“อ้างอิงจากสัญญาว่าจ้าง เครดิตสามวันตอนนี้เกินเวลาไปเกือบหนึ่งร้อยห้าสิบวันแล้วนะคะ”
“...”
“คุณก็รู้ว่าธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกมันหยุดชะงักไปหมด แล้วนี้พวกผมก็รอต้นสังกัดอนุมัติเงินก้อนนั้นอยู่เหมือนกันครับ”
“ค่ะ! เรื่องนั้นอยู่นอกเหนือสัญญาว่าจ้างนะคะ ดิฉันมาเพื่อติดตามยอดที่ค้างจ่ายซึ่งนี้ก็เกินกำหนดมาเยอะแล้ว”
“ผมบอกว่ารอเงินอยู่ไงครับ” ผู้จัดการบริษัทพีพีคอปตอบกลับฝ่ายบัญชีเดอะวันอย่างเหลืออด
เขารู้สึกเสียหน้าไม่ใช่น้อยที่ถูกทวงเงินต่อหน้าลูกค้าเจ้าใหญ่รายใหม่ ซึ่งนั้นไม่ได้ทำให้คู่กรณีดิ้นตาม
ผู้จัดการสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามควบคุมสีหน้า ท่าทางและคำพูดตรงคนตรงหน้าว่า
“กรุณาชำระยอดคงค้างตามใบวางบิลด้วย”
“นี่คุณ!”
“คะ?” น้ำเสียงนิ่งเรียบแต่สีหน้าจริงจัง
แขกผู้มาเยือนแสดงเจตนารมณ์ชัดว่าเธอมีหน้าที่มาทวงเงินต่อลูกหนี้ ซึ่งว่าจนตามกฏหมายแล้ว
พีพีคอปมีความผิดเต็มประตู
“ผมจะเร่งตามเงินให้”
“ดิฉันอยากได้คำตอบว่าเมื่อไรค่ะ”
“ถ้าผมมีอำนาจเซ็นอนุมัติเองก็คงบอกคุณได้”
“แต่คุณมีอำนาจเซ็นใบสัญญาว่าจ้างนะคะ” บัญชีสาวต้อนลูกหนี้ทุกทาง วงเงินสิบล้านบาททุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrr
มือถือเจ้ากรรมสั่นเป็นเจ้าของตลอดเวลา
อ้ายอันพยายามไม่สนเพราะเรื่องงานสำคัญกว่า แต่ปลายทางก็ยังไม่ยอมหยุดโทรจนเจ้าตัวต้องขอตัวออกมารับสายข้างนอกห้องทำงานผู้บริหาร
“อะไรของมึง”
“อัน! ช่วยกูด้วย”
“เป็นอะไร ใครทำอะไรมึงอริ”
“อัน! ช่วยกูด้วย”
ประโยคเดิมซ้ำๆ เพียงแค่ก็ทำให้คนฟังร้อนใจ แม้เรื่องงานจะสำคัญสักแค่ไหนแต่เพื่อนรักก็สำคัญเช่นกัน
จากที่ว่าถ้าไม่ได้คำตอบเรื่องเงินสิบล้านจะไม่กลับ แต่อ้ายอันรีบขอตัวลาเพื่อนวิ่งไปหาเออีคนสนิท
“อัน! ทางนี้”
“มึงมาไงวะอาร์ท”
“ก็เพื่อนรักมึงนั่นแหละ”
“มันเป็นอะไรวะ”
“ขึ้นรถ”
ทั้งที่งานยุ่งแต่ครีเอดหนุ่มก็ยังเจียดเวลาขับรับมารอรับอ้ายอันถึงหน้าบริษัทลูกหนี้
บัญชีสาวร้อนใจว่าเพื่อนรักจะเป็นอะไรร้ายแรงจึงไม่ได้ถามต่อจนเรื่องทุกอย่างกระจ่างเมื่ออาร์ทขับรถมาจอดมหาวิทยาลัยที่พวกเขาจบ
“เห็นกูว่างรึไงอริ กูอุตส่าห์เข้าพบคุณโฮได้แต่ต้องมาทำเรื่องไร้สาระนี้อีก ปัญหาของมึงทั้งนั้น”
“อัน! การตอบแทนสถาบันที่ให้ความรู้ของเรามันไม่ใช่เรื่องไร้สาระนะเว้ย”
“ใช่! มันไม่ได้ไร้สาระ แต่เหตุผลของมึงต่างหากที่มันไร้สาระ”
“ถ้าจะโทษว่าใครผิดก็ต้องไอ้อาร์ทเลย”
“เดี๋ยวนะ! กูทั้งมารับมาส่งไอ้อัน ทั้งต้องเอารถมึงไปทำให้อีก แล้วนี้กูยังจะเป็นคนผิดอีกเหรอ” ครีเอดหนุ่มแว้ดใส่สายสนทนาระหว่างเพื่อนสาวทั้งสอง
ที่พูดมาทั้งหมดไม่ใช่ธุระของตัวเองแต่ก็ต้องยอมทำให้
“เออไง! ถ้าเมื่อวานกูไม่ไปกินข้าวกับมึงขากูคงไม่แพลง”
“...”
สองคนมองหน้าแล้วเบะปากใส่คนหน้ามึน
ยังไงซะก็เคยรับปากกับทางมหาลัยแล้วว่าถ้ามีงานใดที่พวกเธอสามารถช่วยเหลือได้ ก็พร้อมตอบแทนคณะอาจารย์ด้วยความเต็มใจ
ณ ลานกิจกรรมคณะเทคโนโลยียานยนต์
“เด็กช่างทั้งนั้นเลยวะ”
“เด็กศิลป์เขาไม่เล่นดนตรีกันมั้งพี่ เลยมีแต่พวกผม”
กลางลานปูนโล่งๆ มีเก้าอี้สองสามตัวตั้งอยู่พร้อมพร้อมขาตั้งไมโครโฟนและแอมป์ตัวใหญ่
คนหน้านิ่งในชุดเดรสที่สวยแปลกตาเป็นพิเศษได้รับการเชื้อเชิญให้นั่งตรงกลางกลุ่ม
เดิมทีควรจะเป็นเอลี่ที่มานั่งตรงนี้ แต่เพราะด้วยอุบัติเหตุเมื่อวานหมอจึงสั่งห้ามเอลี่ใช้ขาและให้พักผ่อนอยู่กับบ้าน
เจ้าตัวเองก็ไม่มั่นใจถ้าไม่ใส่ส้นสูงออกจากบ้าน ฉะนั้นอ้ายอันจึงเป็นตัวแทนของเธอในวันนี้
“อืม แต่พี่ไม่ร้องนะ”
“พวกผมก็ไม่มีนักร้องด้วยสิ”
“ไม่เอา! พี่มือกีตาร์ไม่ใช่นักร้อง” นอกจากจะเก่งเรื่องการคำนวณและตัวเลขแล้วอ้ายอันยังไม่สามารถอีกอย่างที่น้อยคนจะรู้
ตอนมัธยมต้นเธอเคยมีวงดนตรีและส่งประกวดรายการระดับประเทศมาแล้ว
มือกีตาร์หน้านิ่งนามว่าเด็กหญิงอัญชิสาเกือบได้เซ็นสัญญากับค่ายดัง แต่จู่ๆ เธอก็ทิ้งโอกาสนั้นไปโดยให้เหตุผลว่ามีปัญหาทางครอบครัวจึงไม่สามารถออกอัลบั้มกับเพื่อนๆ ในวงได้
“พี่ครับ! นี้มันดนตรีโฟล์คซองเพื่อระดมทุนให้กับเด็กด้อยการศึกษาในพื้นที่ห่างไกละนะครับ ถ้าไม่มีนักร้องแล้วเราจะเล่นดนตรีบรรเลงกันเฉยๆ หรือไง”
“เพลงวัยรุ่นสมัยนี้พี่ร้องไม่เป็นเว้ย”
“เพลงลูกทุ่งเหรอ”
“ไอ้พวกบ้า” เหมือนโดนเด็กต่อว่าว่าแก่มากลายๆ
อ้ายอันแค่ไม่ชอบฟังเพลงสมัยใหม่เพราะเธอมันสายร็อกเกอร์นั่นเอง
“คณะอื่นเขาเริ่มการแสดงแล้วนะ คณะเรานี้ยังไง”
“ไม่มีนักร้องครับอาจารย์”
“อันเธอก็ร้องได้นี้ เมื่อก่อนยังร้องกับน้อง...เอาเป็นว่าช่วยอาจารย์หน่อยนะ”
คำขอร้องที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ทำให้อ้ายอันต้องนั่งประจำตำแหน่งนักร้องของวง
จากคนน้อยๆ ที่ไม่ค่อยมีคนสนใจและบริจาคเงินกลับค่อยๆ คึกคักขึ้น
เหรียญห้าเหรียญสิบในตู้ใสเริ่มแน่นไปหมดแบงก์สีต่างๆ เยอะขึ้นเรื่อยๆ
“พี่อันเจ๊งวะ”
“เพลงยุคพี่มันเจ๊งต่างหาก เด็กๆ สมัยนี้ถึงได้ชอบ” เงื่อนไขง่ายๆ ในการรับบริจาคก็คือสามารถขอเพลงใดก็ได้แลกกับเงิน
หรือถ้าใครไม่อยากขอก็สามารถบริจาคได้ ไม่นานก็ต้องเคลียร์เงินออกแล้วเริ่มรับบริจาคใหม่อีกที
“ขอขอบคุณทุกคนมากนะคะที่ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อส่งเสริมการศึกษาให้กับเด็กผู้ด้อยโอกาสในพื่อนที่ห่างไกล เพลงนี้จึงขอเป็นเพลงสุดท้ายนะคะ ไว้พบกันใหม่โอกาสหน้าคะทุกคน” กระดาษโน๊ตเขียนชื่อเพลงมากมายพร้อมเงินที่เย็บติดมาด้วยกัน
อ้ายอันเลือกดูเพลงที่เธอพอจะร้องได้ แต่ก็เจอเข้ากับเพลงที่ชอบจึงเลือกเพลงนี้ขึ้นมา
“การได้มองใครสักคนจากมุมที่เราอยู่มันก็มีความสุขได้จริงๆ นะคะ ขอบคุณที่ขอเพลงนี้มา คุณชอบเพลงเดียวกับอันเลย”
“คนอะไรวะ โคตรน่ารักเลย”
“เป็นเอามากนะครับบอส เมาแดกเหรอกูพาไปหาหมอมั้ย”
“นั้น! โคตรน่ารัก เขาเล่นเพลงที่กูขอด้วย”
Stalker ในคราบนักบริหารหนุ่มแอบตามสาวคนหนึ่งมาจากบริษัทที่เขาบังเอิญพบเธอ
วันนี้ช่างเต็มไปด้วยความบังเอิญ เมื่อวราริชเจอสาวน่ารักที่เขาแอบมอง
ทั้งที่พีพีคอปและคณะเทคโนโยลียานยนต์ผู้ผลิตบุคคลากรดีๆ ส่งตรงเข้าสังกัดจีโอมอเตอร์
ว่าที่ผู้บริหารถูกรับเชิญให้มาร่วมงานระดมทุนการศึกษาจึงมีโอกาสได้พบหน้าเธอคนนั้นอีกครั้งในวันนี้
เจ้าตัวยืนหน้าแดงกับคำหวานๆ ของนักร้องสาวสวย
“ผัวเขาก็น่ารักนะ เหมาะสมกันดีโคตรๆ”
“ไอ้ห่าพี! อาจจะแค่เพื่อนกันก็ได้”
“เหรอ! มึงเคยขับรถให้เพื่อนผู้หญิงด้วยเหรอ”
“ไม่”
ไม่มีคำใดจะโต้งเถียงพชรได้ ตัวเขาเองไม่เคยขับรถรับส่งเพื่อนสาวคนไหน แฟนจริงๆ ที่คบกันก็ยังไม่เคยทำ
“แม่ง! คนโสดสมัยนี้ทำไมหายากจัง”
“ยากตรงไหน ตอนนี้ก็มีมึงกับกูแล้วสองคน”
“มึงมันพวกเอาไปเรื่อย กูเนี้ยอยากมีลูกมีเมียแล้ว”
“กลัวพ่อมึงไม่ยกสมบัติให้อะสิ”
“ทุกวันนี้กูมีสิทธิ์ในสมบัติมั้ย ไม่มี!” วราริชเลี้ยงตัวเองตั้งแต่ถูกส่งตัวไปดัดสันดานที่อเมริกา
เขาเคยชินกับการทำงานแลกเงินมีกินมีใช้ไปวันๆ
ที่กลับมาไทยทุกวันนี้ก็ยังใช้เงินเก็บของตัวเอง
“มึงว่าผัวเขาเหรอ” ชายหนุ่มมองนักร้องสาวคนนั้นกำลังร่ำรารุ่นน้องก่อนจะเดินกลับขึ้นรถมินิสีดำคันเล็กๆ โดยมีหนุ่มหัวฟู แต่งตัวเซอร์สุดๆ ขับมาจอดรออยู่นานแล้ว
มิหนำซ้ำเธอยังรวบผมมัดให้เขาด้วย นี้คงเป็นเครื่องการันตีความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงคู่นี้
“กูจะรู้มั้ย สมัยนี้คนเราแม่งดูกันแต่ภายนอกไม่ได้ คนเราแม่งน่ากลัวขึ้นทุกวัน”
“น่ากลัว? ตรงไหนวะ” วราริชไม่เข้าใจกับคำของเพื่อนรัก
หญิงชายคบกันมันมีอะไรให้ต้องกลัว
“นั่นไง ภายนอกมึงอาจจะมองว่าเขาเป็นคู่แฟนที่คบกันธรรมดาทั่วไป แต่เบื้องลึกกว่านั้นมันมีอะไรซ่อนอยู่มึงจะรู้เหรอ กูว่า! อย่าไปยุ่งเลย” พชรไม่มั่นใจเท่าไรนักว่าจะเป็นผู้ชายคนเดียวกับที่เขาเจอในห้างหรือเปล่า แต่เขาจำรถสีดำแต่งซิ่งทะเบียนเลขสวยคันนั้นได้ไม่มีวันลืม
และจินตนาการในหัวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหนึ่งชายสองหญิงที่ดูอีรุงตุงนังอย่างที่ไม่เคยเจอะเจอ
“พูดเหมือนมึงรู้”
“เออ”