"พี่วางไว้ตรงนี้นะ" หันมองคนที่กำลังนั่งแปรงขนให้เจ้าอ้วนกลม
"ขอบคุณค่ะ" พริ้มเพรายกมือไหว้ขอบคุณ
"แปรงแบบนั้นระวังขนมันจะเข้าจมูก" พูดบอกแล้วก็เดินหายเข้าไปในครัว
พริ้มเพรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ในตอนแรกเธอคิดว่าเขาจะเป็นคนถือตัวแต่พอได้รู้จักจริงๆ กลับไม่ใช่ เขาดูเป็นคนง่ายๆ เป็นกันเองสุดๆ ต่างกับเธอที่ยังดูกลัวๆ เกรงใจเขาอยู่..แปลกดีเหมือนกันที่ได้มาทำอะไรแบบนี้กับคนที่ไม่ได้รู้จักหรือสนิทกันมาก่อน...
หลังจากที่เจ้าของห้องกินข้าวเสร็จเขาก็มานั่งเล่นกับเจ้าเต้าหู้ พริ้มเพรารับรู้ได้ว่าเขามีเพื่อนเยอะมากดูได้จากแชทที่เขากดตอบและหัวเราะขำขันอยู่ตลอดเวลาและยังมีคนโทรหาเขาไม่หยุด เรียกว่าฮอตสุดๆ ก็นิสัยเขาเป็นแบบนี้ไง เขาก็เลยมีเพื่อนเยอะ น่าจะเรียกว่าเฟรนรี่ ส่วนเธอนะเหรอ หึ..ทำงานมาสามสี่ปีมีเพื่อนสนิทอยู่แค่คนเดียว
ในตอนนี้เจ้าของห้องกำลังคุยโทรศัพท์กับเพื่อน ส่วนพริ้มเพราก็กำลังเตรียมตัวจะกลับตอนนี้นั่งจัดขนมใส่กล่องให้เจ้าอ้วน ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์ก็รู้ได้ทันทีว่าเพื่อนเขากำลังจะเข้ามาที่นี่กันหลายคน..
"พวกมึงมาสี่ทุ่มได้ไหม กูยังไม่ได้เก็บห้อง" นั่งคุยโทรศัพท์ตาดูทีวี มือยีหัวแมวเล่น เท้าเขี่ยโต๊ะ..
นั่งไปนั่งมาก็เปลี่ยนท่าเปลี่ยนข้างคุยมือก็ขยับไปยีขนแมวไปมาแต่ดันเป็นขนยาวๆ คนที่กำลังนั่งจัดขนมแมวเลียใส่กล่องก็รีบปัดมือเขาออก พร้อมกับมองค้อนแต่คนที่คุยโทรศัพท์อยู่ไม่ได้สนใจยังคงยีผมเธอไม่หยุด..สนุกมากมั้ง
พริ้มเพราได้แต่คิดแค้นใจ ขยับศีรษะออกเขาก็เอามือมายีผมเธอไม่หยุด จนตอนนี้มันฟูหมดแล้ว คนสวยจะทนไม่ไหวแล้วนะ
"โอ้ยย นี่ผมคนนะไม่ใช่ขนแมว" ในที่สุดเธอก็พูดขึ้นเพราะทนไม่ไหว จะเล่นกับแมวไม่ดูคนเลยหรือไง มีตาไหมคะ?
"ฮ่าๆ โทษทีพี่ไม่ได้มอง" คนหล่อก็หัวเราะเปลี่ยนข้างคุยโทรศัพท์ต่อ..ก็ว่าทำไมขนเจ้ากระจู๋ยาวแปลกๆ
"กูคุยกับแม่บ้าน ถ้าพวกมึงจะเข้ามาก็ซื้อบรั่นดีมาด้วย ในห้องกูมีแค่ไวน์ อ้อ มึงอย่าชวนไอ้ตั้มมานะไอ้สัส เมาแล้วอ้วกใส่ห้องกู ฮ่าๆ อย่าไปบอกมัน" คุยโทรศัพท์ไปหัวเราะไป หลังจากวางสายก็เห็นว่าแขกประจำห้องกำลังจะกลับ ผมของเธอฟูเป็นสิงโต เห็นแล้วก็แอบยิ้มขำ
พริ้มเพรายืนตัวตรงเหมือนกำลังจะเคารพธงชาติ เธอก้มลงจุ๊บลาเจ้าเต้าหู้แล้วเหลือแค่บอกลาเจ้าของห้อง คนอะไรชอบแกล้ง ดูสิหัวเธอฟูหมดแล้ว หวีก็ไม่ได้เอามา
"พริ้มขอตัวกลับก่อนนะคะ ขอบคุณสำหรับกับข้าว ไปละ" รีบโบกมือลา แล้วรีบเดินออกไป
เจ้าของห้องยังไม่ได้ทันจะได้พูดอะไรเธอก็ไปซะละ ใบหน้าหล่อเหลากระตุกยิ้มขำเดินเข้าไปเก็บกวาดห้อง ทุกวันหยุดนานๆ จะได้หยุดครั้ง เพื่อนๆ ในกลุ่มที่สนิทกันจะมากินเหล้าที่ห้องของเขา ก็บ่อยนั่นแหละสาเหตุที่ไม่ให้ไปกินกันที่ร้านเพราะเสียงดังรบกวนลูกค้าและอีกอย่างเจ้าของร้านไม่ได้เมาด้วยก็เลยชอบนัดกันมากินที่ห้อง มีที่สนิทกันที่สุดก็สามสี่คน..เป็นหมอหนึ่ง วิศวะหนึ่ง สารวัตรหนึ่ง
สองอาทิตย์ต่อมาก็ยังเป็นสองอาทิตย์ที่พริ้มเพราต้องใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ เพื่อไม่ให้เจอหน้าแฟนเก่าหลังเลิกงานเธอจะไปที่คอนโดของอิทธิพัทธ์ รอจนกว่าจะแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตามมาและกลับไปแล้ว เธอถึงจะกลับคอนโด..มันเหนื่อยมากนะมีห้องแต่กลับไม่ได้ ไม่ว่าจะทำยังไงอดีตแฟนหมอก็ยังตามง้อเธออยู่ ให้อภัยก็ทำอีกจบแบบเดิมๆ คิดว่าเธอควรใจอ่อนไหม เธอไม่ยอมกลับไปโง่หรอก เหนื่อยจะต้องหึงหวงขอแบบที่รักเดียวใจเดียวไม่นอกกายไม่นอกใจบ้างไม่ได้เหรอ ทำไมคนที่รักและซื่อสัตย์มากถึงได้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว..
หลายวันมานี้เป็นหลายวันที่พริ้มเพราคิดหนักเพราะเธอกำลังจะยื่นเรื่องลาออกแต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปทำงานอะไรก็แค่เกริ่นๆ บอกเพื่อนร่วมงานเอาไว้ ทุกคนก็เข้าใจ เข้าใจเธอดีว่ารู้สึกยังไง...
หลังจากที่ขึ้นไปหาแมวรักเทอาหารเก็บทำความสะอาดห้องน้ำแมวเสร็จ ก็ลงมาตามเวลา ตอนนี้ใกล้จะสองทุ่มเป็นช่วงเวลาปลอดภัย
พริ้มเพราจับกระเป๋าไว้แน่นรีบเดินเข้าไปในซอย ที่เธอมาในเวลานี้เพราะคนจะเยอะ คอนโดของอิทธิพัทธ์อยู่หน้าปากซอยติดกับสถานีรถไฟฟ้าเธอจึงต้องเดินย้อนกลับเข้าซอย
เดินมาเรื่อยๆ จนถึงด้านหน้าคอนโดก็พบกับคนที่กำลังยืนรออยู่หน้าทางเข้า สองขาเรียวหยุดกึก!!
ใบหน้าหล่อดูเศร้าซึม เขายังใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวเหมือนเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล
"พะพี่อัคร มาที่นี่อีกทำไม" เขาพูดไม่รู้เรื่องจริงๆ สงสัยจะเรียนเยอะ ถึงไม่รู้ว่าเลิกคืออะไร
"ทำไมต้องหลบหน้าพี่ขนาดนี้ ไม่เห็นใจกันบ้างเลยหรือไง พริ้มก็รู้ว่าพี่ไม่เคยเป็นแบบนี้ พี่ขอโทษสำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา ตอนนี้พี่สำนึกผิดแล้วจริงๆ กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม" ถึงเขาจะมีความสัมพันธ์ทางกายกับคนอื่นแต่สุดท้ายเขาก็เลือกเธออยู่ดี
"ไม่กลับ แล้วพริ้มก็ไม่เป็นอะไรกับพี่ทั้งนั้น พี่มันเห็นแก่ตัว เป็นพี่ต่างหากที่ไม่เคยเห็นใจพริ้ม พริ้มให้โอกาสพี่มากี่ครั้งแล้ว พี่ไม่คิดว่าพริ้มจะเจ็บปวดบ้างเลยหรือไง ยังไงพริ้มก็ไม่กลับไปอยู่ในนรกแน่นอน" นรกที่หลอกตัวเองว่ามีความสุข มีแฟนเป็นหมอหล่อเพอร์เฟคทุกคนต้องอิจฉาเป็นไงละ มันไม่ได้ต่างกับอยู่ในนรกหรอก
"พริ้มพี่ขอโทษ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ ถ้าพริ้มอยากจะแต่งงานก็ได้ พี่จะแต่งกับพริ้ม เรากลับมาคบกันได้ไหมล่ะ"เขารู้ว่าเธออยากมีครอบครัวเธออยากแต่งงานแต่เขายังไม่พร้อมในตอนนั้นและตอนนี้ก็ยังไม่พร้อมแต่ถ้าเธออยากแต่งเขาก็แต่งได้เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็จะแต่งกับคนนี้อยู่ดี ดูแลทะนุถนอมมาตั้งกี่ปีก็หวังจะให้เธอเป็นแม่ของลูกนั่นแหละ ที่ผ่านมาคนอื่นก็แค่ของเล่น
"พริ้มไม่แต่งและไม่ได้อยากจะแต่งกับพี่ ผู้ชายที่พริ้มจะแต่งด้วยต้องไม่ใช่พี่" เจ็บแล้วจำคือคน เขาเคยวาดวิมานบนอากาศให้เธอเพ้อฝันถึงวันนั้นแต่สุดท้ายเป็นไงละ พังพินาศ
"พูดแบบนี้หมายความว่าไง มีคนใหม่แล้วใช่ไหม พูดมาตรงๆ สิวะ" คำพูดของอดีตแฟนสาวทำเอาเขาฟิวขาดโมโหขึ้นมาในทันที ไม่อยากจะแต่งกับเขาแล้วจะแต่งกับใคร
"จะมีใหม่หรือไม่มีก็ไม่ใช่ธุระของพี่ เชิญพี่ไปนอนกอดกับผู้หญิงของพี่เถอะ อย่ามายุ่งกับพริ้ม" เมื่อรู้ว่าเขาโกรธเธอก็เตรียมวิ่ง รู้ว่าถ้าวิ่งเข้าคอนโดเขาต้องตามไปจึงวิ่งออกไปหน้าซอย
"เดี๋ยวพริ้มจะไปไหน!! เรายังคุยกันไม่จบกลับมาเดี๋ยวนี้นะ พริ้ม" ร่างสูงใหญ่วิ่งตามเธอไปติดๆ เขาตัวสูงกว่า เท้าก็วิ่งเร็วกว่าคิดว่าจะไม่ทันงั้นเหรอและใช่เธอไม่มีทางหนีเขาทัน
"ว๊ายย!!" พริ้มเพราเซหงายหลังเมื่อถูกอีกคนดึงแขนเอาไว้
ปึก!! หน้าของเธอกระแทกเข้ากับอกแข็งๆ ของเขา สองมือใหญ่โอบกอดตัวเธอไว้แน่น
"พี่อัครปล่อยพริ้มเดี๋ยวนี้นะ" ดิ้นเร้าจะออกจากอ้อมกอดเขาให้ได้ ตอนนี้สิ่งที่เธอหลงเหลือให้เขาคือความรังเกียจ รังเกียจที่เขานอนกับผู้หญิงคนอื่นมานับไม่ถ้วน
"ไม่ปล่อย..ขึ้นรถไปกับพี่เรามีเรื่องต้องคุยกัน" จะให้ยืนคุยกันตรงนี้คนก็กำลังมองมา...