ตอนที่ 1.ฟ้าใจร้าย

1577 Words
ตอนที่ 1.ฟ้าใจร้าย ในค่ำคืนอันมืดมิด แสงไฟภายในคฤหาสน์สีขาวหลังใหญ่เหนือหน้าผาสูงยังคงส่องแสงสว่างประดุจกลางวัน เสียงหัวเราะ เสียงเพลงดังเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ ที่นั่นกำลังมีงานรื่นเริง คนที่มาร่วมสังสรรค์ คือคนระดับเดียวกันทั้งหมด ซึ่งแตกต่างลิบลับ กับบ้านไม้หลังเล็กที่อยู่ในอาณาเขตเดียวกัน เพียงออแค่นยิ้ม แล้วก็ก้มหน้าทำงานที่ได้รับมาต่อ เธอมีรายจ่ายรออยู่หลายอย่าง หากมัวสนใจทุกสิ่งรอบกาย งานของเธอจะไม่มีทางเสร็จตามกำหนด          เพียงอออดคิดถึงผู้มีพระคุณของตนเองไม่ได้ ยายทิพย์คือหญิงชราวัยเกือบเจ็ดสิบปี ผู้หญิงที่เลี้ยงดูเธอมาเกือบยี่สิบห้าปี ทั้งที่ไม่ใช่ญาติ ไม่มีสายเลือดเดียวกันสักหยด ความหลังตอนยังเด็ก สมัยที่เธอยังเป็นแค่เด็กน้อย เด็กกำพร้าแบบเธอถูกล้อเลียนจากคนรอบตัวจนกลายเป็นเรื่องชินชา ‘เด็กถูกทิ้ง’ ใช่เลย อดีตที่คอยตอกย้ำใส่หน้าตนเองมาตั้งแต่จำความได้ เธอคือเด็กอาภัพที่ถูกผู้ให้กำเนิดทอดทิ้ง และยายทิพย์เก็บเธอมาอุ้มชู          ยายทิพย์สอนเสมอให้เพียงอออย่าฟังคำพูดเสียดแทงเหล่านั้น แต่เพียงออก็อดคิดไม่ได้ เธอน้อยใจทุกครั้ง หากมีใครสักคนพูดเรื่องราวแต่หนหลังนั่นขึ้นมา ‘เธอผิดอะไร?’ ทำไมคนที่เป็นแม่ หรือพ่อ ถึงทำกับคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่แบบเธอได้          จู่ๆ น้ำร้อนๆ ก็ไหลเอ่อมาจ่อที่ขอบตาด้านล่าง          เพียงออยกหลังมือขึ้นปาดลวกๆ เธอควรชินกับความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแบบนี้ มันเกิดขึ้นกับเธอตั้งแต่วันลืมตาดูโลกแล้ว          “ซูดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงสูดลมหายใจดังๆ กับคำปลอบใจที่ใช้ปลอบประโลมตัวเอง “ยังไงย่าทิพย์ก็รักออคนเดียวนั่นแหละ” ทั้งชีวิตของเพียงออมีแค่ยายทิพย์คนเดียว ดังนั้นเธอไม่มีวันยอมให้พญามัจจุราชพรากผู้มีพระคุณคนนี้ไปอย่างเด็ดขาด มือเรียวเล็กบรรจงร้อยมุกปักลงบนผืนผ้าสีขาว งานที่เธอต้องใช่ความพยายาม สร้างรายได้อย่างมากมาย แต่ก็หมดไปกับค่ารักษาพยาบาลของยายทิพย์ ซึ่งเพียงออไม่เคยท้อ ขอแค่เธอมีแรง ต่อให้ต้องเพ่งตามองมุกจนตาแตก เธอก็จะทำ เพื่อยื้อลมหายใจของยายทิพย์ไว้          “คนแบบเธอนี่ ต่อให้ขยันแค่ไหนก็ไม่มีทางรวยหรอกเพียงออ” เพียงออชำเลืองมอง ก่อนจะหมดความสนใจ          หญิงสาวโฉมสะคราญที่ยืนขวางกลางประตูบ้านไม้หลังเก่า ที่ตั้งอยู่สุดทางเดินดินโรยกรวดเม็ดเล็ก ตั้งอยู่ก่อนถึงดงไม้หนาทึบด้านหลังคฤหาสน์หลังใหญ่สะดุดตา แต่ก็อยู่บนแผ่นดินผืนเดียวกัน ครอบครองโดยตระกูลใหญ่ เจ้าของคฤหาสน์หลังใหญ่สีขาวหลังนั้น คฤหาสน์ที่กำลังมีงานรื่นเริงและส่งเสียงเอะอะอยู่นั่นเอง          บุหลัน พิณไพโรจน์ บุตรสาวคนสวยของตระกูลร่ำรวย แต่กลับเป็นอริกับเพียงออมาตั้งแต่สมัยเด็ก          “คุณหลันมีธุระอะไรกับออหรือเปล่าคะ?” เพียงออถามสั้นๆ เธอไม่มีเวลาตอแยกับบุหลันหรอก เช้านี้เธอต้องส่งผ้าผืนนี้ให้กับทางร้านที่ว่าจ้าง เธอไม่อยากผิดคำพูดกับแตงไทย ให้ตัวเองเสียเครดิต          “เปล๊า!!” บุหลันไหวไหล่          ไม่คิดว่าตัวเองจะเดินมาไกลถึงตรงนี้ เธอเบื่อเพื่อนปลอมๆ รอบตัว เพื่อนที่ประจบประแจงเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน แต่ไร้ซึ่งความจริงใจ          “ยินดีด้วยนะคะ ในที่สุดคุณหลันก็เรียนจบแล้ว” บุหลันหน้าแดงแปร๊ด คำชมนั่นไม่ต่างอะไรกับหนามแหลมที่ทิ่งแทงกลางใจตนเอง ความสำเร็จที่เธอครอบครอง เทียบไม่ได้กับสิ่งที่หญิงตรงหน้าเคยทำ          เมื่อห้าปีก่อน บุหลันจำใจจากบ้านที่แสนสบายไป เธอใช้เวลามากกว่าหญิงตรงหน้าหลายเท่า กว่าจะคว้าสิ่งสำคัญสิ่งเดียวนั่นกลับมาได้ ‘ใบปริญญา’ เพียงออเรียนจบตั้งแต่สามปีก่อน เธอเริ่มทำงานและค่อนข้างประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองลงมือทำ          ต่างจากบุหลัน เธอเกือบเสียคนที่ดินแดนห่างไกลนั่น          หากคนตรงหน้าไม่เตือนสติเสียก่อน ‘จะทำตัวเหลวแหลกแบบนี้อีกนานแค่ไหนคะ ไม่อายออ ก็อายตัวเองบ้างเถอะค่ะ’          คำพูดนั้นตีกลางแสกหน้า เธอเกิดมาเพียบพร้อมแต่สู้หญิงตรงหน้าไม่ได้สักอย่าง เพียงออทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนตั้งแต่ชั้นประถม จนกระทั่งเรียนจบ          “ย่าเธอไปไหนละ” บุหลันเดินมาทิ้งตัวนั่ง บนเก้าอี้ไม้เก่าๆ ตัวเดียวในห้องนั้น          เพียงออถอนใจแรงๆ “ย่าไม่สบายค่ะ อยู่ที่โรงพยาบาล”          สีหน้าหมองเศร้า บ่งบอกความทุกข์ในใจเพียงออได้อย่างดี แต่เธอก็เข้มแข็งเกินกว่าจะแสดงความอ่อนแอออกมาให้คนอื่นเห็น          “ป่วยอีกแล้วเหรอ ถึงว่า” บุหลันหยุดพูด เพราะหางตาของเพียงออตวัดผ่านหน้าไป          “มีธุระกับออ ก็พูดมาเถอะค่ะ ออมีเวลาไม่มากนัก” บุหลันคงไม่ถ่อสังขารมาหาเธอ หากไม่มีธุระสำคัญ และยิ่งเป็นช่วงที่บุหลันกำลังมีความสุข หญิงตรงหน้าคงไม่เอาเวลาที่มีค่านั่น มาใช้กับเธอที่เป็นแค่คนไร้ค่าในสายตาของบุหลันเอง          “จะว่าสำคัญ ก็ไม่เชิงหรอกนะ” บุหลันเปรย          “ว่ามาเถอะค่ะ คงสำคัญกับออ แต่ไม่สำคัญกับคุณ” คนอาศัยอย่างเธอ ไม่เคยมีค่าในสายตาคนตระกูลพิณไพโรจน์นานแล้ว กาฝากที่คนเหล่านั้นอยากเฉดหัวไปให้ไกลๆ แต่ทำอะไรไม่ได้มากกว่าการกดดัน เพราะคำสั่งจากคนที่มีอำนาจมากสุด แม้คนคนนั้น จะจากโลกนี้ไปนานแล้ว          “ยายทิพย์คงป่วยอีกนาน เธอคงต้องใช้เงินเยอะ” บุหลันอารัมภบท “หากเธอยอมย้ายออกไปดีๆ ฉันยินดีจ่ายให้ ตามแต่เธอจะเรียกร้องเลยนะ”          เพียงออเม้มปาก ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง เธอเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ การพึ่งพาคนที่จงชังตัวเอง วันหนึ่งช่วงเวลาแสนสุขคงสิ้นสุดลง          “ขอเวลาออหน่อยได้ไหมคะ” เพียงออพึมพำ หากยายทิพย์ไม่ป่วยไปเสียก่อน เงินเก็บของเธอคงมีมากพอที่จะขยับขยายได้ เงินก้อนนั้นถูกควักจ่าย ช่วงที่ยายทิพย์ป่วยเข้าโรงพยาบาล จนเงินก้อนนั้นร่อยหรอเกือบหมด          “นานแค่ไหนละ เพียงออ?” บุหลันถามเสียงแข็ง          เพียงออถอนใจ วางเข็มในมือลง “คุณหลันก็รู้ ออกับย่าไม่มีที่ไปที่ไหนเลย ขอเวลาพวกเราอีกสักหน่อยได้ไหมคะ”          “ฉันถึงพยายามช่วยเธอนี่ไงเพียงออ รับเงิน แล้วไปซะ!!” ความอิจฉา ความริษยาที่บ่มเพาะมานาน บุหลันเลยอยากำจัดหญิงตรงหน้าให้ไวที่สุด          “ค่ะ ออจะรีบย้ายออกไป” เพียงออก้มหน้าพึมพำตอบ บุหลันลุกขึ้นยืน ทิ้งหางตามอง รอมยิ้มเยาะหยันแต้มมุมปาก ในที่สุดเธอก็สามารถกำจัดขวากหนามชิ้นสำคัญของตัวเองได้          “พรุ่งนี้ฉันจะให้ลุงแสนเอาเงินมาให้เธอ และหวังว่า ในเร็วๆ นี้ฉันจะไม่ได้เจอหน้าเธอ ในพื้นที่ของฉันอีกนะเพียงออ”          แต่ก่อนที่บุหลันจะเดินออกไป ใครบางคนก็เดินสวนเข้ามาเสียก่อน แววตาของเขาที่ทอดมองหญิงอีกคนในห้องนี้ ทำให้โทสะในใจบุหลันลุกกระพือเพิ่มขึ้น          ดัสตินหรี่เปลือกตาลง ท่ามกลางแสงสว่างอันน้อยนิด จากโคมไฟเหนือศีรษะของใครบางคน เหมือนมีมนต์สะกดให้ขาของเขาแข็งเหมือนหิน เขาจ้องมองภาพที่เห็นนั่น หลังจากหยุดนิ่งไปหนึ่งอึดใจ หญิงคนนั้นเหมือนภาพวาดที่บันทึกความสวยแบบไร้ที่ติไว้ เป็นรูปวาดที่ยิ่งมองยิ่งชวนให้หลงใหล ผมของเธอสีดำดังขนนกเป็ดน้ำ เส้นผมเงามันวาววับถูกขมวดเก็บไว้หลังท้ายทอย ลาดไหล่คุดคู่สั่นระริก ความหดหู่นั่นชวนให้รู้สึกอยากปกป้อง เรียวแขนกลมกลึงเองก็สั่นเทาไม่ต่างกัน และเมื่อหญิงผู้นั้นเงยหน้ามองสบตาเขา เหมือนเวลารอบตัวหยุดสนิท ดัสตินมองสบตาหล่อนจนลืมกระทั่งสูดลมหายใจ          “คุณมาที่นี่ทำไมคะ ดัสติน!!” เสียงแหลมบาดหู ดึงสติดัสติน กลับคืนมา          เปลือกตาของเขากะพริบถี่ๆ พยายามดึงสายตากลับมา แต่กลับทำไม่ได้อย่างใจคิด เขายังคงมองอยู่ที่จุดเดิม          บุหลันกลั้นโทสะไว้แทบไม่อยู่ เธอเอื้อมมือกระชากข้อแขนของฝ่ายชาย “กลับกันเถอะค่ะ ที่นี่ไม่มีอะไรน่ามองสักอย่างเลย”          “เดี๋ยวสิ!!” ดัสตินขืนตัวไว้ เขาผลักมือของบุหลันออก แล้วเดินเข้าไปใกล้หญิงแปลกหน้าอีกคนหนึ่ง “เธอเป็นอะไรไหม มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า” แววตาแสนเศร้า มีหยดน้ำตาคลอเคล้า ทำให้ดัสตินไม่อยากจากไป          หัวไหล่กลมกลึงสั่นสะท้าน มือเรียวบางกำแน่น ปลายเล็บยาวเคลือบสีแดงสดกดลงบนผิวเนื้อจนเจ็บแปล๊บ เรียวปากอิ่มเม้มแน่น นี่เป็นอีกครั้งแล้วนะที่เสน่ห์ของเพียงออ ดึงคนที่ตัวเองพึงใจเข้าหา ผู้หญิงเจ้ามารยาคนนั้น ทำให้เธอเสียใจนับครั้งไม่ถ้วน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD