แรกพบ 3

1706 Words
วีรนุชกับพลอยจันทน์หันสบตากันครั้งหนึ่ง แล้ววีรนุชก็หันมาทางเขา “โป้งเชื่อเรื่องจังหวะและโอกาสมั้ย วันหนึ่งโป้งอาจกลับมาดัง เป็นที่รักของใครต่อใครก็ได้ โป้งเป็นคนเก่งอยู่แล้ว” ธาริตยิ้ม มองเธอทั้งสองโดยเฉพาะวีรนุช ด้วยความตื้นตัน “ขอบคุณมากนะที่ให้กำลังใจโป้ง” เช้ามืดของวันนี้ วีรนุชมาถึงโฮมเสตย์ที่เขาพักตั้งแต่หกโมงเช้าตามเวลาที่นัดกันไว้ แต่เขาเพิ่งตื่น เนื่องจากเมื่อคืนพอหญิงสาวทั้งสองมาส่ง เขาก็ดื่มต่อกับลูกชายเจ้าของบ้านจนเกือบเช้า หกโมงครึ่ง เขาก็เดินหน้าง่วงๆ ออกมา พบเธอยืนยิ้มรออยู่แล้ว เขาเผลอเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเช้านี้ดูหน้าเธอแปลกๆ ไป “มีอะไรเหรอ” เธอถามพลางยกมือแตะใบหน้าตัวเองด้วยความไม่แน่ใจ “ดูหน้าแปลกๆ คงเพราะปล่อยผม” เขาพูดพลางมองผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนที่กระจายเต็มหลังของเธอด้วยความทึ่ง “ชม?” “ชมสิชม” ธาริตหัวเราะเบาๆ ก่อนนึกอะไรขึ้นได้ “อ้าว แล้วพลอยล่ะ” “พลอยไม่ได้มา ติดธุระ...คือเขาไม่ได้จะมาด้วยตั้งแต่แรกแล้ว นุชวางแผนแวนซ์คนเดียวน่ะ โป้งโอเคป่าว” “โอเคสิ โป้งยังไงก็ได้” วีรนุชพยักหน้า “นุชบอกก่อนนะว่า นุชมีเป้าหมายในการแวนซ์ แต่ไม่ได้หารายละเอียดอะไรมาก นุชอยากขี่ไปเรื่อยๆ เห็นอะไรสวยก็แวะ บางทีอาจจะถึงเป้าหมายช้า หรืออาจไม่ถึง เพราะอาจจะหลงบ้าง อาจจะเพลินกับอย่างอื่นบ้าง โป้งโอเคมั้ย” “ฟังดูน่าสนุกดี” เขาทำท่าตื่นเต้น “ถ้าพร้อมจะเสียเวลาไปกับการหลงทางกับนุช ก็เชิญค่ะ” เธอผายมือไปที่มอเตอร์ไซค์คันสีชมพู ธาริตทำเสียงรับทราบ และขยับตัว แต่หญิงสาวเรียกไว้ “เดี๋ยว ไม่มีหมวกกันน็อคเหรอ ควรจะมีนะคะ อีกอย่าง โป้งเป็นศิลปินนะ เดี๋ยวมีคนถ่ายรูปแล้วเอาลงโซเชี่ยล มันจะเป็นเรื่อง” “โอเค โป้งจะใส่หมวกเพื่อความปลอดภัย แต่คงไม่มีใครสนใจโป้งหรอก” พูดจบ เขาก็เดินกลับเข้าไปในโฮมเสตย์ สักครู่ก็กลับออกมาพร้อมสวมหมวกกันน็อคใบหนึ่ง แต่ยังไม่ได้รัดสายรัดใต้คางให้เรียบร้อย “รัดไม่ได้อ่ะ นุช ดูให้หน่อย” วีรนุชเดินเข้ามาใกล้ และเอื้อมมือไปจัดการให้ ซึ่งก็ไม่ง่ายนักเนื่องจากส่วนที่เป็นเหล็กของสายรัดนั้นขึ้นสนิม ทำให้ฝืด จึงต้องใช้เวลานานสักหน่อย เลยเปิดโอกาสให้อีกคนได้กวาดตามองใบหน้าเนียนสีน้ำผึ้งนั้นได้นานขึ้นเช่นกัน เมื่อเสร็จเรียบร้อย เธอก็เหลือบสายตาขึ้นมอง ครั้นเห็นเขายิ้มมีเลศนัย ก็กำหมัดแล้วชกที่หน้าอกเขาเบาๆ “แกล้งนุชเหรอเนี่ย” จากนั้นก็เดินไปที่มอเตอร์ไซค์ ธาริตยิ้มกว้างไปอีกกับวิธีแก้เขินของเธอ เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไหนเขินแล้วชกหน้าอกผู้ชายมาก่อน มันเท่และมีเสน่ห์ในความรู้สึกของเขาเหลือเกิน นี่เขาชอบเธอแล้วใช่ไหม? “โป้งขี่มอไซค์เป็นป่าวอ่ะ” เธอถามขึ้น ขณะสวมหมวกกันน็อคที่ตัวเองเตรียมมา ธาริตทำท่าจะเข้าไปช่วย แต่เธอก็ใส่เสร็จเรียบร้อยก่อน “เป็น แต่อย่าให้ขี่เลย” วีรนุชหัวเราะ “โอเค งั้นเดี๋ยวนุชพาแวนซ์เอง” “นุชขี่แข็งแน่นะ” เขาถามย้ำ ทั้งที่รู้ว่าตอนนี้เปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว “นุชเป็นแวนซ์อันดับหนึ่งของหมู่บ้านเลยนะ วางใจได้ ว่าแต่โป้งมีประกันชีวิตอยู่ใช่มั้ย” ตอนท้ายเธอเล่นมุกให้เขาหัวเราะสนุก เป็นการขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวที่มีความสุขที่สุดเลย นั่นคือเสียงที่ธาริตได้ยินในหัวของตัวเอง เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าเพราะเมืองแสนสงบที่มีวิวสวยๆ น่ารักๆ ให้ชื่นชม หรือเพราะคนขี่และคนพาเที่ยวเป็นหญิงสาวผิวน้ำผึ้งคนนี้กันแน่... ช่วงบ่าย หลังจากแวะทานมื้อเที่ยงจากร้านข้างทางเรียบร้อยแล้ว วีรนุชก็พาเขาซ้อนมอเตอร์ไซค์ต่อ ขี่ได้ไม่นาน ฝนก็โปรยสายลงมา แม้จะไม่หนัก แต่ก็ไม่น่าเสี่ยงขี่ฝ่า วีรนุชจึงรีบหาที่หลบทันที ซึ่งก็ได้ต้นไม้ใหญ่ริมถนนนั่นเอง “ที่นี่เป็นแบบนี้แหละ ในหนึ่งวันมีหลายฤดู อากาศร้อนอยู่ดีๆ ฝนก็ตก ตกเสร็จก็หนาวๆ หน่อย” เธอเอ่ยกับเขาเมื่อยืนเคียงกันใต้ต้นไม้แล้ว ธาริตทำเสียงรับทราบและถอดหมวกออก เขาเสยผมให้เข้าที่เข้าทาง เธอเองก็ทำเช่นเดียวกัน เสร็จแล้วเขาก็หยิบน้ำเปล่ายื่นให้เธอขวดหนึ่ง หญิงสาวขอบคุณเขาเบาๆ แล้วเปิดน้ำออกดื่ม “เออ ลืมถามเลย นุชกลับวันไหนเหรอ” “พรุ่งนี้ โป้งล่ะ” “คงซักสี่ห้าวันน่ะ เพราะว่างยาว” เธอเหลือบตาขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง แล้วเอ่ย “นุชยังยืนยันคำเดิมนะ เรื่องจังหวะชีวิตน่ะ วันหนึ่งมันต้องเป็นวันของโป้ง” “โป้งแก่เกินกว่าจะกลับมาดังแล้วนุช มีเด็กใหม่ๆ เข้ามาทุกวัน ไม่มีพื้นที่ให้นักร้องที่เป็นเกย์อย่างโป้งแล้วละ” น้ำเสียงของเขาเจ็บปวดเม้นไม่มิด พอเขาพูดอย่างนั้น วีรนุชก็นึกได้ว่าหลายปีที่ผ่านมา เขามีข่าวเรื่องนี้ ซึ่งทำให้เขาถูกต่อต้านจากคนดูคนฟังจำนวนมาก พวกเขารังเกียจและไม่ดูงานของเขา เขาจึงกลายเป็นศิลปินที่ถูกลืมและกำลังจะเลือนหายไปตามกาลเวลา ทั้งที่ความสามารถนั้นล้นปรี่ทีเดียว “ข่าวนี้มาได้ยังไงเหรอ...” เธอถามออกมาตรงๆ เพราะสำหรับเธอแล้ว การได้ใกล้ชิดเขาแม้เพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่เธอก็มั่นใจว่าเขาไม่ใช่ เขาแค่เป็นคนตัวบาง แขนขาเรียวเหมือนผู้หญิง ท่าทางสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตนก็เท่านั้นเอง อ้อ ต้องบอกว่า เป็นคนสุภาพที่ยามเผลอก็มีมาดเสือร้ายขี้อ่อยให้หัวใจกระตุกเล่นด้วย! เขาสั่นหน้า “ไม่รู้เหมือนกัน แปลกดี ทั้งที่โป้งมีแฟนผู้หญิงมาตลอด นักข่าวบางคนก็เคยเห็น แต่เขาคงไม่เชื่อล่ะมั้ง คงคิดว่าโป้งคบผู้หญิงบังหน้า” “ความจริงก็คือความจริง วันหนึ่งทุกคนต้องรู้” “ช่างเถอะ คนเขาฟันธงไปแล้ว ยังไงเขาก็ไม่เลิกคิดแบบนี้หรอก” เขาตัดบท “โป้งเคยแก้ข่าวมั้ย” “ไม่เคยมีใครมาถามจริงจัง ส่วนมากถามถึงคนรักในสเป็ก โป้งก็บอกไปว่าชอบผู้หญิงแบบไหน แต่เขาก็เอาไปเขียนให้กลายเป็นผู้ชาย” เขายิ้มขื่น “จริงๆ แล้ว สำหรับโป้งเกย์ไม่ได้เสียหาย โป้งเป็นเกย์ก็ได้ถ้าโป้งเป็นจริง แต่ที่โป้งเจ็บปวดก็เพราะคนมองว่าเกย์เป็นความผิดปกติ เป็นความต่ำต้อย และโป้งก็โดนสายตาโดนคำพูดจากพวกเขาทำร้าย ไม่มีใครฟังเพลงโป้ง ไม่มีใครดูละครที่โป้งเล่น...เขาทำให้ชีวิตคนคนหนึ่งเปลี่ยนไป...ตลอดกาล” วีรนุชเงียบ มองเขาด้วยความเห็นใจและให้กำลังใจเขา อันทำให้หัวใจชายหนุ่มเต้นผิดจังหวะ “นี่นุช โป้งมีอะไรจะบอกอย่างหนึ่ง” “อะไรเหรอ” หญิงสาวเลิกคิ้วสงสัย “เวลาอยู่กับผู้ชายท่ามกลางสายฝนตามลำพังแบบนี้ ห้ามมองเขาด้วยสายตาแบบนี้ รู้มั้ย” “ทำไมอ่ะ จะซึ้งมากเลยล่ะสิ” เธอเล่นมุกพลางเอียงคอมองเขายิ้มๆ เป็นรอยยิ้มที่น่ารักเป็นบ้าในสายตาคนมอง “ซึ้งมากและอยากกอดมากด้วย” ไม่พูดเปล่า เขาสวมกอดเธอทันที มันเป็นอ้อมกอดของความซาบซึ้งใจและตื้นตันจริงๆ “ขอบคุณที่สุดเลยที่ไม่รังเกียจแถมยังเชื่อในตัวโป้ง” วีรนุชอึ้งไปเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าจะโดนจู่โจมแบบนี้ แต่ครู่ต่อมา เธอก็กอดเขากลับ พลางลูบแผ่นหลังเขาเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ “โป้งมีอะไรน่ารังเกียจเหรอ นุชก็คิดเหมือนโป้ง เกย์ไม่ใช่เรื่องผิดไม่ใช่โรคร้ายที่เราต้องรังเกียจ...แล้วก็เชื่อนุชนะ วันหนึ่งมันต้องเป็นวันของโป้ง” “ถ้าวันนั้นมีจริง โป้งก็อยากให้นุชอยู่ด้วย” เขาคลายอ้อมกอดออกแล้วมองสบตาเธอแน่ว “นี่กำลังขอเบอร์?” เธอเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง เขายิ้ม “รู้แล้วก็ให้มาซะดีๆ” “ยังดีกว่า ขอเล่นตัว...ซักหน่อยก็แล้วกัน” เขาหัวเราะ ไม่ละสายตาไปจากวงหน้าสวย แล้วจู่ๆ ก็ก้มหน้าลงไปจุ๊บปากเธออย่างหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ หญิงสาวอึ้ง ช็อกไปครู่หนึ่ง ก็พริ้มตาลงคล้ายต้องการจดจำช่วงเวลานี้เอาไว้ ครู่ต่อมา ธาริตก็ผละออกและเงยหน้าสบตาเธออีกครั้ง คราวนี้เพื่อหยั่งความรู้สึกของเธอ ครั้นเห็นรอยวิบไหวในดวงตาก็หัวใจพองโต แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยหรือทำอะไรต่อ ฝนที่โปรยสายบางเบาเมื่อครู่นี้ก็ตกลงมาอย่างหนัก “เฮ้ย แค่ใต้ต้นไม้ไม่รอดแล้ว หาบ้านคนเถอะ นุช” เขาเสนอขึ้น และเธอก็เห็นด้วย พวกเขาจึงรีบวิ่งไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ แล้วฝ่าฝนออกจากตรงนั้น โดยเลือกขอความช่วยเหลือจากบ้านหลังแรกที่เจอ ซึ่งเป็นบ้านไม้สองชั้นตั้งอยู่ห่างจากบ้านอื่นพอสมควร เจ้าของบ้านซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนซึ่งอาศัยอยู่คนเดียวก็ยินดีให้ความช่วยเหลือ ดูท่าทางแกจะดีใจมากที่มีคนเข้าไปหาแก “ดูท่าแล้ว คงตกหนักทั้งคืนแหละ...” แกว่าพลางยื่นผ้าขาวม้าและเสื้อยืดสีเทาๆให้ธาริต ผ้าถุงและเสื้อคอกระเช้าของแกให้วีรนุช “อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อน เดี๋ยวไม่สบาย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD