คืนฝนฉ่ำฟ้า 2

948 Words
“อะไรนะ ตกใจอะไรอะ” ถึงคราวที่วีรนุชจะงงบ้าง พลางก็พยายามคิดว่า ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ ซึ่งก็พบว่าไม่มีอะไรที่น่าตกใจสักนิด ธาริตยกมือแตะหัวใจตัวเอง “ข้างในนี้ มันเต้นแรงมากตอนที่นุชแกล้งโป้ง แล้วยื่นหน้ามาล้อโป้งใกล้ๆ ก็เลยทำตัวไม่ถูก” หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ “เว่อร์แล้ว” “มันดูเว่อร์จริงๆ โป้งถึงตกใจตัวเองไง...รู้แบบนี้แล้ว หายงอนแล้วนะ โป้งไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นดาราหรือเป็นใครที่สูงส่งกว่าคนอื่น ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆ ที่บางทีก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงกับผู้หญิงที่ตัวเองชอบแค่นั้นแหละ” นั่นคำสารภาพหรือ? วีรนุชทำตัวไม่ถูก หน้าร้อนผะผ่าวไปหมด ตอนนั้นเองที่ไฟดับพรึบ ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด หญิงสาวเผลอหวีดร้องเบาๆ ภายนอกฟ้าแลบแปลบปลาบ ส่งความสว่างเข้ามาในห้องเป็นระยะๆ ทำให้เห็นว่าตอนนี้สองหนุ่มสาวกำลังกอดกันแน่น “กลัวเหรอ” ธาริตกระซิบถาม “เปล่า ไม่ได้กลัว” คนบางคนปากแข็งทั้งที่เสียงสั่น “โป้งกลัวอ่ะดิ” “ไม่เลย ไม่กลัวสักนิด” เขาพูดจบ ฟ้าก็แลบติดต่อกันยาวนาน ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องดังครืนๆ อ้อมกอดของเขาจึงแน่นเข้าโดยไม่รู้ตัว “หึ แล้วบอกไม่กลัว” วีรนุชอดค่อนแคะคนที่กอดเธอไม่ยอมปล่อยไม่ได้ “ปล่อยได้แล้ว นุชจะนอน” แต่ธาริตไม่ปล่อย เขากดจูบไปที่ริมฝีปากนุ่มหยุ่น ก่อนเริ่มเลาะเล็มอย่างเชี่ยวชาญ... ชายหนุ่มค่อยๆ เลิกเสื้อคอกระเช้าที่เธอใส่ขึ้น แล้วหน้าอกขนาดเหมาะกับรูปร่างของเธอก็ปรากฏในสายตา ธาริตก้มหน้าลงไปอย่างไม่อาจห้ามใจ ไม่ต่างจากภมรหนุ่มผู้หิวกระหายน้ำหวาน เขาดูดกลืนอย่างไม่รู้จักอิ่มหนำ พลางก็จัดการกับผ้าถุงของเธอและผ้าขาวม้าของตัวเอง จากนั้นจึงพลิกตัวขึ้นทาบทับบนร่างบอบบางอีกครั้ง และเริ่มต้นจูบเธออย่างเร่าร้อน มันเต็มไปด้วยการเรียกร้องและปรนเปรอหนักหน่วงจนหญิงสาวต้องครางฮือ ครู่ต่อมา ธาริตก็เลื่อนมือลงไปยังจุดต่ำกว่าหน้าท้องเพื่อทำความรู้จักมัน เขายิ้มพอใจเมื่อได้ยินเสียงครางจากปากเล็กๆ นั่น ก่อนเลื่อนตัวลงแล้วลากปากตามมาด้วย หญิงสาวร้องออกมาคำหนึ่งด้วยความตกใจผสมหวามใจ ชายหนุ่มฝังจมูกลงฟอนเฟ้นอย่างหลงใหล ตามด้วยลิ้นอุ่นร้อนที่ล่วงล้ำเข้าไปทักทายถึงข้างใน หญิงสาวส่งเสียงครางพลางส่ายหน้าไปมาบนหมอน มือหนึ่งจิกหัวเขาอีกมือกำผ้าปูเตียงแน่น นิ้วเท้าจิกเกร็ง ร่างบิดไปมา เหงื่อเริ่มซึมตามไรผมและขมับ รับรู้ถึงความร้อนที่ไหลวนทั่วร่าง ความร้อนที่ถ้าหากไม่ได้ปลดปล่อยเธอว่าร่างตัวเองต้องระเบิดแน่ๆ “โป้ง...นุชไม่ไหวแล้ว” คนที่กำลังเพลิดเพลินกับกลีบดอกไม้ได้ยินอย่างนั้นก็จำต้องละความหอมหวานมา รู้แล้วว่าเธอพร้อมแล้วสำหรับการเดินทางไปกับเขา ร่างสูงทาบร่างบนร่างแบบบางของเธอ จูบปากเธออีกครั้ง คราวนี้เธอตอบโต้เขาตามสัญชาตญาณ มือของเธอลูบแผ่นหลังเขาหนักๆ บ่งบอกให้เขารู้ว่าเธอ ‘พร้อม’ แล้ว ธาริตจึงค่อยๆ ฝังแก่นกายของตนลงในกลีบดอกไม้หอมหวาน “โอ๊ย...” คนใต้ร่างสะดุ้งและร้องออกมาเบาๆ ชายหนุ่มก้มลงจูบเธอเพื่อปลอบใจ ไม่ดึงดันเอาแต่ใจ ครั้นเห็นเธอผ่อนคลายแล้ว เขาจึงเริ่มขยับตัวอีกครั้ง อย่างช้าๆ แล้วค่อยๆ เร่งจังหวะให้เร็วขึ้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังท่ามกลางเสียงฝนพรำ เสียงครางแห่งความหฤหรรษ์บางเบาสอดประสานอย่างลงตัว ครู่ต่อมา ธาริตก็พาวีรนุชทะยานออกไปรับความสดชื่นของเม็ดฝนพร้อมๆ กัน เสียงครางกระหึ่มบ่งบอกความสุขสมของเขาดังไม่ต่างจากเสียงฟ้าร้อง ชายหนุ่มซบหน้าลงตรงซอกคอหอมกรุ่นที่เขาหลงใหลหนักหนา หญิงสาวเองก็ถึงกับหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อเหมือนกัน เธอหลับตานิ่งเพื่อจารจำความสุขของค่ำคืนนี้ไว้จนลึกสุดหัวใจ เมื่อเรี่ยวแรงกลับมา ธาริตก็พลิกตัวลงจากร่างเธอ จับตัวเธอตะแคงข้างแล้วสวมกอดเธอไว้จากด้านหลังอย่างทะนุถนอม “อยู่ในชีวิตโป้งนะ อย่าหายไปไหน” เขาพึมพำข้างหู กลิ่นหอมจากเรือนผมของเธอโชยออกมาให้เขาได้ชื่นใจ และอดไม่ได้ที่จะลูบมันเล่นเบาๆ ผมเธอหยักศกก็จริงแต่เส้นเล็กและนุ่มมือมาก “เรารู้จักกันแล้วก็ถือว่าอยู่ในชีวิตแล้วไง” “ไม่สิ ต้องมากกว่านั้น โป้งอยากกอดนุช อยากอยู่กับนุชแบบนี้ไปนานๆ” หญิงสาวเงียบ รู้ว่าเขาก็อาจปากหวานไปอย่างนั้นเอง แต่เธอก็อดใจฟูไม่ได้ “ทำไมเงียบ ไม่เชื่อโป้งเหรอ” เขายื่นหน้ามาถาม “เราเพิ่งเจอกันเองนะ” “เวลาไม่สำคัญ เคยได้ยินคำว่ารักไม่ต้องการเวลาหรือเปล่า” แล้วเขาก็พลิกร่างเธอให้กลับมาเผชิญหน้าเขา “และเราก็จะค่อยๆ เรียนรู้กันไป” วีรนุชยิ้ม ขยับตัวเข้าหาเขาแล้วกอดเขาเอาไว้ “นอนเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” เธอตัดบท และหลับตาลง แต่...ธาริตไม่ยอมให้เธอหลับ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD