าไงนะแก"
"ตาลอยไปถึงไหน..แกแอบมีผู้แล้วไม่บอกเพื่อนปะเนี่ย"
"ฉันคิดถึงเรื่องพี่เพื่อนน่ะ"
ฉันถอนหายใจแรง รีบตักข้าวเข้าปากก่อนที่จะหมดเวลาพักเที่ยง
"พี่แกยังไม่รู้เหรอว่าแกฝึกงานที่เดียวกันกับเขา"
ฉันส่ายหน้าไปมาบอกคะนิ้ง เอาตัวพิงกำแพงหนาที่อยู่ข้างหลัง เงยหน้ารับลมที่พัดไปมาอย่างแรง
"แกเหมือนไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันกับพี่สาวแกงั้นแหละ"
"อาจจะใช่ก็ได้มั่ง"
"อย่าคิดมากเลย แล้วนี่กินอิ่มยังฉันเริ่มปวดท้อง"
"แกไปก่อนเลย อย่าลืมเอาหินดันประตูไว้ให้ด้วยละ"
"อืมๆ"
คะนิ้งรีบลุกขึ้นและดันประตูหนีไฟวิ่งออกไป พวกฉันชอบแอบมานั่งทานข้าวบนดาดฟ้าของบริษัท มันเงียบและเป็นส่วนตัวดี แถมวิวยังดีอีกไม่ต้องกังวลว่าจะเข้างานสาย เพียงแค่เดินลงไปข้างล่างไม่กี่ชั้นก็ถึงแผนกฉันแล้ว
หลังจากที่เพื่อนฉันวิ่งลงไป มันก็ยังเหลือเวลานอนพักบ้าง เพราะเรื่องเมื่อวานมันทำให้ฉันนอนไม่หลับ แถมช่วงนี้ยังชอบฝันแต่เรื่องเดิมๆ ฉันรีบเอนตัวพิงกำแพงขอแอบงีบสักหน่อย แต่พอจะหลับตาลงเท่านั้นแหละ หูก็ผึ่งรับเสียงที่ได้ยินทันที
"ท่านครับ...สายเรารายงานมาว่าบลูไดมอนจะมาพร้อมกับของลอตนี้ครับ...ส่วนเรื่องเมื่อวานสารวัตรเคลียร์เรียบร้อยแล้วครับ ของกลางหายไปคนของเรากำลังติดตามคาดว่าจะทราบเรื่องภายในคืนนี้ ส่วนเรื่องที่ท่านให้ผมไปสืบมาเกี่ยวกับ เอ่อ..คุณพะเพื่อน"
พี่เพื่อน!? ฉันนั่งนิ่งและตั้งใจฟังทันทีเมื่อได้ยินชื่อพี่สาวตัวเอง
"เธอเป็นสายให้กับทางฝั่งนั้นจริงครับ..นายจะให้ผมทำยังไงกับเธอดีครับ"
"เก็บ"
ฉันตกใจกับคำคำนั้นที่ฉันได้ยินมาก
'เก็บ' เหรอ?? มันหมายความว่ายังไง
เก็บ = ตาย หรือยังไง
ฉันรีบหมุนตัว พาตัวเองแอบมุมกำแพงให้มิดชิดกว่าเดิม ฉันว่าลมข้างบนดาดฟ้าตีหน้าจนเย็นมากแล้วนะแต่ทำไมตอนนี้เหงื่อฉันแตกเต็มหน้าเลย ฉันพยายามมองหาทางลงไปข้างล่างด้วยหัวใจที่เต้นระรัวกลัวพวกเขาจะจับได้ และฉันต้องรีบคุยกับพี่สาวฉันให้เร็วที่สุด
หมับ! ปึก!
"โอ๊ย!"
จับถูกจับได้และถูกเหวี่ยงอย่างแรง จนตัวไถลไปกับพื้นเป็นทางยาวทันที ฉันรับรู้สึกความเจ็บแสบที่หัวเข่ามันคงถลอกไปหมดแล้วล่ะ
"คุณพะเพื่อน"
เสียงผู้ชายคนเดิมเรียกฉัน พอฉันเงยหน้ามองเขาเท่านั้นแหละ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เป็นสายตาที่ไม่ค่อยแน่ใจนัก เขากวาดตามองสำรวจฉันที่นั่งพับอยู่บนพื้นเพียงครู่ พอมองอย่างถี่ถ้วนและมั่นใจเท่านั้นแหละ
แกรก!
ปากกระบอกปืนสีดำ จ่อเข้ามาที่หัวฉันทันที
"ยะ..อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ"
ฉันยกมือขึ้นเนื้อตัวสั่นด้วยความกลัว จนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
"เอายังไงดีครับนายท่าน..รู้สึกว่าจะเป็นน้องสาวของคุณพะเพื่อน"
"เก็บ"
เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหลังฉันสั้นๆ
เก็บเหรอ!?
"มะ..ไม่นะ! ฉันยังไม่อยากตาย..ฉันไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วย"
ฉันพูดอย่างร้อนรนยกมือปฏิเสธไปมา น้ำตาไหลเป็นทางอย่างควบคุมมันไม่ได้
"คุณได้ยินอะไรครับ"
คนตรงหน้าถามคำถามฉันแต่ก็ยังไม่ลดปืนลง
"มะ..ไม่"
"อย่าโกหกครับ"
"บลูไดมอน!! พี่เพื่อน! สารวัตรอะไรนั่นอีก!"
ฉันกรีดร้องบอกเขาสุดเสียง พอดีกับเสียงเฮลิคอปเตอร์ดังขึ้นจากบนฟ้า มันมาพร้อมกับแรงลมมากมาย เกือบทำฉันปลิว ฉันรีบกดมือปิดกระโปรงนักศึกษาที่มันปลิวตามแรงลมจากเจ้านกเครื่องใหญ่ที่กำลังลงจอดเอาไว้
ชายคนตรงหน้าก้มหน้าเหมือนท่าทำความเคารพ เขาถอดเนกไทที่คอ นำมันมามัดปิดตาฉันและหิ้วปีกฉันลุกขึ้น เขาใช้ปืนกระบอกเดิมจี้หลังฉันและให้ฉันเดินตรงไปยังเสียงเฮลิคอปเตอร์ที่ลงจอดเรียบร้อยแล้ว
หูก็อื้อกับเสียงเฮลิคอปเตอร์ จมูกก็ตันกับน้ำมูกที่เอาแต่ร้องไห้ ในใจก็นึกกลัว
พวกเขาจะพาฉันไปไหน!?
ปึก!
แรงเหวี่ยงของผู้ชายที่เหวี่ยงฉันเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่ง ที่มีเพียงแค่เตียงนอนเตียงเดี่ยว พร้อมกับเสียงล็อกประตูจากทางข้างนอกสองชั้น
ทั้งหมดที่ฉันกำลังเผชิญกับมันอยู่ = ฉันถูกขัง! โดยใครไม่รู้!
และอีกประเด็นคือ ที่ไหน?
ปัง ปัง ปัง
ฉันรีบเดินตรงไปเคาะประตูแรงอย่างเอาเป็นเอาตายจนเจ็บมือ แหกปากร้องขอความช่วยเหลือบ้าง อ้อนวอนขอให้พวกเขาปล่อยบ้าง แต่ก็ไร้วี่แวว มีเพียงแต่ความเงียบที่สะท้อนกลับมา
พอตั้งสติได้ตอนแรงหมด ฉันรีบถลกกระโปรงตัวเองขึ้นล้วงเอาโทรศัพท์ที่สอดไว้ในกระเป๋ากางเกงตัวข้างในที่ใส่ซ้อนไว้กันโป๊ ดึงมันออกมาอย่างทุลักทุเล และรีบกดหาคะนิ้งทันที
"แกอยู่ไหนแพง!"
"ฉันถูกใครจับขึ้นฮอมาก็ไม่รู้เนี่ย"
"กดส่งโลเคชั่นมาซิ..จะไปช่วย"
"อืม"
ฉันประคองสติตัวเองไม่ให้รนมากไปกว่าที่เป็นอยู่ รีบกดวางสายคะนิ้ง เปิดแอปพลิเคชันเพื่อที่จะส่งโลเคชั่นให้เพื่อนสนิท
พรึบ! จอดำดับไปต่อหน้าต่อตา แบตโทรศัพท์หมด!!!
จะมาหมดอะไรตอนนี้เนี่ย!!
คำถามประเดประดังเข้ามาในหัวไม่หยุด
จะรอดไหม!?
จะตายหรือเปล่า?
พี่พะเพื่อน พะพาย จะตามหาฉันไหมเนี่ย!?
ฉันได้แค่นั่งกอดเข่าอมทุกข์อยู่คนเดียวในห้องขัง
แกรก!
เสียงประตูเปิดเข้ามาอีกครั้งตอนช่วงเย็น พร้อมกับจานข้าวและน้ำดื่มหนึ่งขวด
แกรก!
เสียงประตูปิดเหมือนเดิมและฉันก็ถูกขังเหมือนเดิมไร้ซึ่งคำว่า อิสรภาพ
ฉันต้องเผชิญเหตุการณ์แบบนี้วนลูปซ้ำๆ กันวันละสามเวลา เช้า กลางวัน เย็น ตลอดระยะเวลาสองวัน
ช่วงแรกก็ไม่ยอมแตะอะไรหรอก กลัวจะมียาพิษ สงสัยฉันดูหนังมากไป แต่ด้วยความที่ทนไม่ไหว ใครจะไปอยากตายตอนนี้ล่ะ!
ฉันก็ต้องกินเพื่อความอยู่รอด..
"พี่ผมหาผู้หญิงมารับรองท่านไม่ได้เลย เอาไงดีใช้คนที่ถูกขังในห้องนั้นได้หรือเปล่า"
เสียงแว่วเข้ามาทำให้ฉันรู้สึกตัวหลังจากที่ตะโกนจนคอแทบพังเมื่อช่วงกลางวัน ด้วยความเหนื่อยก็เลยเผลอหลับไปไม่รู้ตัว
"คงได้อยู่มั่ง..ขังมาตั้งสองสามวันแล้วไม่เห็นมีคำสั่งลงมา..ว่าแต่มันจะยอมเหรอ"
"ผมมีวิธี"
ปัง!
เสียงประตูกระแทกกับกำแพงอย่างแรงทำให้ฉันสะดุ้ง รีบถอยหนีผู้ชายหน้าโหดตรงหน้าจนชิดกำแพง
"อย่าเข้ามานะ"
มือถือส้อมกินข้าวอันเล็กยื่นออกไปไว้ป้องกันตัว ฉันรู้ว่ามันโง่มากที่ทำแบบนั้น แต่มันก็ทำให้ฉันพอฮึดสู้ได้ ส่วนพวกมันไม่เห็นกลัวสักนิด เดินตรงเข้ามารวบตัวฉันลากออกจากห้อง ซึ่งฉันก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีดิ้นสุดกำลังเท่าที่จะทำได้เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง
"เอายาสลบมาดิมึง!"
หนึ่งในสองหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋ามันเทน้ำอะไรไม่รู้ลงไปและยื่นเข้ามาใกล้จมูกฉัน
"ปล่อยฉันนะโว้ย!! ปะ..."
สติสัมปชัญญะเลือนหายไปในทันทีที่ฉันเผลอสูดดมมันเข้าไป อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้