บนเตียงนุ่มปรากฏร่างหนาของเด็กหนุ่มวัยสิบแปดปี ใบหน้าหล่อเหลาที่เปลือกตายังคงปิดสนิทอยู่นั้นเริ่มขยับพร้อมทั้งมีเหงื่อผุดออกมาทั้งๆ ที่แอร์คอนดิชันภายในห้องนอนที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายและเป็นระเบียบยังคงทำงานอย่างไม่หยุดพัก ริมฝีปากบางสีแดงอมชมพูขมุบขมิบราวกับว่ากำลังพูดบางสิ่งบางอย่าง แต่ทว่าเสียงกลับไม่ดังออกมาตามที่ริมฝีปากขยับ
“ไม่ วิน!!! อย่าไป” และในที่สุดเสียงก็ดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากนั้น
“เฮื้อก!!!!”
“โอ๊ย!!!! ฝันอีกแล้วเหรอเนี่ย”
แบม ภูวดลสะดุ้งสุดตัวร่างหนาเด้งขึ้นมาอยู่ในท่านั่งกุมศีรษะบนที่นอนนุ่ม ก่อนที่เขาจะใช้มือทั้งสองข้างสางผมที่ปรกลงบนหน้าผากไปถึงขนตายาวชุ่มน้ำตาให้เปิดออก
“น้องวิน… พี่จะทำตามที่พี่สัญญากับเราไว้นะ ไปอยู่ในชาติภพใหม่ พี่ขอให้หนูปลอดภัย...ไร้โรคภัยไข้เจ็บนะ”
เด็กหนุ่มหยิบของทดแทนของเด็กชายตัวน้อยในตอนนั้นขึ้นมาจากชิ้นชักโต๊ะข้างเตียงแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
น้ำตาของลูกผู้ชายไหลออกมาเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนที่เด็กน้อยจะเข้ารับการผ่าตัด ตอนนั้นเขาก็ยังคงเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งซึ่งอายุมากกว่าน้องวินไปเพียงไม่กี่ปี ทั้งสองคนสนิทกันตอนที่เขาไปทำงานกับมารดา เขาพบน้องวินกำลังเข้ารับการรักษาตัวด้วยโรคลิ้นหัวใจรั่วที่โรงพยาบาลที่มารดาเป็นศัลยแพทย์ทรวงอกอยู่พอดี รู้จักกันจนสนิทสนมน้องวินก็จากไปแบบไม่มีวันกลับ
เนื่องด้วยศัลยแพทย์หัวใจของทางโรงพยาบาลมีน้อยและกำลังติดเคสสำคัญ เด็กน้อยจากไปอย่างกะทันหัน เขาร้องไห้อย่างหนักและซึมอยู่หลายวัน ก่อนที่เด็กน้อยจะอาการทรุดและจากไป เขาเคยให้สัญญาว่าโตมาเขาจะเป็นศัลยแพทย์หัวใจ คอยรักษาหัวใจให้คนที่เป็นแบบน้องวิน น้องวินยิ้มออกมาด้วยแววตาที่มีความสุข เขาไม่คิดเลยว่ารอยยิ้มจากเด็กน้อยในวันนั้นจะเป็นวันสุดท้าย… ที่เขาได้มองมัน
เขายกมือขึ้นมาปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้นจากเตียงนอน ก่อนที่สองขายาวจะก้าวเดินไปที่ห้องน้ำ เสียงน้ำที่ไหลลงกระทบพื้นบ่งบอกว่าเด็กหนุ่มได้อาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนมัธยมปลายในเช้าวันนี้แล้ว
“สวัสดีตอนเช้าครับคุณพ่อ คุณแม่ พี่บอม พี่บี๋”
ชายหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดของบ้านเอ่ยทักทายทุกคนหลังจากที่เข้ามานั่งประจำที่ตรงโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว
“หน้าตาไม่ค่อยสดใสเลยนะลูก เจ็บป่วยตรงไหนหรือเปล่า”
แพทย์หญิงศิริลักษณ์ ปรีชารักษ์เอ่ยถามบุตรชายคนเล็กด้วยความเป็นห่วง
“นั่นสิ อย่าบอกนะว่าฝันเรื่องเดิมอีกแล้ว”
ภูวเมศ ปรีชารักษ์ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามต่อในคำถามเดียวกันกับที่พี่ๆ ทั้งสองอยากเอ่ยถามน้องชายคนเล็ก เด็กหนุ่มพยักหน้าก่อนที่จะหันหน้าไปส่งยิ้มขอบคุณแม่บ้านที่นำข้าวต้มมาเสิร์ฟตรงหน้าของเขา
“ปล่อยวางซะบ้างสิแบม น้องเค้าก็ไปสบายแล้ว”
บอม ภูวพล ปรีชารักษ์ พี่ชายคนโตบอกน้องชายด้วยน้ำเสียงปลอบโยน เขารู้ดีว่าแบมนั้นเสียใจกับเหตุการณ์ในครั้งนั้นขนาดไหน
“จริงด้วยนะแบม ถ้าแบมอยากให้น้องมีความสุขเวลาที่มองลงมาจากฟ้า แบมก็ตั้งใจเรียนหมอให้จบแล้วรักษาคนที่ป่วยแบบน้องเขาให้สุดความสามารถที่บอมมีนะ” พี่สาวผู้ที่รับรู้ความใฝ่ฝันของผู้เป็นน้องชายแนะแนวทางให้กับเขา
“ครับ… ขอบคุณทุกคนมากนะครับ”
กำลังใจและความเข้าใจของครอบครัวย่อมสำคัญที่สุด เป้าหมายของเขาต่อจากนี้แน่นอนว่าเขาจะทำมันให้สำเร็จ อีกแค่ไม่กี่เดือนภาคเรียนที่หนึ่งของระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกของเขาก็ผ่านไปแล้ว และในภาคเรียนที่สองเขาจะตั้งใจกว่าเดิมเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพเหมือนกับมารดาให้ได้
โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งใจกลางกรุง
ร่างสูงของเด็กหนุ่มที่โตเต็มวัยกำลังเยื้องย่างเข้าไปในโรงเรียนของตนเองท่ามกลางสายตาของสาวๆ ที่มองมาอย่างสนใจ เขาส่งยิ้มให้สาวๆ รุ่นน้องและรุ่นเดียวกันตามประสาคนที่อัธยาศัยดี แต่ทว่ารอยยิ้มของเขาทำเอาหัวใจสาวๆ เต้นแรงไปตามๆ กัน เขาเดินตรงไปยังตึกที่ตนเรียนแต่แล้วไหล่กว้างก็มีท่อนแขนจากเพื่อนสนิทพาดผ่านมาโอบไหล่เขาไว้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะปล่อย
“เฮ้ย!! ไอ้กราฟ มึงมาเช้าจังวะฮ่าๆๆๆ สะดุ้งอะไรขนาดนั้นวะไอ้นี่ มัวแต่เก๊กหล่ออยู่นั่นแหละหมั่นไส้ แบ่งความหล่อมาให้กูบ้างดิ๊เพื่อน”
บอส ภานุอุทานเรียกเพื่อนสนิท ก่อนที่จะเอ่ยประโยคที่ทำให้กราฟ กาลัญญู พิเชษฐ์พัฒน์หัวเราะออกมา
“ถ้ามันแบ่งกันได้กูแบ่งให้มึงไปแล้วไอ้บอส มึงก็มาเช้าเป็นเหมือนกันหรอวะฮ่าๆๆๆ”
เสียงขี้เล่นติดทะเล้นตอบกลับ ก่อนที่เขาจะเดินตรงไปยังอาคารเรียนของตนโดยมีบอส ภานุเพื่อนสนิทเพียงคนเดียววิ่งตามหลังไปติดๆ
“อีกเทอมเดียวมึงจะย้ายไปทำไมวะ”
เด็กหนุ่มเอ่ยถามเพื่อนสนิทตรงหน้าเมื่อได้ยินข่าวที่ไม่น่ายินดีสำหรับเขาเท่าไหร่
“กูอยากไปเรียนที่นั่นก่อนจบ พ่อแม่ก็ไม่ห้าม แถมสนับสนุน บอกทำไมกูไม่ไปเรียนโรงเรียนนั้นตั้งแต่แรกเพราะพ่อกูก็จบจากที่นั่นมา”
กราฟ กาลัญญูตอบเพื่อนสนิทขณะที่เขากำลังเขียนงานส่งอาจารย์อยู่ภายในห้องเรียน กราฟ กาลัญญูเป็นเด็กที่เรียนเก่งอีกคนหนึ่งของโรงเรียน และเป้าหมายของเขาคือการได้เป็นเพื่อนกับเด็กหนุ่มหน้าหล่อ นักกีฬาบาสเกตบอลที่ทำให้เขาประทับใจ อาจจะดูเป็นความคิดที่โง่เขลาสำหรับเหตุผลของการย้ายไป แต่หัวใจของเขามันสั่งให้เขาตัดสินใจแบบนั้น เขาไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร
“แล้วจบมอหกมึงจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไหน”
บอสเอ่ยถามเพื่อนถึงเรื่องมหาวิทยาลัยแทนเพราะถึงอย่างไรการย้ายตามเพื่อนสนิทไปมันก็ไม่ใช่เหตุผลที่เข้าท่า แต่ถ้าได้ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยเดียวกันในอนาคตก็เป็นไปได้
“กูจะเรียนหมอ”
เด็กหนุ่มละสายตาและวางมือจากงานที่กำลังเขียนอยู่แล้วตอบอย่างมั่นใจ
“โห่… กูคงเรียนกับมึงไม่ไหว ไอ้นี่...ทำไมชอบจังอะไรยากๆ เนี่ย”
บอสเอ่ยออกมาอย่างเหนื่อยใจ จะให้เขาทนเรียนไปอีกห้าหกปี ไหนจะเรียนเฉพาะทางอีก เขาสู้ไม่ไหวจริงๆ
“มึงก็รู้ว่าชีวิตกูอยากอุทิศให้กับการต่อชีวิตให้คนอื่น”
กราฟบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนที่จะก้มหน้าลงเขียนรายงานต่อแล้วไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก บอสไม่อยากรบกวนเพื่อนจึงหยิบรายงานของตนขึ้นมาเขียนบ้าง เขายังไม่รู้เลยว่าอีกหนึ่งเทอมที่เหลือ ถ้าเขาไม่มีเพื่อนสนิทอยู่ด้วยแล้ว ผลการเรียนของเขาจะเป็นอย่างไร เพราะเวลาที่เขาไม่เข้าใจ เพื่อนสนิทอย่างกราฟ กาลัญญู ก็คอยช่วยเหลือเขามาโดยตลอด
สองหนุ่มสาวที่กำลังเดินเคียงข้างกันเข้าไปในโรงอาหารของโรงเรียนต่างเป็นเป้าสายตาของหนุ่มๆ สาวๆ ทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นน้องในโรงเรียนแห่งนี้ ใครๆ ต่างก็เข้าใจว่าแบม ภูวดลและจีน่า เจนจิราเป็นแฟนกัน เพราะเวลาไปไหนมักจะพบเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันตลอด ถึงจะมีเด็กหนุ่มอีกคน แต่เขาก็ไม่ได้เดินเคียงคู่กับแบมหรือจีน่า ต่างจากที่สองหนุ่มสาวเดินเคียงข้างกันเสมอ หรือบางทีก็มีจับมือถือแขนกันเดินก็มี
“หล่ออะ เสียดายแทนพวกเธอ….” เสียงรุ่นน้องที่เป็นเพศที่สามเอ่ยขึ้นในกลุ่มสาวๆ
“เสียดายอะไรยัยเบเบ้” เพื่อนสาวคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยถามขึ้น
“พี่แบมอะ…”
คำตอบของชายไม่แท้ของกลุ่มเรียกสายตาความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี
“พี่เขาไม่ได้ชอบชะนีหรอก เขาชอบผู้ชายด้วยกัน”
คนที่ชื่อเบเบ้เอ่ยออกมาตามสัญชาตญาณแต่เพื่อนๆ ในกลุ่มกลับส่งเสียงหัวเราะออกมา ใครจะเชื่อก็พี่แบมภูวดล ออกจะมาดแมนขนาดนั้นต่างจากคนพูดอย่างลิบลับ เล่นกีฬาก็เก่ง การเรียนก็อันดับหนึ่งของระดับชั้น แถมมีสาวสวยข้างกายเป็นดาวโรงเรียนอีกต่างหาก
“ใส่กันไหม… ถ้าพี่แบมชอบผู้ชายพวกแกเลี้ยงข้าวฉันสามเดือน แต่ถ้าพี่แบมเป็นผู้ชายชอบผู้หญิง ฉันยอมกลับไปเป็นผู้ชายตัดผมเกรียนเลยอะ”
เบเบ้เอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจ และสาวๆ ในกลุ่มก็มั่นใจเช่นกัน ทุกคนตกลงที่จะเล่นเกมนี้โดยยอมเลี้ยงข้าวเพื่อนชายใจสาวคนนี้สามเดือนหากพี่แบมสุดหล่อเป็นแบบที่นางพูด
ทางด้านสองหนุ่มสาวก็นั่งรับประทานอาหารที่ซื้อมาจากร้านโปรดภายในโรงอาหารของโรงเรียนแห่งนี้ แบม ภูวดลคอยตักผักออกให้เพื่อนสนิทมาใส่จานของเขา และเขาก็จัดการมันแทน ก่อนหน้านี้เขาบ่นให้จีน่า เรื่องที่เพื่อนสนิทคนสวยไม่ชอบรับประทานผัก แต่สุดท้ายเธอก็ไม่รับประทานมันอยู่ดี
“น่ารักแบบนี้เรามาคบกันจริงๆ ดีไหมแบม”
คำถามของเพื่อนสนิททำเอามือเรียวขาวสะอาดที่กำลังจับช้อนอยู่ชะงัก ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมองหน้าคนถาม
“ไม่อะ… ฉันรู้ว่าเธอก็ไม่ได้ชอบ…ฉันหรอก อย่ามาจีน่า แสดงละครก็พอแล้ว”
เขาบอกเธอเสียงเบาก่อนที่จีน่าจะส่งค้อนวงใหญ่ให้กับคนรู้ทัน ตั้ม อนุพงษ์ที่เดินไปซื้อน้ำกลับมาไม่ทันได้ยินความลับของทั้งสองคน เขาวางน้ำลงตรงหน้าของเพื่อนทั้งสองก่อนที่จะได้รับคำขอบคุณเป็นการตอบแทน
สองหนุ่มหนึ่งสาวนั่งรับประทานอาหารกลางวันอย่างเงียบๆ เมื่อรับประทานเสร็จทั้งสามก็เดินออกจากโรงอาหารไปท่ามกลางสายตาของทั้งสาวๆ และหนุ่มๆ ภายในโรงเรียนที่สนใจทั้งแบม ภูวดลและจีน่า เจนจิรา สาวลูกครึ่งเยอรมันที่มีฐานะทางบ้านร่ำรวยระดับมหาเศรษฐีเช่นเดียวกับครอบครัวของเพื่อนสนิท
“แบม นายจะเรียนหมอจริงอะ”
จีน่าเอ่ยถามหลังจากที่ได้เห็นรายชื่อคณะที่เพื่อนกรอกลงในแบบสอบถาม
“อืม…ศัลแพทย์หัวใจ”
จีน่าพยักหน้าขึ้นลงด้วยความเข้าใจ เหตุการณ์ในตอนนั้นทำเพื่อนของเธอคนนี้ซึมลงไปหลายวัน และจากที่เป็นคนสดใสร่าเริงกลายเป็นเงียบขรึมเย็นชา แต่กับเธอแบม ภูวดลยังคงอบอุ่นเสมอ
“เธอล่ะ…จะเรียนต่ออะไร อย่าบอกนะว่า….”
“อืม….นิเทศศาสตร์น่ะ”
เพื่อนของเขาสวยและเธอก็สามารถเป็นดาราได้สบาย ก่อนหน้านี้พากันไปเดินห้างดังก็มีปาปารัสซี่มาทาบทาม แต่ทั้งเขาและเพื่อนยังห่วงเรื่องการเรียนอยู่เลยไม่ได้ไปแคสตามที่เขาติดต่อมา
“พี่บี๋ก็เพิ่งจะได้แสดงละครเรื่องแรก” ประโยคที่แบม ภูวดลเอ่ยออกมาทำเอาเพื่อนสนิทตาโต
“จริงดิ เรื่องอะไรอะ รับบทอะไรหรอ” ลูกครึ่งสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ไม่รู้ดิ ไม่ได้ถาม เมื่อวานเห็นนั่งอ่านบทอยู่ ตัวประกอบแหละมั้ง เรื่องแรก.. แถมยังไม่เป็นที่รู้จักด้วย”
หนุ่มหน้าใสบอกเพื่อนตามที่เขาเข้าใจ เพราะเมื่อวานเขาไม่ได้ถามไถ่พี่สาวอย่างจริงจัง จึงไม่รู้ว่าตกลงพี่สาวได้รับบทอะไรและแสดงช่องไหน
“หูย….แค่นี้ก็ดีแล้ว พี่บี๋สวย……”
“พอเลย… เลิกคิด เว้นพี่สาวของฉันไว้สักคน” คำพูดที่ดังขัดคอขึ้นมาทำให้จีน่าถึงกับสะบัดหน้าให้กับคนหวงพี่สาว
“แหม…. ชื่นชมเฉยๆ อ้อ..ที่ฉันอยากเรียนนิเทศศาสตร์ ฉันอยากเป็นนางแบบย่ะ ไม่อยากแสดงหรอกละคร นายก็รู้ว่าฉันแสดงละครไม่เก่ง”
“อ๋อ…. เหรอ……”
แบม ภูวดลลากเสียงก่อนที่จะสนใจหนังสือเรียนตรงหน้าแทนการสนทนาเรื่องการเรียนต่อกับเพื่อนสนิท เพราะยิ่งคุยยิ่งออกทะเล จีน่า เจนจิราหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ ก่อนที่จะกรอกคณะที่ตนเลือกและหยิบกระดาษทั้งของเธอและของแบม ภูวดลไปส่งให้กับอาจารย์ที่รอเก็บอยู่
หลังเลิกเรียนสองหนุ่มสาวก็กลับบ้านพร้อมกันเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา แบม ภูวดลถึงจะเบื่อกับลูกอ้อนของเพื่อนสนิทที่ชวนแวะแต่ร้านไอซ์สวีทของพี่ไอซ์ อดีตสาวสวยดาวโรงเรียนที่จบไปหลายปีก่อนแทบทุกวัน แต่เขาก็ไม่เคยปฏิเสธ เพื่อนอย่างจีน่า หาได้ไม่ง่ายในสังคมปัจจุบัน เพื่อนที่ไม่ขายความลับของเพื่อน เพื่อนที่คอยให้คำปรึกษา เพื่อนที่คอยปกป้องและให้กำลังใจ แค่มีเธอเป็นเพื่อน เขาก็มีความสุขแล้ว….