ยื่นข้อเสนอ(เสียเปรียบ)

1579 Words
"อย่านะกลัวแล้ว พริ้มว่าเอาแบบนี้ดีกว่าไหมเรามาคุยกันดีๆ คุยด้วยเหตุผลดีไหมคะ"ไม่ได้กลัวแขนหักแต่กลัวเจ็บ เดี๋ยวร่างอันแสนบอบบางของเธอจะช้ำหมด "คุยดีแน่นะ ห้ามขโมยแมวไม่งั้นตามไปถึงบ้านแน่ ไม่ได้ขู่แต่เอาจริง มันอยู่ที่นี่มาหนึ่งปี พี่ก็รักมันเหมือนกัน"ขนาดกับคนยังไม่เคยบอกรัก ต้องมาบอกรักแมวหน้าบู้บี้ "ค่ะๆ พริ้มสัญญาว่าจะคุยดีๆ ปล่อยก่อนได้ไหม งื้ออ อัก!!"ก่อนจะปล่อยเขากอดตัวเธอสุดแรง หน้าเธอบี้ไปกับเสื้อของเขา ปากอ้าตาเหลือก "อะแฮ๊กๆๆ"พอเขาปล่อยก็เหมือนจะตายให้ได้ ปล่อยแบบนี้อย่าปล่อย กอดซะเธอเกือบหายใจไม่ออกตาย ไอสำลักไม่หยุด "อะแฮ๊กๆ" "เป็นไงละ เกือบตายเลยไหม ลุกขึ้นมาคุยกันดีๆ" ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นนั่นบนเตียงรอให้เธอนั่งตาม มองอย่างระแวงระวัง ผู้หญิงอะไรแปลกประหลาดจริงๆ "พี่จะเอายังไงก็ว่ามา" นั่งหย่อนขาฟังเขาพูดก่อน "พี่ให้เธอมาหามันได้ตามที่ต้องการ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามขโมยมันไป แต่ถึงขโมยไปพี่ก็ตามมันกลับมาได้สบาย แถวนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก กล้าเจ้าของร้านบาร์เบียร์" ขู่ไว้ก่อน "รู้แล้วน่าว่าใหญ่ ขนาดตำรวจยังไม่กล้าลง อุ๊บ!!"อันหลังนี้หลุดได้ยินพี่ๆ พยาบาลคุยกันเฉยๆ "พูดให้ดีๆ นะ ถ้าไม่จริงระวังจะโดนฟ้อง" เขาไม่ได้มีอิทธิพลขนาดนั้น ทำตามกฎหมายทุกข้อครับ เขาโชคดีแค่มีเพื่อนเป็นตำรวจก็ยศใหญ่อยู่นะ จะระดับไหนก็รู้จักหมดนั่นแหละแต่เขาก็ไม่เคยเอาอำนาจเพื่อนมาใช้ในทางที่ผิด "ขอโทษค่ะ เรื่องแมวพริ้มคิดว่าเราควรแบ่งๆ กันเลี้ยงนะคะ" "ไม่แบ่ง"พูดเสียงแข็งไม่ยอมท่าเดียว "อ้าว"แล้วจะให้เธอไปต่อยังไง "เอาไง จะมาไม่หรือไม่มา มีข้อเสนอให้แค่นี้ ถ้ารับได้ก็ตามนั้น อยากมาเมื่อไหร่ก็มา ไม่ห้าม"นี่เขาโคตรจะใจดีมากแล้วนะ จะมีใครที่ไหนให้คนไม่สนิทขึ้นห้องได้ตลอดเวลาวะ ที่เขายอมเพราะเธอสนิทกับลูกชายเขาไง "ข้อเสนอนี้แปลกๆ แฮะ เหมือนพี่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบนะ อยู่ๆ จะให้คนอื่นเข้าห้องได้ตลอด มันได้ด้วยเหรอ"เริ่มสับสนงุนงง รู้ว่าเต้าหู้อยู่ที่นี่สบายกว่าห้องใหญ่มีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมายแต่คอนโดเธอก็ไม่ได้แย่นะถึงจะเก่ากว่าแต่ก็อบอุ่นดี "ก็เสียเปรียบไง ตกลงจะรับข้อเสนอไหม ถ้าไม่รับก็กลับไป ไม่ให้ก็คือไม่ให้" "อืม"คิดหนักเลยแฮะ จะมายังไงก็เกรงใจนะใครจะกล้ามา "นับหนึ่งถึงสาม" "อะก็ได้ค่ะ ยอมก็ได้ แล้วจะให้มายังไงอะ มาห้องคนอื่นก็เกรงใจนะ เราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย" เออแปลกดีแฮะ เจอแต่อะไรแปลกๆ "ไม่สนิทยังไง เธอรู้จักไอ้กระจู๋ก็เท่ากับสนิทกันนั่นแหละ เดี๋ยวจะปั๊มนิ้วให้ แล้วก็เอาคีย์การ์ดไป อยากมาเมื่อไหร่ก็มา มาช่วยทำความสะอาดด้วยก็ยิ่งดี มันอึเหม็นมากมาช่วยเก็บด้วย" นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ให้เธอมาเป็นเจ้าของเก่าน่าจะทำจนเคยชิน "แล้วก่อนนั้นใครเก็บอะ"เงยหน้ามองเขาไม่อยากจะเชื่อว่าหน้าใสๆ หล่อๆ อย่างเขาจะเก็บขี้แมวเป็นด้วย "ก็จะใครละ ถามแปลกๆ ส่วนมากก็พี่นี่แหละที่เก็บ แม่บ้านมาช่วยทำความสะอาดอาทิตย์ละครั้ง" แรกๆ คืออ้วกพุ่งทุกวัน ชีวิตแม้แต่ขี้ตัวเองยังรังเกียจต้องมาเก็บขี้แมวแต่รักมันไง รักมัน โธ่ทาสแมว ชะตากรรมเป็นแบบนี้นี่เอง "โหวว เก่งแฮะ เก็บขี้แมวเหม็นๆ ได้ด้วย เก่งๆ"ต้องยกนิ้วให้เลยนะ ขนาดพี่อัครเอ่อแฟนเก่าเธอนั่นแหละ ยังไม่กล้าเก็บเลย รังเกียจแมวเธอยังกับอะไร หลังจากที่แมวเธอหายไปเขาก็ดีใจมาหาเธอตลอด จะว่าไปไม่มีเขาก็ดีเธอจะได้เลี้ยงแมวได้ แฟนเก่าที่ไม่ชอบแมวเข้ากันยากอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือเอามันกลับด้วยไม่ได้นี่สิ "ลุกมานี่จะปั๊มนิ้วให้ ถ้าจะเข้ามาก็สแกนนิ้วเข้ามา ส่วนทางเข้าลิฟต์ต้องใช้คีย์การ์ดเหมือนคอนโดทั่วไปนั่นแหละ แต่เดี๋ยวจะบอกยามเอาไว้ ว่าให้คนมาดูแลแมว เข้าออกตามสบาย" เดี๋ยวยามสงสัยว่าเธอเป็นใครที่นี่ระบบรักษาความปลอดภัยคือที่หนึ่ง พริ้มเพราถูกลากไปปั๊มนิ้วแบบงงๆ ปั๊มเสร็จก็ได้คีย์การ์ดมาหนึ่งใบ ได้มาแบบงงๆ มองหาแมวที่รักก็ไม่เจอไม่รู้ไปไหน อยู่กับเขาสองคนก็เกร็งๆ ไม่รู้จะพูดอะไร "อะคือ คือพริ้มสามารถเข้าออกที่นี่ได้ตลอดเลยเหรอคะ มันแปลกๆ อยู่นะ" "แปลกอะไร ก็เธอคิดถึงแมวไม่ใช่หรือไง คิดถึงอยากมาหาก็มา มันแปลกตรงไหน แล้วก็อย่างที่บอก เทอาหารเปลี่ยนน้ำเก็บขี้ให้มันด้วย"สบายไปอีกแบบ มีคนเก็บขี้เก็บเยี่ยวดูแลแมวให้ เขานี่มันฉลาดล้ำจริงๆ "อ้อ แบบนี้นี่เอง ได้เลยค่ะ เพื่อเจ้าเต้าหู้พริ้มทำได้สบายมาก ทาสแมวยอมได้อยู่แล้วแต่พริ้มทำงานอาจจะเข้ามาหลังเลิกงานได้ไหมคะ เลิกงานหนึ่งทุ่มแล้วแต่วันบางวันก็อยู่เวรถึงเช้าเลย"สมองก็เลยเบลอเป็นเอ๋อๆ อ๋องๆ อย่าว่ากันนะ "แล้วทำงานอะไร อายุเท่าไหร่" คุยมาตั้งนานเพิ่งได้ถาม "พริ้มเป็นพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนใกล้ๆ นี้ค่ะ สบายใจได้ไม่ลักขโมยของของใครแน่นอน ส่วนอายุขอไม่บอกนะ รู้แค่ว่าเด็กกว่าพี่ก็แล้วกัน" แต่เมื่อกี้เกือบขโมยแมว เธอรู้ว่าห้องเขามีของมีค่าเยอะดูจากของตกแต่งก็ราคาหลักแสนทั้งนั้น ส่วนอายุเธอไม่อยากบอกเป็นตัวเลข "อืม เป็นพยาบาลก็ดี คงไม่ค่อยได้เจอกันหรอก พี่ทำงานที่ร้านหกโมงเย็นถึงตีสองก็มาเวลานั้นก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องเจอหน้ากัน" โหยย ผู้ชายอะไรพูดตรงพูดแรงมากได้แต่คิดในใจ "ดีเลยค่ะ พริ้มเองก็ไม่อยากเจอหน้าพี่เหมือนกัน อยากอยู่กับเต้าหู้ขนแค่สองคน" ได้ยินแบบนี้ก็ดีใจ อย่าเจอกันเลยนะขอร้อง แค่วันแรกเราก็แย่งแมวกันแทบตาย คนฟังถึงกับหน้าเหว๋อ เธอคือผู้หญิงคนแรกที่พูดกับเขาแบบนี้ มีใครบ้างที่ไม่อยากเจอหน้าหล่อๆ ของเขาไม่มีหรอก มีแค่เธอนี่แหละ ผู้หญิงอะไรมาลดความมั่นใจเขาได้ตลอด นี่กล้าเจ้าของร้านบาร์เบียร์เลยนะเว้ย "อืม ก็ตามนั้น จะกลับเลยไหมพี่จะได้เดินลงไปส่ง" สุดท้ายก็ใจดี ตามหน้าตานั่นแหละ "เดี๋ยวพริ้มกลับเองก็ได้ค่ะ แค่แตะคีย์การ์ดใช่ไหม ง่ายๆ แค่นั้น ก่อนไปขอกอดเต้าหู้ก่อนนะ" ร่างเล็กนั่งลงกับพื้นร้องหาเจ้าเต้าหู้ ไม่นานมันก็วิ่งตุ๊ต๊ะๆ ออกมา เสียงกระดิ่งดังกริ่งๆ วิ่งมาคลอเคลียเจ้าของ พริ้มเพราอุ้มมันขึ้นมากอดแล้วบอกรัก "เดี๋ยวตอนเย็นพริ้มจะมาหานะ จะซื้อขนมแมวเลียมาฝากเยอะๆ เลย เดี๋ยวมาทำความสะอาดห้องน้ำให้เต้าหู้ด้วย แล้วเจอกันนะ จุ๊บ" เธอก้มลงจุ๊บปากแมวเหมือนอย่างที่อีกคนเคยจุ๊บ อิทธิพัทธ์สะดุ้งเหมือนเห็นตัวเองที่ชอบจุ๊บปากแมวก่อนจะไปทำงาน แม่งภาพสะท้อน นี่กูก็เป็นแบบนี้เหรอวะเนี่ย ฟันไม่แปรงแต่เสือกได้จูบหวานๆ พริ้มเพราวางแมวลงแล้วยืนขึ้นยิ้มให้เขา "พริ้มไปก่อนนะคะ น่าจะซื้อขนมเข้ามาให้เต้าหู้ตอนเย็น หวังว่าจะไม่เจอพี่นะคะ บ๊ายบาย" โบกมือลาล่วงหน้า... ยิ้มมีความสุขที่เจอแมวเดินออกไปจากห้อง ส่วนคนที่อยู่ในห้องเอามือเกาหัว แกร็กๆ "นี่กูคิดถูกหรือคิดผิดวะเนี่ย ถ้าโดนเธอยกเค้าห้องขึ้นมาจะทำยังไง" จะเดินเข้าไปเก็บของมีค่าก็พบว่าเธอลืมกระเป๋า ขี้ลืมจริงๆ คิดได้เมื่อไหร่ก็มาเอาแล้วกัน ไม่ถึงห้านาทีเสียงประตูหน้าห้องก็ถูกเคาะ ก็อกๆ และเขาก็คิดว่าใช่ เดินถือกระเป๋าออกไปให้เธอ แกร็ก!! เปิดประตูมาก็เห็นว่าเธอยิ้มแห้ง "แฮร่ๆ ลืมกระเป๋าค่ะ" ยกมือขึ้นยิ้มขอกระเป๋าคืน ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วยื่นให้ "กินวิตามินบำรุงสมองบ้างนะ" โอโฮวแรงมากแม่!! รับกระเป๋าจากมือเขาแล้วเดินหันกลับไปด้วยใจขุ่นเคืองที่ถูกเขาเหน็บแนม เชอะ!! หล่อแต่ปากร้ายจริงๆ ..แต่ก็ขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอเอาไว้ ดีกว่านอนหน้าร้านหรือไม่ก็อาจจะเป็นร้านสะดวกซื้อ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD