สังเวียนกลองสะบัดชัย

843 Words
“เสียงกลองคือจังหวะของชีวิต… ใครพลาดจังหวะนั้น จะไม่เหลือโอกาสแม้แต่จะตายอย่างมีศักดิ์ศรี” วันที่สี่ของเกม หลังพิธีกรรมเมื่อคืน น้ำอ้อยจากไปอย่างเงียบงัน ท่ามกลางสายตานิ่งงันของทุกคน เตชินท์ยังคงไม่พูดกับใคร มือของเขากำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือด ในหัวมีแต่ภาพสุดท้ายของน้ำอ้อย แววตาแข็งกร้าวปะปนกับความเศร้าลึกที่เธอไม่เคยแสดง “พวกมัน… ทำให้เธอตาย” “เพราะพวกมันกลัว... ผู้หญิงคนเดียว” 08:00 น. เสียงฆ้องตีสามครั้งตามด้วยเสียงลำโพง “ขอให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนเข้าสู่ ‘ลานกลอง’ ด้านตะวันออกของค่าย เพื่อเริ่ม ‘เกมที่สี่’ ในอีก 15 นาที” เสียงฝีเท้าคนก้าวย่ำหญ้าพร้อมกัน ไม่มีใครพูด ไม่มีใครอยากสนิทกับใครอีก ลานกลองสะบัดชัย เป็นลานดินทรายกว้างกลางป่า มีเวทีกลองขนาดใหญ่ตั้งอยู่สี่มุม กลองใบละกว่า 2 เมตร ตีดังได้ยินไปถึงขอบฟ้า ตรงกลางลานเป็น “เสาไม้สูง” มีเชือกเส้นยาวคล้องปลายเสาไว้ ทั้งสี่ด้าน บนเวทีแต่ละมุม มี “นักกลองลายคราม” ใส่หน้ากากไม้ทับหน้าด้วยทองคำ กำลังยืนรอพร้อมไม้ตีที่หนักเกือบเท่าไม้เบสบอล เสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้ง ชื่อเกม: สะบัดชัย! วิ่งไว้ก่อนตาย กติกา: ผู้เข้าแข่งขันจะแบ่งเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละประมาณ 40 คน เมื่อเสียงกลองในแต่ละมุมตีพร้อมกัน เกมจะเริ่ม ผู้เข้าแข่งขันต้อง “หมุนเวียนไปรอบลานตามจังหวะกลอง” โดย “แตะเสาไม้กลางลาน” ให้ทันก่อนรอบที่สามจบ ผู้ใดล้ม พลาดจังหวะ หรือไม่แตะเสาในรอบเวลา… จะถูกคัดออกทันที แต่ละรอบ จะมี “อุปสรรคสุ่ม” เพิ่มเข้ามา เช่น ดินลื่น, ลูกดอก, หรือกับดักไม้กระดก หากมี “ผู้เข้าแข่งขันจำนวนมากเกินไป” ที่รอดในรอบสุดท้าย… จะมี “รอบพิเศษ” ที่ผู้เล่นต้อง “ดวลกันเอง” เพื่อคัดผู้รอด เสียงอึ้งกระหึ่มทั่วลาน “นี่มัน... กีฬาสีสายโหดเรอะ!?” “ต้องวิ่งวนรอบเสา แตะมัน แล้วไม่ล้ม... ในเกมที่มีดักทาง?!” เตชินท์ถูกจัดอยู่กลุ่มที่ 2 เขาอยู่รวมกับคนที่ไม่รู้จักหลายคนหนึ่งในนั้นคือ หญิงสาวหน้าคม ใส่ชุดไทยสีคราม หมายเลข 114 ชื่อ “พริม” เธอเดินเข้ามากระซิบเบาๆ “ฉันรู้ว่านายเคยรู้จักผู้หญิงคนนั้น... น้ำอ้อย” “ฉันก็เคยอยู่กลุ่มเดียวกับเธอมาก่อนเกมเริ่ม” เตชินท์หันขวับ เธอพูดต่ออย่างรวดเร็ว “เธอเคยพูดไว้ว่า นายดูเป็นคนดี... แต่คนดีจะรอดไหมในที่แบบนี้ นายคิดว่าไง?” เตชินท์ไม่ตอบ เขาแค่มองไปที่เสาไม้สูงกลางลาน ในหัว... ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า “รอดไปอีกวัน” เสียงกลองดังขึ้นพร้อมกันทั้ง 4 ทิศ ตึง! ตึง! ตึง! “รอบแรก... เริ่ม!” [เสียงตะโกนดังก้อง] “วิ่ง!” “หลบ!” “ลื่นแล้วโว้ย!” กลุ่มของเตชินท์พุ่งออกไปพร้อมกัน พื้นทรายถูกโรยด้วยเศษแกลบ ทำให้ลื่น คนข้างหน้าล้มหนึ่ง คนที่ตามมาทับอีกสอง เสียงกรีดร้องดังขึ้น ขาใครบางคนบิดงอผิดรูป เตชินท์หอบหายใจ วิ่งเร็วแต่ยังพอควบคุม พริมวิ่งข้างเขา เธอมีท่าทางเหมือนนักกรีฑา ทั้งคู่แตะเสากลางลานทันพอดี ก่อนเสียงกลองรอบถัดไปเริ่ม รอบที่สอง: กับดักไม้กระดกถูกเปิด ไม้แผ่นบางซ่อนในทรายเด้งดีดเท้าให้ลอย ชายคนหนึ่งกระเด็นไปชนเสาเต็มแรง เลือดไหลไม่หยุด หญิงอีกคนล้มทับเชือกจนโดนดึงเข้ากับตะขอเหล็ก ไม่มีใครช่วยทัน เตชินท์เริ่มหอบ แต่เขายังไหว… และแตะเสาอีกครั้ง พริมวิ่งมาข้างๆ “รอบหน้าสุดท้ายแล้ว! ถ้ารอด เราน่าจะผ่านทั้งกลุ่ม!” “แต่นายต้องฟังเสียงกลองให้แม่นนะ มันเปลี่ยนจังหวะเร็ว!” เตชินท์พยักหน้า หัวใจเต้นเหมือนกลองในอก รอบสุดท้าย: ลูกดอกปลิวจากเสาสูง เสียงลั่นดัง ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ลูกดอกไม้ไผ่แหลมพุ่งลงจากยอดเสา เหมือน “ฝนแห่งความตาย” ชายข้างหน้าโดนเข้าต้นขา ล้มแล้วถูกเหยียบ หญิงสาวอีกคนโดนที่ไหล่เลือดพุ่ง—กรีดร้องไม่หยุด เตชินท์กับพริมก้มต่ำ เขากระโดดข้ามคนล้มไถตัวเข้าหาเสา มือของเขาแตะเสากลางลานพร้อมกับพริมในวินาทีสุดท้าย เสียงกลองหยุด ความเงียบปกคลุมลาน “กลุ่ม 2: รอดทั้งหมด 21 คน จาก 40 คน” “ผู้รอดทั้งหมดจะได้รับเวลา ‘พัก 12 ชั่วโมง’ ก่อนเข้าสู่เกมถัดไปในเวลาเที่ยงคืน” เตชินท์ล้มตัวนั่ง หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะ พริมยื่นน้ำให้เขาดื่ม ก่อนจะพูดเสียงเบา “เกมหน้า... ไม่ใช่แค่วิ่งแล้วมันจะเป็นเกมของ ‘การเลือก’”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD