เมื่ออินทนนท์กับวารีรินออกมานอกห้าง เขาก็หันไปพูดกับเธอ
“พี่ขอโทษด้วยนะว่านที่พาว่านมาเจอกับมันอีก”
“พี่นนท์ไม่ต้องขอโทษว่านหรอกค่ะ ที่นี่เป็นที่ที่ใครจะมาก็ได้ วันนี้เราแค่โชคไม่ดีที่มาเจอกับเขา”
“ดีแล้วล่ะ ที่คนอย่างมันไม่ต้องมาเป็นพ่อของลูกว่าน”
“ค่ะ ว่านก็คิดแบบนั้น”
“แม่งเอ๊ย ถ้าว่านไม่ดึงไว้อยากจะกระแทกปากมันซักหมัดสองหมัด เอาเลือดปากเสีย ๆ ของมันออกบ้าง ไอ้ลาหวงก้าง” อินทนนท์ยังฮึดฮัด
วารีรินยิ้มให้เขา รู้สึกขอบคุณผู้ชายคนนี้จากหัวใจ ในวันที่เธอไม่เหลือใคร เขากลับยื่นมือเข้ามาช่วยอย่างเต็มใจทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้มีพร้อมที่จะโอบอุ้มเกื้อหนุนใครให้เป็นภาระเพิ่มขึ้น
“ว่านขอโทษนะคะพี่นนท์”
“หืม มาขอโทษพี่ทำไม” เขาทำหน้าฉงน
“ก็เพราะว่าน พี่นนท์เลยต้องพลอยมาโดนคำพูดแย่ ๆ แบบนั้น”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นวางบนศีรษะเธอแล้วยิ้มให้ “ไอ้ลาปากหมาแบบมัน คำพูดหมา ๆ ก็ออกมาได้ตลอดแหละ ไม่ใช่เพราะว่านหรอก อย่าไปคิดมาก”
ทั้งสองคนกลับมาถึงบ้านวารีรินก็ช่วยเก็บกวาดในส่วนครัวที่ยายทำข้าวต้มมัดเพื่อนำไปขายที่ตลาด ปกติยายสมฤดีจะกลับมาเก็บกวาดในตอนเย็น หญิงสาวแทบไม่อยู่เฉยหากงานบ้านยังไม่เสร็จเรียบร้อยดีแม้อินทนนท์จะบอกว่าไม่ต้องทำอะไรมากก็ตาม จากนั้นวารีรินก็มานั่งอยู่ในห้องนอนตั้งกล้องจากโทรศัพท์และหยิบครีมซองที่เธอซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านออกมา ทำการสาธิตทาทั่วใบหน้าแล้วพูดส่วนประกอบเชิญชวนให้คนที่ติดตามเธอในช่องทางออนไลน์ซึ่งมีต้นทุนดูแลตัวเองน้อยได้ใช้ของดีราคาถูก พร้อมกับปักตะกร้าในการสั่งซื้อ
อินทนนท์ซึ่งเสร็จจากการเช็กอีเมลจากมหาวิทยาลัยที่จะไปเรียนต่อเดินมาเคาะประตูเพราะเห็นว่าหญิงสาวหายเข้าไปในห้องนานพอสมควร
“ว่านทำอะไรอยู่”
“ไลฟ์ขายของค่ะ เสร็จพอดี”
“ก็พอได้ค่ะ ว่านจะทำนายหน้าขายของออนไลน์ไปด้วย เดือนที่แล้วลองทำแบบไม่จริงจังก็พอได้ค่าขนมบ้าง ตอนนี้ว่านคงยังหางานประจำทำไม่ได้ ก็มีตรงนี้แหละที่พอจะหาเงินช่วยยายได้”
“อืม แต่ก็อย่าทำหนักมากนะ พี่เป็นห่วงตัวเล็กในท้อง พี่ตั้งใจว่าตอนไปเรียนที่นู่นก็จะหางานพิเศษทำไปด้วย เห็นหลายคนที่ไปเรียนแนะนำอยู่ ได้เงินไม่เลว จะได้ส่งเงินมาช่วยยายกับว่านอีกแรง”
“พี่นนท์อย่าหักโหมมากนะคะ เรียนด้วยทำงานด้วยหนักเอาเรื่องอยู่”
“ชินแล้ว ตั้งแต่เด็กก็ทำคู่กันแบบนี้ ไม่ทำคงจะรู้สึกแปลก ๆ ล่ะ” อินทนนท์หัวเราะเบา ๆ
“ว่านอยู่ทางนี้จะช่วยดูแลยายให้ดีที่สุดค่ะ พี่นนท์จะได้ไม่ต้องกังวล”
“พี่เชื่อเราอยู่แล้ว”
หนุ่มสาวยิ้มให้กันอย่างจริงใจ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาอินทนนท์ก็เดินทางไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา ในสาขา Entrepreneurshipหรือการเป็นเจ้าของธุรกิจ วารีรินต้องอยู่กับยายสมฤดีสองคน นอกจากช่วยทำงานบ้านทุกอย่างรวมถึงซักเสื้อผ้าให้ยายแล้ว หญิงสาวยังช่วยยายทำข้าวต้มมัดด้วย เหลือเพียงไม่ได้ออกไปช่วยขายที่ตลาดเท่านั้น หากแต่วันนี้ต่างออกไป หลังจากจัดเรียงข้าวต้มมัดใส่ตะกร้าเสร็จเรียบร้อยพร้อมนำไปขาย ยายสมฤดีก็พูดขึ้นว่า
“อยู่บ้านนั่ง ๆ นอน ๆ เฉย ๆ ก็หัดช่วยกันทำมาหากินหน่อย เอาข้าวต้มออกไปช่วยกันขายก็ได้ คนท้องไม่ใช่คนป่วย”
วารีรินที่กำลังเก็บกวาดครัวหันมามอง รู้สึกได้ว่าสายตาที่เคยมองเธออย่างผู้ใหญ่ที่เมตตาลูกหลานเปลี่ยนไปเป็นสายตาที่มอง ‘ตัวเพิ่มภาระ’ น้ำเสียงที่เคยเอื้อเอ็นดูกลายเป็นประชดประชันเสียดสี หญิงสาวรับรู้สัญญาณเหล่านี้ได้ในทันที
“ได้ค่ะยาย เดี๋ยวหนูเอาข้าวต้มออกไปขายเองค่ะ”
ต่อจากวันนั้นเรื่องที่ต้องนำข้าวต้มไปขายจึงเป็นงานของเธอ ขายหมดก็นำเงินที่ได้ทั้งหมดมาให้ยาย บางวันก่อนกลับหญิงสาวก็จะแวะเดินดูสินค้าเบ็ดเตล็ดที่เป็นกระแสทางออนไลน์อยู่ในตอนนี้แล้วเลือกซื้อมาใช้เป็นบางชิ้นเพื่ออัดคลิปรีวิวพร้อมกับปักช่องทางการซื้อแลกกับค่าคอมมิชชันที่จะได้
สิ้นเดือนก็ได้ยินเสียงยายสมฤดีโอดครวญเรื่องค่าน้ำ ค่าไฟที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในบ้าน
“ค่าไฟเดือนนี้ตั้งพันห้า ใครมันใช้ไฟเยอะขนาดนี้วะ ฉันอยู่กับหลานฉันสองคนยังไม่เคยจ่ายค่าไฟเยอะขนาดนี้เลย ค่าน้ำก็ขึ้น ข้าวสารก็ต้องซื้อแทบทุกอาทิตย์ ภาระจริง ๆ อยู่ดี ๆ ต้องเอาลูกเขามาเลี้ยงเอาเมี่ยงเขามาอม”
เสียงบ่นนั้นคงตั้งใจให้คนที่มาอาศัยได้ยิน วารีรินได้แต่ก้มหน้าทำใจแล้วเดินมาหายายสมฤดีที่กำลังทำหน้าบึ้งตึง ค้อนลมค้อนแล้งไปตามเรื่อง
“ค่าใช้จ่ายเดือนนี้เดี๋ยวหนูรับผิดชอบเองค่ะยาย”
“มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นแหละ ดึก ๆ ดื่น ๆ ทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ นี่ถ้าคุยกับผู้ชายคนอื่นแล้วมีที่อยู่ใหม่ก็เชิญออกไปเลยนะ ฉันไม่ใช่คนดีเด่อะไรที่จะมารับผิดชอบดูแลใคร เหลนฉันก็ไม่ใช่ พ่อของเด็กในท้องเธอเป็นใครก็ไม่รู้มาให้หลานชายฉันรับผิดชอบ ไอ้นนท์มันไปนอกไปนากำลังไปมีอนาคตแต่ต้องมาติดอยู่กับเธอ เวรกรรมแท้ ๆ ฉันล่ะเกลียดจริง ๆ ไอ้ผู้หญิงสมัยนี้ที่บอกว่าท้องได้เดี๋ยวยายเลี้ยง ใครมันจะไปเลี้ยงให้ ออกมาให้เป็นภาระคนอื่น ตอนทำล่ะไม่รู้จักคิด”
ยายสมฤดีทิ้งสายตารังเกียจเดียดฉันท์อย่างไม่ปิดบังไปที่หญิงสาว วารีรินได้แต่ก้มหน้า เก็บกลืนความรู้สึกจุกกับคำพูดที่กระแทกใส่อย่างไม่ปรานีของผู้สูงวัย เธอไม่มีสิทธิ์เงยหน้าหรือโต้ตอบเพราะสิ่งที่ยายสมฤดีพูดนั้นถูกทุกอย่าง ในเมื่อสิ่งเหล่านั้นมันเป็นผลจากความผิดพลาดของเธอเอง
“หนูขอโทษนะคะยายที่เข้ามาเป็นภาระ หนูจะรีบหาที่อยู่ใหม่ให้เร็วที่สุดค่ะ”
“เออ หาให้เร็ว ๆ เลย ยิ่งเร็วยิ่งดี ฉันไม่ใช่แม่พระแม่ธรณีที่ใจดีมีเมตตาคอยเผื่อแผ่รับเลี้ยงลูกนกลูกกา หึ”
วารีรินสะอื้นออกมา เธอไม่รู้จะพูดอย่างไร รู้สึกละอายใจที่กลายมาเป็นภาระของคนอื่นทั้งที่ไม่ใช่ญาติหรือมีความเกี่ยวข้องอะไรใด ๆ มันไม่ใช่หน้าที่อะไรของอินทนนท์กับยายของเขาเลยที่ต้องมารับผิดชอบชีวิตเธอแบบนี้ เท่าที่เธอได้มาอยู่ที่นี่จนถึงตอนนี้ก็ถือว่ายายสมฤดีกรุณาเธอมากแล้ว จึงได้แต่พูดสิ่งเดียวที่ออกมาจากใจ
“หนูขอโทษค่ะยาย”
ก่อนจะรีบเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า เดินเข้าไปหยิบตะกร้าข้าวต้มมัดในครัวแล้วนำออกไปขายที่ตลาด ข้าวต้มที่ทำมาขายหมดในเวลาไม่นานคงจะเพราะคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเอ็นดูหน้าแม่ค้าที่ร้องเรียกไม่หยุด พอขายหมดหญิงสาวก็ลองเดินหาห้องว่างให้เช่าในละแวกนั้นเผื่อจะเจอที่เธอพออาศัยอยู่ได้และราคาไม่แพง เมื่อเดินลึกเข้าไปในซอยมีบ้านหลังหนึ่งซึ่งปลูกอยู่ค่อนข้างห่างจากหลังอื่น ๆ บรรยากาศดูร่มรื่นดีทำให้เธอตัดสินใจเดินเข้าไปดูโดยไม่คิดอะไร พอเดินมาถึงด้านหน้าก็เห็นบ้านชั้นเดียวทรงกะทัดรัดน่ารัก ทาสีชมพู มีระเบียงรอบบ้าน มีพื้นที่เป็นสวนเล็ก ๆ บรรยากาศรอบบ้านร่มรื่นน่าอยู่มาก บนรั้วติดป้ายประกาศว่า
ให้เช่า ราคาถูก สนใจติดต่อที่เบอร์ 093-xxx-xxxx
^
^
^