8.30 น.
“ตายห่า! ทำไมรถเพียบไปหมดเลยวะไม่ว่างสักช่อง”
เช้าวันถัดมากับเรื่องวุ่นๆ ของสาวเออีหน้าสวยประจำบริษัทโฆษณาสัญชาติไทย-มาเลเซีย
เพราะมื้อดึกเมื่อคืนตามเดิมเบียร์วุ้นจากห้องข้างเคียงทำเอาเอลี่หลับสนิทเป็นตาย
กว่าจะรู้ว่าตื่นสายก็เกือบแปดโมงเช้า สาวเจ้าอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันลวกๆ และเร่งรีบมาทำงานในสภาพที่หาดูได้ยาก
เสื้อและกระโปรงทรงสุภาพง่ายๆ ใบหน้าลงสกินแคร์บางๆ และไร้เมคอัพ
แม้จะผิดแปลกไปจากเดิมอย่างที่เคยเป็น เพราะคนที่เป๊ะทุกตรง ตั้งแต่หัวจรดเท้ายอมหน้าสดมาทำงานพร้อมเสื้อผ้าที่ดูธรรมดาสุดๆ
“จอดตรงนี้แหละวะ” เออียังสบถซ้ำๆ เดิมๆ เกี่ยวกับที่จอดรถภายในอาคาร
เมื่อหาที่ว่างให้กับเจ้าลูกรักสีดำสนิทแต่งสวยรอบคันแล้วเอลี่ก็รีบจ้ำอ้าวออกรถไปยังลิฟต์โดยสารทันใด
เวลาเข้างานใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้วและเธอต้องไม่มีประวัติสายไม่ว่ายังไงก็ต้องไม่มี
“แปดโมงสี่สิบห้า! ลิฟต์แม่งก็ช้าจังวะ! โอ๊ยจะบ้าตาย”
ติ๊ง
ทันใดนั้นเองประตูลิฟต์โดยสารก็เปิดขึ้นในทันตา
คนด้านในใช้สายตาเย็นเฉียบเจ้าของใบหน้านิ่งเรียบมองมายังเอลี่
ตาสงคนต่างสบตากันอยู่ชั่วครู่ก่อนที่คนในลิฟต์จะพูดว่า “ทำห่าอะไรวะ จะเข้าไม่เข้า”
“เออๆ! ไม่คิดว่าจะเจอมึงในลิฟต์”
“อืม...” หญิงสาวอีกคนตอบกลับเสียงเรียบ
อ้ายอันไม่ได้สนใจเพื่อนร่วมงานแต่อย่างใด เธอยืนซดกาแฟดำร้อนๆ ในแก้วดังโฮก
“แม่งช้าจังวะ” คนรีบร้อนร้อนใจสบถอีกครั้ง
ลิฟต์โดยสารดีดตัวเองอย่างเชื่องช้าสวนทางกับเวลาแต่ละวินาทีที่ติดสปีดเร็วราวสายตาแลบ
“ใครมันกดลิฟต์เล่นวะ จอดแม่งทุกชั้นเลย”
“ปัดโธ่เว้ย!!”
“เฮอะ!”
อีกคนฮึดฮัดร้อนใจกับความเฉยชาของลิฟต์เจ้ากรรม แตกต่างจากอีกคนที่ใจเย็นผิดปกติและกำลังพยายามซ่อนรอยยิ้มร้ายไว้อย่างแนบเนียน
เรื่องสแกนนิ้วเข้างานสายเป็นอะไรที่เอลี่รับไม่ได้
คนอย่างมันไม่ยอมให้ประวัติการทำงานต้องแปดเปื้อน
ตลอดสี่ปีภายใต้สังกัดพนักงานการของเดอะวัน ไม่ว่าจะสิทธิ์ลาป่วย ลากิจ ลาพักร้อน ลาคลอดลาอบรมใดๆ ไม่เคยใช้
จะเมา จะแฮงค์ มากแค่ไหน ก็จะเห็นเอลี่คนงามมาทำงานตรงเวลา
เธอจริงจังกับการทำงานชนิดที่ว่าเป๊ะทุกอย่าง
เป็นเออีที่มียอดขายมากที่สุด ระเบียบวินัยก็ดีอย่างไม่มีที่ติ เอลี่จึงได้รางวัลพนักงานดีเด่นถึงสี่สมัยซ้อน
“มึงนี้หนวกหูชะมัด”
“มึงแหละผิด”
“เอ้า”
“ไม่คิดจะปลุกกันบ้างรึไง มึงก็เห็นว่าเมื่อคืนกูนั่งกินเบียร์เป็นเพื่อนมึงทั้งคืน” หญิงสาวบ่นกระฟัดกระเฟียดไม่สบอารมณ์ ถ้าตอนเช้าไม่ปวดฉี่จนต้องลุกมาเข้าห้องน้ำก็คงไม่เห็นว่าสายขนาดนี้
เออีสาวยกนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือเล็กมองตาไม่กะพริบระหว่างที่ลิฟต์ก็ยังคงไต่ระดับจากชั้นยี่สิบและจอดแวะเรื่อยๆ อยู่อย่างนั้น
“กล้าพูด! กินไม่ถึงครึ่งขวดก็หลับเป็นหมา มึงกลับห้องตั้งแต่สี่ทุ่มกว่าด้วยนะอริ” อ้ายอันแย้งกลับ คนที่ดื่มยันเที่ยงคืนคือเธอต่างหาก
ไหนจะต้องรับผิดชอบแก้วและจานที่เอลี่ทานไว้ นางเพื่อนคนนี้ไม่มีอะไรนอกจากทำตัวเป็นภาระเท่านั้น
“แม่ง! ใครมันช่างกดลิฟต์วะ” เจ้าตัวเถียงไม่ออกก็ทำบ่นเรื่องอื่นกลบเกลื่อน
นาฬิกาบนข้อมือบอกว่าเหลืออีกเพียงแค่ไม่ถึงสิบนาทีจากนี้
“เอออริ! เมื่อเดือนก่อนยายถามหามึงนะ”
“กูไปหายายมาอาทิตย์ที่แล้ว เขาถามหามึงไม่ใช่เหรอ”
“ฮะฮา...อ้าวเหรอ?” คนเจ้าเล่ห์หัวเราะแห้งๆ เป็นการกลบเกลื่อนที่ตนเองไม่เนียน
อ้ายอันลืมไปว่าคนที่ไม่ค่อยได้โผล่หน้าไปเยี่ยมยายคือตนไม่ใช่อริ
แต่แผนก็ยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามรู้
“วันนี้มีออกไปหาลูกค้าที่ไหนเปล่า”
“ดูสภาพกูก่อนสิ หน้าก็สดอย่างปลาทูขนาดนี้จะไปเจอลูกค้าได้ไง”
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเสื้อผ้าหน้าผมมีส่วนทำให้คนขายงานดูน่าเชื่อถือ ความสามารถก็มีอยู่แต่ก็ต้องดูดีที่สุด
พนักงานเปรียบเสมือนหน้าตาของบริษัท ถ้าเออีงามหัวจรดเท้าใช้ของแพงทั้งนั้น นั่นหมายถึงคุณภาพของงานด้วย
“แสดงว่าวันนี้...//ค่อยว่ากันนะมึง ไปแหละ”
ตัวเลขบนเจอแอลอีดีบอกชั้นสามสิบและปนะตูกำลังเปิดออก เอลี่พูดตัดบทกับเพื่อนรักทันทีเตรียมพุ่งทะยานไปยังเครื้องสแกนนิ้วที่ประตูทางเข้าใต้ป้ายชื่อบริษัท
“เชี่ย! มึงทำไรวะอัน”
“เชือกรองเท้ากูหลุด” ฝ่ายบัญชีสุดเซอร์กับรองเท้าผ้าใบคู่ใจ อ้ายอันจงใจนั่งแก้และผูกเชือกรองเท้าใหม่ให้สวยงามขวางทางออกลิฟต์ไว้ไม่ให้เอลี่ไปสแกนนิ้ว
“หลบ!”
“รอก่อนได้มั้ยล่ะ ก็เชือกมันหลุดเดี๋ยวเดินสะดุดล้ม”
“ไปผูกที่อื่นสิวะ”
“แปบเดียวเอง”
“อีอัน!!”
“มึงนี้ขี้โวยวายฉิบหาย...”
โครม!!
รองเท้าส้นสูงกว่าสี่นิ้วของเอลี่ประทับลงที่ก้นงอนของเพื่อนรัก
ในเมื่อแกล้งมาก็ยันกลับ คนไม่ทันระวังหน้าคว่ำไปกับเพื่อน
สายตาเย้ยหยันมองอ้ายอันอย่างเป็นต่อ เอลี่เดินกรีดกรายนวยหน้าไปที่เครื่องสแกนนิ้วและวางนิ้วโป้งลงช้าๆ
“คิดว่ากูไม่รู้เหรอว่ามึงจะแกล้งกู ไม่เนียนไปเรียนใหม่นะ”
‘ลองใหม่อีกครั้งคะ’
“ห้ะ!/หึ!”
ตัวเลขเล็กๆ บนเจอหน้าปัดแสดงเวลาว่าตอนนี้แปดโมงห้าสิบเก้านาที เอลี่ถลึงตาโตมองมันและกดนิ้วย้ำๆ อีกครั้ง
‘ลองใหม่อีกครั้งคะ’
ติ๊ง!
‘ลองใหม่อีกครั้งคะ’
ติ๊ง!
‘ลองใหม่อีกครั้งคะ’
9.00 น.
“สนุกดีวะ เหมือนลิงตีกับเครื่องสแกนนิ้ว” อ้ายอันหาได้โกรธที่ตนโดนถีบจนล้ม เธอนั่งขัดสมาธิยกนาฬิกาข้อมือรุ่นเก่าสุดคลาสสิกสมบัติของแม่ขึ้นดูเวลาและมองเอลี่ที่มันเอาความพยายามทั้งหมดที่มีไปกับการบันทึกเวลาเข้างานไปกับเจ้าเครื่องนั้น
‘ลองใหม่อีกครั้งคะ’
“นิ้วก็นิ้วเดิมจะให้กูลองอีกกี่ครั้ง”
...
“พังแม่งทิ้งซะเลย ดีมั้ย!” คนสวยกลายเป็นคนคลั่งยืนทะเลาะกับเครื่องบันทึกเวลาเข้า-ออกงาน เอลี่ยืนเต้นเป็นผีบ้าและยังคงจรดนิ้วโป้งลงอยู่อย่างไม่หยุดยั้งจนกว่าจะสำเร็จ และแล้วความพยายามก็สัมฤทธิผลในเวลาเก้านาฬิกาหนึ่งนาที
' ‘บันทึกสำเร็จค่ะ’
“ฝากไว้ก่อนเถอะนะมึง” ประโยคนี้เอลี่มอบให้กับเพื่อนรักเพื่อนสนิทที่นั่งซดกาแฟดำชมการแสดงราวกับหนังกลางแปลงอย่างสบายใจ
แม้เพื่อนซี้จะชี้หน้าใส่แต่เธอก็ไม่กลัว กลับไหวไหล่เป็นการท้าทายด้วยซ้ำ
“รีบๆ มาเอาคืนแล้วกันกูจะรอ”
โครม!!