14. มุม(ไม่)ปลื้ม

1650 Words
“อ้างอิงจากสัญญาว่าจ้าง เครดิตสามวันตอนนี้เกินเวลาไปเกือบหนึ่งร้อยห้าสิบวันแล้วนะคะ” “...” “คุณก็รู้ว่าธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกมันหยุดชะงักไปหมด แล้วนี้พวกผมก็รอต้นสังกัดอนุมัติเงินก้อนนั้นอยู่เหมือนกันครับ” “ค่ะ! เรื่องนั้นอยู่นอกเหนือสัญญาว่าจ้างนะคะ ดิฉันมาเพื่อติดตามยอดที่ค้างจ่ายซึ่งนี้ก็เกินกำหนดมาเยอะแล้ว” “ผมบอกว่ารอเงินอยู่ไงครับ” ผู้จัดการบริษัทพีพีคอปตอบกลับฝ่ายบัญชีเดอะวันอย่างเหลืออด เขารู้สึกเสียหน้าไม่ใช่น้อยที่ถูกทวงเงินต่อหน้าลูกค้าเจ้าใหญ่รายใหม่ ซึ่งนั้นไม่ได้ทำให้คู่กรณีดิ้นตาม ผู้จัดการสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามควบคุมสีหน้า ท่าทางและคำพูดตรงคนตรงหน้าว่า “กรุณาชำระยอดคงค้างตามใบวางบิลด้วย” “นี่คุณ!” “คะ?” น้ำเสียงนิ่งเรียบแต่สีหน้าจริงจัง แขกผู้มาเยือนแสดงเจตนารมณ์ชัดว่าเธอมีหน้าที่มาทวงเงินต่อลูกหนี้ ซึ่งว่าจนตามกฏหมายแล้ว พีพีคอปมีความผิดเต็มประตู “ผมจะเร่งตามเงินให้” “ดิฉันอยากได้คำตอบว่าเมื่อไรค่ะ” “ถ้าผมมีอำนาจเซ็นอนุมัติเองก็คงบอกคุณได้” “แต่คุณมีอำนาจเซ็นใบสัญญาว่าจ้างนะคะ” บัญชีสาวต้อนลูกหนี้ทุกทาง วงเงินสิบล้านบาททุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน Rrrrrrrrrrrrrrrrrrr มือถือเจ้ากรรมสั่นเป็นเจ้าของตลอดเวลา อ้ายอันพยายามไม่สนเพราะเรื่องงานสำคัญกว่า แต่ปลายทางก็ยังไม่ยอมหยุดโทรจนเจ้าตัวต้องขอตัวออกมารับสายข้างนอกห้องทำงานผู้บริหาร “อะไรของมึง” “อัน! ช่วยกูด้วย” “เป็นอะไร ใครทำอะไรมึงอริ” “อัน! ช่วยกูด้วย” ประโยคเดิมซ้ำๆ เพียงแค่ก็ทำให้คนฟังร้อนใจ แม้เรื่องงานจะสำคัญสักแค่ไหนแต่เพื่อนรักก็สำคัญเช่นกัน จากที่ว่าถ้าไม่ได้คำตอบเรื่องเงินสิบล้านจะไม่กลับ แต่อ้ายอันรีบขอตัวลาเพื่อนวิ่งไปหาเออีคนสนิท “อัน! ทางนี้” “มึงมาไงวะอาร์ท” “ก็เพื่อนรักมึงนั่นแหละ” “มันเป็นอะไรวะ” “ขึ้นรถ” ทั้งที่งานยุ่งแต่ครีเอดหนุ่มก็ยังเจียดเวลาขับรับมารอรับอ้ายอันถึงหน้าบริษัทลูกหนี้ บัญชีสาวร้อนใจว่าเพื่อนรักจะเป็นอะไรร้ายแรงจึงไม่ได้ถามต่อจนเรื่องทุกอย่างกระจ่างเมื่ออาร์ทขับรถมาจอดมหาวิทยาลัยที่พวกเขาจบ “เห็นกูว่างรึไงอริ กูอุตส่าห์เข้าพบคุณโฮได้แต่ต้องมาทำเรื่องไร้สาระนี้อีก ปัญหาของมึงทั้งนั้น” “อัน! การตอบแทนสถาบันที่ให้ความรู้ของเรามันไม่ใช่เรื่องไร้สาระนะเว้ย” “ใช่! มันไม่ได้ไร้สาระ แต่เหตุผลของมึงต่างหากที่มันไร้สาระ” “ถ้าจะโทษว่าใครผิดก็ต้องไอ้อาร์ทเลย” “เดี๋ยวนะ! กูทั้งมารับมาส่งไอ้อัน ทั้งต้องเอารถมึงไปทำให้อีก แล้วนี้กูยังจะเป็นคนผิดอีกเหรอ” ครีเอดหนุ่มแว้ดใส่สายสนทนาระหว่างเพื่อนสาวทั้งสอง ที่พูดมาทั้งหมดไม่ใช่ธุระของตัวเองแต่ก็ต้องยอมทำให้ “เออไง! ถ้าเมื่อวานกูไม่ไปกินข้าวกับมึงขากูคงไม่แพลง” “...” สองคนมองหน้าแล้วเบะปากใส่คนหน้ามึน ยังไงซะก็เคยรับปากกับทางมหาลัยแล้วว่าถ้ามีงานใดที่พวกเธอสามารถช่วยเหลือได้ ก็พร้อมตอบแทนคณะอาจารย์ด้วยความเต็มใจ ณ ลานกิจกรรมคณะเทคโนโลยียานยนต์ “เด็กช่างทั้งนั้นเลยวะ” “เด็กศิลป์เขาไม่เล่นดนตรีกันมั้งพี่ เลยมีแต่พวกผม” กลางลานปูนโล่งๆ มีเก้าอี้สองสามตัวตั้งอยู่พร้อมพร้อมขาตั้งไมโครโฟนและแอมป์ตัวใหญ่ คนหน้านิ่งในชุดเดรสที่สวยแปลกตาเป็นพิเศษได้รับการเชื้อเชิญให้นั่งตรงกลางกลุ่ม เดิมทีควรจะเป็นเอลี่ที่มานั่งตรงนี้ แต่เพราะด้วยอุบัติเหตุเมื่อวานหมอจึงสั่งห้ามเอลี่ใช้ขาและให้พักผ่อนอยู่กับบ้าน เจ้าตัวเองก็ไม่มั่นใจถ้าไม่ใส่ส้นสูงออกจากบ้าน ฉะนั้นอ้ายอันจึงเป็นตัวแทนของเธอในวันนี้ “อืม แต่พี่ไม่ร้องนะ” “พวกผมก็ไม่มีนักร้องด้วยสิ” “ไม่เอา! พี่มือกีตาร์ไม่ใช่นักร้อง” นอกจากจะเก่งเรื่องการคำนวณและตัวเลขแล้วอ้ายอันยังไม่สามารถอีกอย่างที่น้อยคนจะรู้ ตอนมัธยมต้นเธอเคยมีวงดนตรีและส่งประกวดรายการระดับประเทศมาแล้ว มือกีตาร์หน้านิ่งนามว่าเด็กหญิงอัญชิสาเกือบได้เซ็นสัญญากับค่ายดัง แต่จู่ๆ เธอก็ทิ้งโอกาสนั้นไปโดยให้เหตุผลว่ามีปัญหาทางครอบครัวจึงไม่สามารถออกอัลบั้มกับเพื่อนๆ ในวงได้ “พี่ครับ! นี้มันดนตรีโฟล์คซองเพื่อระดมทุนให้กับเด็กด้อยการศึกษาในพื้นที่ห่างไกละนะครับ ถ้าไม่มีนักร้องแล้วเราจะเล่นดนตรีบรรเลงกันเฉยๆ หรือไง” “เพลงวัยรุ่นสมัยนี้พี่ร้องไม่เป็นเว้ย” “เพลงลูกทุ่งเหรอ” “ไอ้พวกบ้า” เหมือนโดนเด็กต่อว่าว่าแก่มากลายๆ อ้ายอันแค่ไม่ชอบฟังเพลงสมัยใหม่เพราะเธอมันสายร็อกเกอร์นั่นเอง “คณะอื่นเขาเริ่มการแสดงแล้วนะ คณะเรานี้ยังไง” “ไม่มีนักร้องครับอาจารย์” “อันเธอก็ร้องได้นี้ เมื่อก่อนยังร้องกับน้อง...เอาเป็นว่าช่วยอาจารย์หน่อยนะ” คำขอร้องที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ทำให้อ้ายอันต้องนั่งประจำตำแหน่งนักร้องของวง จากคนน้อยๆ ที่ไม่ค่อยมีคนสนใจและบริจาคเงินกลับค่อยๆ คึกคักขึ้น เหรียญห้าเหรียญสิบในตู้ใสเริ่มแน่นไปหมดแบงก์สีต่างๆ เยอะขึ้นเรื่อยๆ “พี่อันเจ๊งวะ” “เพลงยุคพี่มันเจ๊งต่างหาก เด็กๆ สมัยนี้ถึงได้ชอบ” เงื่อนไขง่ายๆ ในการรับบริจาคก็คือสามารถขอเพลงใดก็ได้แลกกับเงิน หรือถ้าใครไม่อยากขอก็สามารถบริจาคได้ ไม่นานก็ต้องเคลียร์เงินออกแล้วเริ่มรับบริจาคใหม่อีกที “ขอขอบคุณทุกคนมากนะคะที่ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อส่งเสริมการศึกษาให้กับเด็กผู้ด้อยโอกาสในพื่อนที่ห่างไกล เพลงนี้จึงขอเป็นเพลงสุดท้ายนะคะ ไว้พบกันใหม่โอกาสหน้าคะทุกคน” กระดาษโน๊ตเขียนชื่อเพลงมากมายพร้อมเงินที่เย็บติดมาด้วยกัน อ้ายอันเลือกดูเพลงที่เธอพอจะร้องได้ แต่ก็เจอเข้ากับเพลงที่ชอบจึงเลือกเพลงนี้ขึ้นมา “การได้มองใครสักคนจากมุมที่เราอยู่มันก็มีความสุขได้จริงๆ นะคะ ขอบคุณที่ขอเพลงนี้มา คุณชอบเพลงเดียวกับอันเลย” “คนอะไรวะ โคตรน่ารักเลย” “เป็นเอามากนะครับบอส เมาแดกเหรอกูพาไปหาหมอมั้ย” “นั้น! โคตรน่ารัก เขาเล่นเพลงที่กูขอด้วย” Stalker ในคราบนักบริหารหนุ่มแอบตามสาวคนหนึ่งมาจากบริษัทที่เขาบังเอิญพบเธอ วันนี้ช่างเต็มไปด้วยความบังเอิญ เมื่อวราริชเจอสาวน่ารักที่เขาแอบมอง ทั้งที่พีพีคอปและคณะเทคโนโยลียานยนต์ผู้ผลิตบุคคลากรดีๆ ส่งตรงเข้าสังกัดจีโอมอเตอร์ ว่าที่ผู้บริหารถูกรับเชิญให้มาร่วมงานระดมทุนการศึกษาจึงมีโอกาสได้พบหน้าเธอคนนั้นอีกครั้งในวันนี้ เจ้าตัวยืนหน้าแดงกับคำหวานๆ ของนักร้องสาวสวย “ผัวเขาก็น่ารักนะ เหมาะสมกันดีโคตรๆ” “ไอ้ห่าพี! อาจจะแค่เพื่อนกันก็ได้” “เหรอ! มึงเคยขับรถให้เพื่อนผู้หญิงด้วยเหรอ” “ไม่” ไม่มีคำใดจะโต้งเถียงพชรได้ ตัวเขาเองไม่เคยขับรถรับส่งเพื่อนสาวคนไหน แฟนจริงๆ ที่คบกันก็ยังไม่เคยทำ “แม่ง! คนโสดสมัยนี้ทำไมหายากจัง” “ยากตรงไหน ตอนนี้ก็มีมึงกับกูแล้วสองคน” “มึงมันพวกเอาไปเรื่อย กูเนี้ยอยากมีลูกมีเมียแล้ว” “กลัวพ่อมึงไม่ยกสมบัติให้อะสิ” “ทุกวันนี้กูมีสิทธิ์ในสมบัติมั้ย ไม่มี!” วราริชเลี้ยงตัวเองตั้งแต่ถูกส่งตัวไปดัดสันดานที่อเมริกา เขาเคยชินกับการทำงานแลกเงินมีกินมีใช้ไปวันๆ ที่กลับมาไทยทุกวันนี้ก็ยังใช้เงินเก็บของตัวเอง “มึงว่าผัวเขาเหรอ” ชายหนุ่มมองนักร้องสาวคนนั้นกำลังร่ำรารุ่นน้องก่อนจะเดินกลับขึ้นรถมินิสีดำคันเล็กๆ โดยมีหนุ่มหัวฟู แต่งตัวเซอร์สุดๆ ขับมาจอดรออยู่นานแล้ว มิหนำซ้ำเธอยังรวบผมมัดให้เขาด้วย นี้คงเป็นเครื่องการันตีความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงคู่นี้ “กูจะรู้มั้ย สมัยนี้คนเราแม่งดูกันแต่ภายนอกไม่ได้ คนเราแม่งน่ากลัวขึ้นทุกวัน” “น่ากลัว? ตรงไหนวะ” วราริชไม่เข้าใจกับคำของเพื่อนรัก หญิงชายคบกันมันมีอะไรให้ต้องกลัว “นั่นไง ภายนอกมึงอาจจะมองว่าเขาเป็นคู่แฟนที่คบกันธรรมดาทั่วไป แต่เบื้องลึกกว่านั้นมันมีอะไรซ่อนอยู่มึงจะรู้เหรอ กูว่า! อย่าไปยุ่งเลย” พชรไม่มั่นใจเท่าไรนักว่าจะเป็นผู้ชายคนเดียวกับที่เขาเจอในห้างหรือเปล่า แต่เขาจำรถสีดำแต่งซิ่งทะเบียนเลขสวยคันนั้นได้ไม่มีวันลืม และจินตนาการในหัวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหนึ่งชายสองหญิงที่ดูอีรุงตุงนังอย่างที่ไม่เคยเจอะเจอ “พูดเหมือนมึงรู้” “เออ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD