“ยินดีต้อนรับทุกท่าน... เข้าสู่ ‘เกมไทย’ อันศักดิ์สิทธิ์ ที่จะวัดว่า ใครคือผู้เหมาะสมจะปลดหนี้ชาติบาป และใคร... สมควรถูกคัดออกจากความเป็นคน”
เสียงประกาศดังก้องภายในห้องโถงขนาดใหญ่
หลังจากรถไฟจอดนิ่ง ประตูท้ายเปิดออก
ผู้เข้าแข่งขันกว่า 200 คนทยอยลงจากตู้รถไฟ
ชุดไทยร่วมสมัยสีเลือดหมูเรียงรายเต็มลานดินกว้างที่ดูเหมือน วัดโบราณร้าง กลางป่า
แท่นไม้ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ปลายลาน
เบื้องหลังเป็นผืนผ้าสีทองที่ประดับด้วยลาย “ยักษ์ล้อมเทวดา” มีคนยืนอยู่เบื้องบน…
ชายสูงวัยสวมชุดราชปะแตนสีงาช้าง หน้าขาวใสแบบผิดธรรมชาติ ดวงตาเย็นชาแต่อ่อนโยนจนน่าขนลุก
เขาคือ คุณลุงกำนันทรงไทย
ผู้ควบคุมเกม
เขายกมือขึ้น ทำท่ารำช้าๆ พร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า
และพูดด้วยเสียงราบเรียบ
“พิธีเปิดเกม... จะเริ่มจากรำวง”
“จงจับคู่ให้ทันก่อนเสียงเพลงจบ หากจับไม่ได้... จะถูกคัดออก”
เสียงผู้คนเริ่มแตกตื่น
บางคนหัวเราะคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่น
แต่แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้น ปัง!
ชายวัยกลางคนที่หัวเราะเมื่อครู่ ล้มลงทันที
เลือดไหลรินเป็นสาย.....เสียงกรีดร้องตามมาในพริบตา
“เกมนี้ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ” ลุงกำนันยังพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท
“เพลงจะมีทั้งหมด 3 ท่อน เมื่อจบท่อนที่ 3 คนที่ไม่มีคู่ จะถูกคัดออกในทันที”
เสียงกลองไทยดังขึ้น ตุ้ง! ตุ้ง! ตะลุงตุงๆ ตุง
เสียง “รำวงย้อนยุค” ดังขึ้นจากลำโพงที่มองไม่เห็นทำนองครึกครื้น... แต่กลิ่นความตายเริ่มคลุ้ง
เตชินท์หันมองไปรอบตัว
ผู้คนเริ่มแตกกลุ่ม บ้างวิ่งหาคู่ บ้างยืนตะลึง
เขารีบมองหาหมายเลข 020 หญิงสาวที่เขาเคยเจอที่สถานีรถไฟ
เธอก็เหลือบมองเขาอยู่เช่นกัน ก่อนพยักหน้าเบาๆ
“มา! มาจับกันให้รอดก่อนค่อยด่าทีหลัง”
เตชินท์จับมือเธอโดยไม่ลังเล
มือของเธอเย็นเฉียบเหมือนเขาเอง
ทั้งคู่หมุนตัวช้าๆ ตามทำนอง
เสียงรำวงดังต่อ
ผู้คนเริ่มหมุนเวียน เปลี่ยนคู่
บางคนหลงทิศ บางคนกอดใครก็ไม่รู้
หลายคนร้องไห้ วิ่งมั่ว
"ท่อนสุดท้ายแล้ว!"
เสียงลุงกำนันประกาศอย่างชัดถ้อย
เตชินท์รีบดึงน้ำอ้อยกลับมากอดไว้
แม้ไม่รู้ว่ารอบนี้เปลี่ยนคู่หรือไม่
แต่เขาไม่ไว้ใจระบบที่อาจ "นับไม่ได้" หากไม่มีการจับแน่น
เพลงหยุด
แสงไฟดับวูบในพริบตา
บรรยากาศมืดสนิท
ก่อนจะมีเสียง “ติ๊ก... ติ๊ก...” ดังมาจากที่พื้น
“ตรวจจับคู่เสร็จสิ้น... ตรวจพบผู้เล่น ‘เดี่ยว’ จำนวน 17 คน”
“กำลังดำเนินการคัดออก...”
เสียงปัง! ปัง! ปัง! ดังรัว
ผู้เข้าแข่งขัน 17 คนล้มลงพร้อมกัน
ไม่มีเสียงกรีดร้อง ไม่มีคำขอร้องให้เมตตา
มีเพียง “ความเงียบ” ที่ปกคลุมลาน
“จงจำไว้...”
เสียงของลุงกำนันดังอีกครั้ง
“เกมไทย... คือกระจกสะท้อนใจคน”
“ใครประมาท... จะถูกคัดออกโดยไม่ทันตั้งตัว”
เตชินท์หอบหายใจ
เขายืนอยู่ในท่ากอดน้ำอ้อยแน่น
หัวใจเต้นจนแทบหลุดจากอก
ข้างตัวเขา... มีเลือดสาดเป็นวงกลมอยู่ห่างออกไปแค่สองก้าว
น้ำอ้อยพูดเบาๆ
“นี่แค่เกมแรกนะ...”
“ฉันว่าฉันเริ่มไม่อยากได้เงินแล้วว่ะ”