‘เดินออกมาจากชีวิตลาภิศร์แล้ว‘ วารีรินก็เดินไปตามทางเดินที่มุ่งหน้าออกจากมหาวิทยาลัยด้วยแววตาเหม่อลอย ช่วงนี้สอบเสร็จนักศึกษาในมหาวิทยาลัยจึงไม่เยอะมาก หญิงสาวจึงเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รีบร้อนพลางคิดว่าจะกลับไปที่คลินิกแห่งนั้นอีกดีหรือไม่
“ว่าน รอพี่ก่อน”
เสียงเรียกที่ติดหอบทำให้วารีรินหันกลับมามอง ส่งยิ้มให้เล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นอินทนนท์ เขากึ่งวิ่งกึ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอแล้วมองหญิงสาว
“พี่มีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย ไปหาที่นั่งคุยกันมั้ย”
“ได้ค่ะ ตรงม้าหินอ่อนนั่นมั้ย”
สายตาเขามองไปที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่เธอชี้ไป เห็นมีนักศึกษานั่งเป็นกลุ่มอยู่ประปรายก็บอกว่า
“ไปที่อื่นดีกว่า”
“ที่ไหนคะ”
“นอกมหาลัย เดี๋ยวพี่พาไป”
วารีรินตัดสินใจไปกับอินทนนท์ เธอนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของเขาไป ยังสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ทั้งคู่นั่งคุยกันอยู่ตรงม้านั่งที่ห่างไกลผู้คน ด้านหน้าเป็นทะเลสาบในสวนสาธารณะ วารีรินนั่งเงียบ ดวงตาเหม่อลอยเหมือนคนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อินทนนท์เดินไปซื้อน้ำมาสองขวด บิดเปิดขวดหนึ่งแล้วส่งให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวจิบน้ำเย็นจากขวดที่เขาส่งให้ สายตายังคงเหม่อมองไปกลางทะเลสาบที่มีห่านคู่หนึ่งกำลังว่ายน้ำเล่นอยู่ ครู่หนึ่งชายหนุ่มจึงเอ่ยถามอย่างตรงประเด็น
“เมื่อคืนพี่ไปคุยกับไอ้ลอสมา...มันบอกว่า ว่านท้องเหรอ”
วารีรินหันมามองหน้าคนถาม ในดวงตาเห็นความวูบไหวขึ้นมาแวบหนึ่งก่อนที่เธอจะหลบสายตา ส่ายหน้าตอบ
“เปล่าค่ะ ว่านไม่ได้ท้อง ว่านแค่โกหกเขา”
“แล้วที่ว่านไปคลินิกวันก่อน”
“ว่านแค่ไม่สบาย”
“ว่าน พี่เต็มใจอยากช่วยว่านถ้าว่านมีปัญหาอะไร พี่เข้าใจว่านนะ พวกเราเป็นคนที่ไม่มีใครเหมือนกัน”
วารีรินยิ้มรับ “ขอบคุณมากนะคะพี่นนท์”
“ไปอยู่กับพี่มั้ยว่าน ที่บ้านพี่มียาย ตอนนี้พี่อยู่กับยายสองคนถ้ามีอะไรยายจะได้ช่วยว่านดูแลลูกได้”
“พี่นนท์! ว่านบอกว่าว่านไม่...”
อินทนนท์ยื่นมือมาจับมือเรียวที่ยังมองเขาด้วยสีหน้าตื่นตกใจ เขายิ้มและพยักหน้าให้เธอ
“เลี้ยงเด็กคนเดียวมันเหนื่อยมากนะว่าน ยายพี่ใจดี”
“พี่นนท์ไม่เชื่อว่าว่านโกหกเหรอ”
“ไม่ ไอ้ลอสมันอยากจะเชื่อแบบนั้นก็ตามใจมันเถอะ ปล่อยมันไป ถ้ามันจะไม่รับผิดชอบก็เรื่องของมัน”
วารีรินกลั้นความรู้สึกไว้ไม่ไหวอีกต่อไป จึงปล่อยให้หยดน้ำตาร่วงเผาะลงมา
“พี่นนท์อย่าไปเรื่องนี้พูดกับพี่ลอสอีกเลยนะ ว่านขอ ว่านไม่อยากถูกเขามองด้วยสายตารังเกียจอีกแล้ว พอกันที”
“พี่เข้าใจ และรู้ว่านิสัยมันเป็นยังไง พี่ไม่ให้ว่านกลับไปหามันหรอก ปล่อยให้มันตามทางของมันเถอะ ชีวิตมันกับเราต่างกันแต่วันข้างหน้าพี่จะทำให้ชีวิตเราสองคนดีขึ้น ไม่ใช่สิ ต้องสามคน”
เขาจับมือเธอแน่นอย่างถ้าเธอคิดจะสะบัดก็ไม่หลุด
เวลาผ่านไปจนถึงวันประกาศผลการสอบ วารีรินได้เกรดเฉลี่ยที่ดีสมกับที่เธอตั้งใจเรียน ในเวลาเดียวกันเธอก็ขบคิดเรื่องการหาที่อยู่ใหม่ เพราะหากยังอยู่ที่หอพักนี้ต่อถึงค่าเช่าห้องจะไม่แพงแต่ก็อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยมีนักศึกษาอยู่กันมาก รวมถึงคนดูแลหอพักก็มีความคุ้นเคยกับเธอคงได้รู้กันว่าเธอท้องไม่มีพ่อ อีกทั้งสภาพร่างกายก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัน การไปอยู่ในที่ที่มีผู้ใหญ่ช่วยดูแลน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี
หญิงสาวจึงตัดสินใจคุยกับอินทนนท์อีกครั้งเรื่องที่จะไปอยู่บ้านกับเขาและยาย
“พี่มีเรื่องจะบอกว่านอีกเรื่อง”
“เรื่องอะไรคะ”
สีหน้าชายหนุ่มดูไม่สู้ดีนัก มันมีทั้งความยินดีและความลำบากใจอยู่ในนั้น
“ทางมหาลัยประกาศผลเรื่องทุนไปเรียนต่อ พี่ได้ทุนไปเรียนต่อที่อเมริกาสองปี”
วารีรินได้ฟังก็รู้สึกดีใจกับเขา
“จริงเหรอคะ ว่านดีใจด้วยนะ ดีใจด้วยจริง ๆ ...ทำไมพี่นนท์ทำหน้าแบบนั้นล่ะ ไม่ดีใจเหรอ”
“ก็ดีใจ แต่พี่เป็นห่วงว่าน พี่คงไม่ได้ดูแลว่าน ไม่ได้เห็นหน้า...ลูกตอนคลอด”
“พี่นนท์ไม่ต้องห่วงว่าน ว่านอยากให้พี่นนท์นึกถึงตัวเองก่อน มีโอกาสแล้วพี่นนท์ต้องไปนะ”
“พี่จะฝากยายดูแลว่านนะ ว่านจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว”
“ค่ะ ว่านก็จะได้ช่วยดูแลยายพี่นนท์ด้วย”
^
^
^
***อ่านแล้วฝากกดกำลังใจ คอมเม้นมาพูดคุยกันนะคะ
ebook ทุกเรื่องของมนสิ มีอยู่ใน meb กดเข้าไปดูเลยค่า