ทวงเมีย

1489 Words
ธาริตยิ้มพอใจเมื่อเปิดประตูรถตู้ซึ่งเขาใช้ไปทำงานทุกวันแล้วพบ ‘เมีย’ ของเขานั่งอยู่ด้วย โดยนั่งคู่ผู้จัดการทางเบาะหลัง “สวัสดีครับ” เขาเอ่ยทักขึ้นก่อน ก่อนก้าวขึ้นนั่งประจำที่ ส่วนพอลปิดประตูให้แล้วก็เดินไปนั่งเบาะหน้าคู่คนขับ “สวัสดีค่ะ” เธอยกมือไหว้เขาแม้เขาจะไม่ได้หันมองก็ตาม “วันนี้ เราต้องทำอะไรบ้างเหรอ” เขาถามเมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัวออก “มีถ่ายปกค่ะ ส่วนตอนเย็นก็มีอีเวนท์โทรศัพท์มือถือ แล้วก็งานกลางคืนค่ะ” เธอตอบมาจากด้านหลัง “ขอดูเรฟเฟอร์เรนท์ถ่ายแบบหน่อย” เขาสั่ง วีรนุชกับโยหันสบตากัน “พี่โยยังไม่ได้ให้โป้งดูเหรอคะ” “ให้ดูแล้วไง แกนี่ขี้ลืมจริงๆ เลย” พี่โยส่งวงค้อนให้ “เนี่ย เหล้ากินสมองหมดแล้วมั้ง บอกให้เพลาๆ ลงหน่อยก็ไม่เชื่อ” “เออ ก็ลืมไง มาบอกอีกทีสิ นุชนั่นแหละ มาบอก...” พูดจบเขาก็ตบเบาะว่างๆข้างๆ ตัว หญิงสาวยังนั่งนิ่ง พี่โยจึงสะกิดเตือน “เอาไปให้มันดูหน่อย ขี้เกียจจะพูดกับคนสมองเสื่อมแล้ว ง่วงด้วย ขอนอนซักหน่อยแล้วกัน” นั่นเอง ที่สุด เธอก็ได้มานั่งข้างเขา เขาขยับตัวเพียงนิดเดียว ต้นขาแข็งแรงของเขาก็แนบต้นขาเธอ แขนเรียวของเขาถูกวาดออกวางบนพนักของเบาะที่เธอนั่ง เส้นผมนุ่มสลวยของเธอจึงเคลียอยู่กับต้นแขนของเขา ยามที่เขาก้มหน้าลงมาดูตัวอย่างภาพถ่ายในไอแพด จมูกโด่งของเขาก็เคลียคลออยู่แถวๆ แก้มของเธอ วีรนุชสะดุ้งเล็กน้อย เงยหน้ามองไปทางพี่ชายแวบหนึ่ง ก็เห็นว่าพี่ไม่ได้สนใจทางนี้เลย ตาเขามองตรงไปข้างหน้าแน่วสลับกับมองกระจกมองหลัง “ไหนดูซิ เขาจะให้ถ่ายแบบไหน” ซูเปอร์สตาร์หนุ่มถามเสียงเบา ก้มหน้ามาอีกนิด “ชุดนี้ก็เท่ดีนะ” “ค่ะ” วีรนุชตอบเสียงสั่นๆ หัวใจเต้นแรง และพยายามเบี่ยงตัวออกห่าง แต่เขากลับกระซิบสั่ง “อยู่นิ่งๆ ถ้าขยับหนีอีก จะจูบโชว์พี่ชายนุชจริงๆ” เธอจึงได้แต่นั่งตัวแข็งเกร็งอยู่ตรงนั้น จากนั้นธาริตก็เริ่มขยับขาที่แนบอยู่กับขาเธอเบาๆ เขาตั้งใจให้มันเสียดสีขาเธอ มือที่พิงพนักเริ่มแตะเส้นผมนุ่มๆ ของเธอ วีรนุชหลับตาลงด้วยความอาย เกร็ง กลัวคนอื่นจะเห็น นอกเหนือจากนั้น เธอไม่อาจปฏิเสธว่าเธอเริ่มรู้สึกแปลกๆ กับสัมผัสจากเขา “ชุดนี้ตลกดี ใส่ออกมาแล้วจะเป็นไงเนี่ย บางทีก็ตามไม่ทันแฟชั่นเท่าไหร่นะ” เขาชี้ไปที่รูปหนึ่งพลางเอ่ยอีกด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ ขายังขยับไม่หยุด คราวนี้ไม่ขยับเฉยๆ เขายังเอามันมาเกี่ยวขาเธอด้วย “อุ๊ย” เธอเผลออุทาน ส่งผลให้พอลหันขวับมามองด้วยความสงสัย ธาริตหัวไว ปล่อยโทรศัพท์ที่อยู่ในมือให้หล่นบนพื้น วีรนุชเงยหน้ามองพี่ชาย แล้วก็โล่งใจที่ดูเขาไม่ได้ติดใจอะไร ตอนนี้เขาหันกลับไปจ้องถนนต่อแล้ว เธอหันมาทางธาริต ก็เห็นสายตายั่วล้อจากเขา เธอส่งวงค้อนให้เขาครั้งหนึ่ง ก่อนจะก้มลงเพื่อหยิบโทรศัพท์ เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาเองก็ก้มลงมาเช่นกัน แต่แทนที่หัวจะชนกัน กลายเป็นจมูกของเขาชนกับขมับของเธอเต็มรัก แถมยังสูดเอาความหอมไปเต็มที่อีกด้วย! “อุ๊ย” เธออุทานอีกรอบด้วยความตกใจ แล้วรีบลุกขึ้นยืนนั่งตัวตรง “เก็บเองนะคะ” ธาริตไม่ว่าอะไร เขาก้มลงหยิบเครื่องมือสื่อสารนั้นขึ้นมา จากนั้นจึงเอ่ยกับเธอ “ขอดูภาพต่อไปด้วย...” ถึงสตูดิโอถ่ายแบบ หลังจากทักทายกับทีมงานเรียบร้อยแล้ว ธาริตก็นั่งให้ช่างแต่งหน้า พี่โยวุ่นอยู่กับสายเรียกเข้าเพื่อติดต่องาน ส่วนพอลนั่งอยู่ทางหนึ่ง ธาริตจึงเรียกวีรนุชมานั่งใกล้ๆ เพื่อให้ได้มองหน้าเธอชัดๆ ซึ่งเธอก็พยายามอย่างยิ่งที่จะทำหน้าปกติ ระหว่างช่างแต่งหน้า ทีมงานสัมภาษณ์ก็ทำหน้าที่ไปด้วย ซึ่งวีรนุชก็คอยฟังคำถามและคำตอบของเขา เพื่อดูว่าคำถามไหนถามได้ ไม่ได้ คำตอบไหนได้ ไม่ได้บ้าง “ขอถามเรื่องความรักหน่อยนะครับ” “เอ่อ เรื่องนี้ขอเอาไว้ก่อนนะคะ อยากให้ถามแต่เรื่องงานน่ะค่ะ” พีอาร์สาวรีบทำหน้าที่ของตน “ไม่เป็นไรครับ ผมอยากตอบ” ซุปตาร์หนุ่มตอบอย่างคนเอาแต่ใจ “โป้งคะ แต่ว่า...” “เชื่อสิว่าแฟนๆ ของผมอยากรู้เรื่องนี้ เพราะฉะนั้นถามได้ครับ” เขาหันไปทางทีมงาน ซึ่งตอนนี้เกิดความลังเล จึงหันไปทางวีรนุชเชิงขอความเห็น คราวนี้เธอพยักหน้าอนุมัติเพราะไม่อยากให้ข่าวของธาริตออกไปในทางเสียหายว่าเรื่องมาก “ความรักครั้งล่าสุด เป็นยังไงครับ” “จบศพไม่สวย” เขาหัวเราะเบาๆ เหลือบตามองวีรนุชก็เห็นว่าเธอเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ “แล้วความรักปัจจุบันล่ะครับ...” ได้ยินคำถามนั้น ธาริตก็หันมาทางวีรนุช... สัมภาษณ์เสร็จแล้ว ก็ได้เวลาแต่งตัว สไตลิสต์นำชุดมาให้เพื่อให้เขาไปเปลี่ยนในห้องแต่งตัวซึ่งอยู่มุมหนึ่งของสตูดิโอ ชายหนุ่มเข้าไปครู่หนึ่งก็เรียกหาวีรนุช “นุช มาดูนี่ให้หน่อยครับ โป้งแกะอันนี้ไม่ได้” วีรนุชหันมองสไตลิสต์ซึ่งเป็นสาวประเภทสองเชิงขอร้อง “พี่ช่วยเข้าไปดูให้หน่อยได้มั้ยคะ” สไตลิสต์ขยับตัว แต่มีเสียงร้องห้ามจากคนข้างใน “นิดเดียวเองครับ ไม่รบกวนพี่ดีกว่า กระดุมมันติดกับโซ่ เอาออกไม่ได้ ให้นุชช่วยก็แล้วกัน” เมื่อเป็นคำสั่งของซุปตาร์ ก็ไม่มีใครกล้าขัด สไตลิสต์พยักหน้าให้เธอเข้าไปเสีย วีรนุชไม่มีทางเลี่ยง จึงจำต้องเดินไปเคาะประตูเบาๆ “เปิดประตู แล้วออกมาข้างนอกได้มั้ยคะ” ประตูเปิดออก แต่เขายื่นหน้ามาเอ่ยเสียงดัง “ไม่ต้องกลัวจะปล้ำหรอกน่า เดี๋ยวเปิดประตูไว้ก็ได้” เป็นคำพูดที่เรียกเสียงหัวเราะได้จากหลายคน แต่เห็นแววตาของเขาแล้ว วีรนุชไม่ไว้ใจเลยจริงๆ อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอทำอิดออด พิรี้พิไร คนก็จะยิ่งสงสัย หญิงสาวค่อยๆ ก้าวเข้าไปในห้องนั้น ซึ่งมีขนาดเล็กเท่าห้องลองเสื้อตามห้างสรรพสินค้า “ไหนคะ ตรงไหนที่ติด” เธอถามพลางกวาดตามองเสื้อที่อยู่บนตัวเขา ไม่มีเสียงตอบกลับ วีรนุชเงยหน้ามอง แล้วก็อยากจะถอนหายใจยาวๆดังๆ...เธอเสียรู้เขาอีกแล้ว! “ผมดูผิด มันเป็นสไตล์ของเสื้อน่ะ” แล้วเขาก็หัวเราะดังๆ คล้ายขำตัวเอง ทีมงานที่อยู่ข้างนอกพลอยหัวเราะขำด้วย แต่ไม่ใช่วีรนุช เธอส่งวงค้อนให้เขาแล้วทำท่าจะเดินออกจากห้อง แต่เขากลับกระตุกแขนเอาไว้ ก้มลงฉกความหวานจากริมฝีปากเธอครั้งหนึ่งอย่างรวดเร็ว แล้วจึงปล่อย จากนั้นก็เป็นฝ่ายเดินนำเธอออกมาเอง “นุชเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าแดงแบบนั้น” พี่โยที่เพิ่งวางสายหันมาเห็นเข้าก็ทักด้วยความแปลกใจ พลอยทำให้หลายคนหันไปมองเธอ รวมทั้งพี่ชายของเธอด้วย ส่วนตัวต้นเหตุนั้นเดินทำหน้าทองไม่รู้ร้อนไปรอเช็คแสงแล้ว วีรนุชยกมือแตะแก้มตัวเองด้วยความตกใจ “เอ่อ เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” “ไม่สบายหรือเปล่า ไหวมั้ย ถ้าไม่ไหวก็นั่งพักก่อน ช่วงถ่ายไม่มีอะไรมากหรอก” พี่โยพูดอย่างมีน้ำใจ “ไม่เป็นไรค่ะ นุชไม่ได้เป็นอะไร ขอบคุณค่ะ พี่โย” พูดจบ เธอก็เดินไปนั่งใกล้ๆพี่ชาย ซึ่งก็ยกมือแตะหน้าผากเธอด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นอะไรแน่นะ” “ค่ะ” ระหว่างนั้นเอง โทรศัพท์ของวีรนุชก็มีสายเข้า ภาสกรนั่นเอง “จ้ะ...กร ทำงานอยู่ อะไรนะ ไปแถวออฟฟิศเหรอ นุชออกมาทำงานข้างนอกละ เอาไว้วันหลังก็แล้วกันนะ” เป็นเพราะภายในสตูดิโอเงียบ เสียงพูดของเธอจึงได้ยินชัด และธาริตก็เผลอขบกรามแน่น “เออ ไหนลองท่าเมื่อกี้สิโป้ง ตาขวางๆ เหมือนคนหึงเมียน่ะ สาวๆ น่าจะชอบนะ” เสียงช่างภาพดังขึ้น วีรนุชหันขวับไปมอง ‘คนหึงเมีย’ ก็ได้รับสายตาเชิงคาดโทษส่งมาให้ เธอรีบสะบัดหน้ากลับด้วยความหมั่นไส้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD