บทที่หนึ่ง : ในวันที่ไร้ทิศทาง

1348 Words
บ้านหลังเล็กๆ สไตล์เก่าๆ ที่ตั้งอยู่ในย่านที่ไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นมากนัก พื้นที่คับแคบและเก่าไปตามกาลเวลา ผนังทาสีขาวที่เริ่มหลุดลอกออกเป็นบางจุด และกระเบื้องพื้นที่เสียงดังกรุ๊บกร๊อบทุกครั้งที่เดินไปมา ห้องนั่งเล่นมีโซฟาตัวเล็กที่ดูเหมือนจะเก่าและใช้มาหลายปีแล้ว โต๊ะกลางมีรอยขีดข่วนจากการใช้งานหนัก เหมือนกับทุกสิ่งในบ้านที่ผ่านการใช้งานมานานจนดูไม่ใหม่อีกต่อไป ในห้องครัวที่เป็นแบบเปิด มีเพียงเตาแก๊สเล็กๆ ที่ถูกใช้งานแค่บางครั้งและไมโครเวฟเพื่ออุ่นอาหารสำเร็จรูป เครื่องใช้ในครัวก็มีแต่สิ่งจำเป็นบางอย่างเช่น หม้อ หรือจาน ก็มีรอยแตกเล็กๆ ที่เกิดจากการใช้งานมานาน ห้องนอนที่เรียบง่ายตามสไตล์บ้านๆ โดยมีเตียงนอนขนาดกลางที่มีที่นอนยวบไปตามอายุการใช้งาน และผ้าห่มที่ดูเรียบๆ ไม่มีลวดลายเด่นอะไรมากนัก เพียงแค่สิ่งของที่จำเป็นสำหรับการนอนหลับเท่านั้น ข้างๆ เตียงมีโต๊ะข้างเตียงที่เป็นที่วางของเอกสารหรือขยะเล็กๆ น้อยๆ ที่ถูกโยนทิ้งไปหลังจากใช้งานท่ามกลางบ้านที่ไม่มีอะไรโดดเด่นนี้ ความเงียบสงบของมันกลับทำให้หญิงสาวคนหนึ่งรู้สึกถึงความเดียวดายและความเครียดจากการหางานไม่ได้อย่างชัดเจน อัมพิกา ดุษฎานันท์ หรือ อีฟ หญิงสาววัย 26 ปี ที่เพิ่งสูญเสียงานที่เคยทำมาหลายปีเพราะการปรับโครงสร้างภายในบริษัท ทำให้เธอพบตัวเองในสถานการณ์ที่ไม่เคยคาดคิด การตกงานในช่วงอายุที่คิดว่าควรจะมีเสถียรภาพในชีวิตทำให้เธอรู้สึกเสียใจและท้อแท้ แต่ในใจลึกๆ ก็ยังมีความหวังว่าเธอจะสามารถกลับมายืนหยัดอีกครั้ง เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเก่าในบ้านของตัวเองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เต็มไปด้วยหน้าเว็บประกาศหางานและอีเมลที่ไม่มีการตอบกลับทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะเป็นการย้ำเตือนให้เธอรู้ว่าเธอไม่ใช่คนเดียวที่กำลังเผชิญกับปัญหานี้เธอเริ่มเครียดกับการถูกตัดสินจากบริษัทต่างๆว่าคุณสมบัติของเธอไม่ตรงกับที่ต้องการหรือบางครั้งก็ได้รับคำตอบที่ไม่มีความชัดเจนเลยแม้แต่ครั้งเดียว “ทำไมมันยากขนาดนี้นะ” อัมพิกาเอ่ยออกมาเบาๆ ด้วยความรู้สึกหมดแรง “นี่ก็ปาไปเกือบสองเดือนแล้วที่เราว่างงาน ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเงินเก็บไม่เหลือแน่” ความเครียดจากการหางานไม่ได้เริ่มสะสมและกัดกินความมั่นใจของเธอทีละน้อย ทุกวันมันเหมือนกับการวนอยู่ในวงจรเดิมๆ ไม่มีอะไรใหม่ เธอคิดถึงตัวเองในอดีต ตอนที่เธอยังมีความฝันและความหวังที่จะทำงานที่ดี มีอนาคตที่มั่นคง แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันดูเหมือนจะเลื่อนลอยไปหมด ในขณะที่เธอกำลังรู้สึกท้อแท้จากการหางานที่ไม่ประสบผลสำเร็จเธอก็สะดุดตากับข่าวเกี่ยวกับโรงแรมหรูระดับห้าดาวที่กำลังจะมีการจัดงานกาล่าใหญ่เพื่อฉลองครบรอบ 30 ปี ของการก่อตั้ง จึงทำให้เธอเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรมหรูแห่งนี้มากขึ้น อรรถกร เตชะปัทมาสน์ ประธานอาวุโสวัย 78 ปี นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในวงการโรงแรมได้จัดงานกาล่าใหญ่เพื่อฉลองครบรอบ 30 ปี ของโรงแรมหรูระดับห้าดาวที่มีชื่อว่า โรงแรมอเวนิว งานนี้จะจัดขึ้นในบรรยากาศสุดพิเศษที่เต็มไปด้วยเหล่าคนดังจากวงการต่างๆ และนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง โดยงานนี้ไม่เพียงแค่เป็นการฉลองครบรอบ 30 ปี แต่ยังเป็นโอกาสที่จะได้รับฟังวิสัยทัศน์ทางธุรกิจของเขาในการยกระดับให้กับวงการโรงแรมหรูในไทยซึ่งคาดว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ในการยกระดับการบริการระดับพรีเมี่ยม เมื่อเห็นข่าวการจัดงานกาล่าของโรงแรมหรูระดับห้าดาว อัมพิการู้สึกทึ่งและมีแรงบันดาลใจอย่างมาก จนเกิดความคิดที่จะสมัครงานที่โรงแรมแห่งนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอกำลังรู้สึกท้อแท้และหมดกำลังใจจากการหางานมานาน เธอเปิดดูข่าวผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์และเห็นภาพของโรงแรมหรู ซึ่งทั้งสวยงามและมีระดับสูงสุดในวงการ ความคิดเริ่มหมุนวนในหัวของเธอ “ถ้าได้ทำงานที่นี่ มันอาจจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ของชีวิตก็ได้” เธอรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับโอกาสที่ไม่คาดคิด การสมัครงานที่โรงแรมหรูนี้ดูเหมือนจะเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้เธอเดินหน้าไปสู่สิ่งที่ดีกว่า แต่ความคิดต่อมาเริ่มฉายภาพของความกลัวและความไม่มั่นใจที่เธอมีในตัวเอง “เราจะมีโอกาสได้ทำงานที่นี่จริงๆเหรอ?คนที่ทำงานที่โรงแรมระดับนี้คงต้องมีความสามารถสูงมากและเราก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ดีพอ” แต่ในขณะเดียวกัน ความคิดของเธอก็เริ่มเต็มไปด้วยความหวัง “แต่ถ้าไม่ลองสมัคร ก็จะไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าเราจะทำได้หรือเปล่า” เธอนึกถึงตัวเองในอดีต ที่เคยมีความฝันที่จะทำงานในที่ที่ให้โอกาสเติบโตและท้าทายตัวเอง “โรงแรมนี้อาจจะเป็นที่ที่เราสามารถเติบโตและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้ ถ้าเราทำงานที่นี่จริงๆ อาจจะได้รู้จักคนที่มีประสบการณ์มากมาย และใครจะรู้อาจจะมีโอกาสดีๆ ที่เราไม่เคยคาดคิดก็ได้” ถึงแม้จะมีความกลัวและความไม่มั่นใจ แต่อัมพิกาก็รู้สึกว่าเธอไม่สามารถปล่อยโอกาสนี้ไปได้ “ถึงจะกลัว แต่มันก็เป็นโอกาสที่ฉันไม่ควรพลาดไป ฉันจะทำให้ดีที่สุด” ความรู้สึกที่เธอมีในตอนนี้คือแรงผลักดันที่ทำให้เธอเลือกที่จะก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซนเพื่อลองทำสิ่งใหม่ๆ การคิดถึงโอกาสในการทำงานที่โรงแรมหรูแห่งนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีพลังใหม่ที่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนชีวิต “นี่คือโอกาสที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตฉัน...ฉันต้องคว้ามันไว้” สุดท้ายแล้ว เธอตัดสินใจจะส่งใบสมัครงานไปที่โรงแรม แม้จะไม่รู้ว่าจะได้รับการตอบรับหรือไม่ แต่เธอก็เริ่มรู้สึกว่าการทำบางอย่างดีกว่าการนั่งรอในที่เดิมๆ “ไม่ลองไม่รู้ เอาล่ะลองดูซักตั้ง” เธอพูดออกมาขณะที่เตรียมข้อมูลเพื่อสมัครงานในที่สุด อัมพิกาเริ่มพิมพ์เรซูเม่ของเธอด้วยความระมัดระวัง และคำนึงถึงรายละเอียดที่อาจช่วยทำให้เธอโดดเด่นจากผู้สมัครคนอื่นๆ ที่ส่งใบสมัครไปยังโรงแรมหรูแห่งนี้ เธอเริ่มจากการปรับปรุงเรซูเม่ที่เคยใช้มาก่อนหน้านี้ เพื่อให้มันดูสะอาดตาและเป็นมืออาชีพมากขึ้น เธอเน้นไปที่ประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องกับการบริการลูกค้า ใส่รายละเอียดเกี่ยวกับทักษะการจัดการและการบริการลูกค้าที่เธอเรียนรู้จากงานก่อนหน้านี้ เพื่อให้เรซูเม่ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น แม้ว่าจะยังไม่มีประสบการณ์โดยตรงในงานโรงแรมหรู แต่เธอเชื่อว่าประสบการณ์ในงานบริการลูกค้าก็สามารถนำมาใช้ได้ เมื่อทำเสร็จเรียบร้อย อัมพิกานั่งดูเรซูเม่ของเธออีกครั้งและทำการตรวจทานอย่างละเอียด ความกังวลเริ่มปะปนกับความตื่นเต้น เธอยังรู้สึกไม่มั่นใจเท่าไหร่ แต่ก็รู้ว่า นี่คือโอกาสที่เธอไม่ควรปล่อยผ่านไป หลังจากที่ตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอก็คลิกที่ปุ่ม "ส่ง" และเรซูเม่ของเธอก็ถูกส่งไปยังโรงแรมหรูแห่งนั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD