ปัง!
“เออีคะ! รู้ใช่ไหมคะว่าเราปล่อยเครดิตไม่เกินเก้าสิบวันและหากยอดเงินสูงกว่าสิบล้าน ลูกค้าต้องจ่ายล่วงหน้าหกสิบเปอร์เซ็นต์”
“คุณบัญชีค่ะ อายุงานฉันก็ไม่ได้น้อยไปกว่าคุณนะ ฉันทราบProcessของงานฉันดี”
“อ้อเหรอ! แล้วที่พีพีคอปค้างจ่ายกว่าสิบล้านมันหมายความว่ายังไง?” ณ ห้องมิตติ้งรูมบนตึกใหญ่ใจกลางเมือง
ห้องประชุมที่ควรจะมีบรรยากาศเรียบง่ายและสบาย ๆ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นสงครามย่อม ๆระหว่างเออีฝ่ายขายของบริษัทกับฝ่ายบัญชีลูกหนี้
“เฮ้ย!! นี่ก็ตามให้อยู่ทุกวันไง ได้ความว่าไงก็อัปเดตข้อมูลอยู่เรื่อย ๆ ไม่ได้อ่านเมล์เหรอคะ”
“ไอ้ที่บอกว่ารอเข้าพบบ้างล่ะ รอเคลียร์กับฝ่ายการเงินบ้างล่ะ ไม่อยากรู้หรอกค่ะ ที่อยากรู้จริงๆ คือหนี้ที่ค้างไว้ลูกค้าจะจ่ายตอนไหน” อีกครั้งที่สาวเซอร์ในคราบนักบัญชีตอบกลับด้วยวาจาห้วน ๆ แต่นั่นไม่ได้ทำให้คนฟังโมโหเท่ากับ “ถ้าทำงานไม่มีประสิทธิภาพก็ควรพิจารณาตัวเองนะ อีเอ!”
ภายในห้องเริ่มเดือดปุดๆ อีกครั้งเมื่อรองผู้จัดการฟีลขาดจนเรียกเออี (ฝ่ายขายของบริษัทด้วยอารมณ์) ว่าอีเอแทน
ด้านคนฟังแน่นอนว่าเธอสวนกลับอย่างไม่นึกกลัวเช่นกัน
“อ้าวอีอัน!”
“ฝ่ายบัญชีไม่ได้มีหน้าที่ตามเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้ใครนะ!”
“แล้วทีตอนสิ้นปีได้โบนัสกันเป็นแสน มันไม่ใช่เพราะฝ่ายขายทำกำไรเข้าบริษัทเยอะแยะรึไงวะฮะ”
“อ้าว...! ก็นั่นมันหน้าของฝ่ายขายไง ฝ่ายบัญชีเคยทำเงินเดือนใครขาดสักบาทหนึ่งไหม ไม่เคย”
“นั่นมันหน้าที่มึงไงอีอัน!!”
“JUST RELAX OK!”
เมื่อการปะทะวาจาเริ่มเหมือนการนำน้ำร้อนๆ สาดใส่กัน
คนที่นั่งประจำตำแหน่งผู้จัดการหลักจำต้องลุกขึ้นและยกสองมือห้ามทัพระหว่างฝ่ายขายกับฝ่ายบัญชี
“คุณอัน คุณเอลี่ ช่วยใจเย็นๆ กันก่อนนะครับ”
“เย็นไรคะ เออีที่นี้กวนประสาทชะมัด”
“อ้าว ปากมึงก็ใช่ย่อยนะ”
"RELAX PLEASE!"
“เย็นไม่ไหวอันขอตัวนะคะคุณไท่”
คนพูดโกยเอกสารเข้าอกและลุกขึ้นมองหน้าฝ่ายตรงข้าม เธอไม่มีมารยาทบอกลาคนเป็นหัวหน้างานสักคำเพราะฟีลขาดสะบั้น
อ้ายอันเดินออกจากห้องประชุมปึงปังไปทันทีที่กล่าวจบประโยค
“แม่งคิดว่าตัวเองเจ๋งนักไงวะ” เอลี่ได้ยินตามนั้นก็สบถตามหลังให้อ้ายอันได้ยิน
เธอไม่เคยกลัวรองผู้จัดการบัญชีคนนี้อยู่แล้ว
“เอาเข้าไป...แล้วประชุมวันนี้จะยังไงครับ”
ไท่ หนุ่มใหญ่สัญชาติมาเลเซีย เขาถูกส่งตัวให้มาเรียนรู้และบริหารงานประจำประเทศไทย
ที่ผ่านมาเคยได้ยินชื่อเสียงของฝ่ายขายและฝ่ายบัญชีของที่นี้อยู่บ้าง แต่เพิ่งเคยเห็นกับตาจังๆ ก็ครั้งนี้ ครั้งแรก
ฝ่ายบัญชี
“กูว่าแล้วต้องกลับมาแบบนี้”
“พี่แก้ว อันกำลังเครียดอยู่นะ”
พี่แก้ว สาวใหญ่วัย (แต่หัวใจวัยรุ่น) ใกล้เกษียณ นั่งกอดอกอมยิ้มที่เห็นว่าที่ผู้จัดการฝ่ายบัญชีในอนาคตเดินหน้าเหวี่ยงกลับมาจากการประชุมแต่เช้า เธอมั่นใจว่าคนต่อไปที่จะขึ้นมาแทนตำแหน่งของตนไม่มีใครเหมาะสมเกินกว่าอ้ายอันคนนี้อีกแล้ว
“สรุปประชุมว่ายังไง?”
“ไม่รู้พี่ อันออกมาก่อน”
“อุต๊ะ! อีนี่มึงแรงจริงว่ะแล้วคุณไท่ละ เขาไม่ว่าอะไรเหรอ?”
“อันอยู่ฟังไหมละก็ออกมายืนคุยกับพี่อยู่นี้ไง”
คนหงุดหงิดก็ยังพ่นลมออกจมูกแรงๆ เม้มปากสนิทและกัดฟัน
ใบหน้ากวนประสาทของเออีประจำของบริษัทเล่นเอาอารมณ์เสียทั้งวันได้เลย
“โมโหวะพี่แก้วเดี๋ยวอันมานะ” อ้ายอันเปิดลิ้นชักที่โต๊ะทำงานหยิบของชิ้นเล็กๆ ติดมือเดินหายออกไปตามทางบันไดหนีไฟ เวลาเครียดๆ แบบนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าการออกไปสงบสติ อารมณ์ลำพัง
“เบาได้เบานะมึง ดูแลสุขภาพบ้าง”
พี่แก้วรู้ดีว่าเวลาน้องสาวร่วมสายอาชีพเครียด อ้ายอันจะออกไปทำอะไรถึงจะเข้าใจแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้
. “มันอยู่ไหนพี่แก้ว” คู่กรณีเดินตามมาถึงโต๊ะรองผู้จัดการบัญชีแต่ก็ว่างเปล่า เอลี่ตั้งใจมาเคลียร์กับคนปากเสียให้สิ้นเรื่อง
“ที่เดิม”
“ที่เดิม? ปากหมากับคนอื่นแล้วตัวเองยังมีหน้าไปนั่งกินลมชมวิวได้นะมึง อีอัน!”