อยู่ๆสาวสวยก็เข้ามาในห้องของผม

2577 Words
บทที่ 1ชีวิตธรรมดา เช้าวันนี้เป็นเช้าวันที่ดีที่สุดของฉันทำให้ฉันตื่นจากฝันด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาแสงแดดกระทบกับกระจกส่องเข้ามากระทบกับสายตาความอบอุ่นและความเย็นสบาย... ฉันลุกขึ้นแล้วมองไปที่กระจก มือทั้งสองข้างของฉันยืนขึ้นมาตบแก้มของฉันเพื่อตั้งสติ นาฬิกา: ตีต! ตีต! ตีต! [วันนี้...แม่..ฉัน.นัดเจอนี่นา...] ฉันเริ่มตั้งสติแล้วเดินเข้าห้องน้ำผ่านไปไม่นานฉันก็ออกมาแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเเล้วออกไปข้างนอก ผมวิ่งไปเรื่อยๆแล้วเจอเพื่อนบ้านแล้วทักทายน้อยเขาเเล้ววิ่งตอน..... ผมมีชื่อว่า จีอาร์ อายุ20 เป็นคนธรรมดาใช้ชีวิตอยู่ในห้องเเล้วทำงานตอนกลางคืนเท่านั้น ผมกำลังไปที่ร้านกาแฟเธอที่รอแม่ของผมและน้องสาว แม่ของผมมีชื่อว่า ราอา เเละน้องสาวของผมมีชื่อว่า ริกะ ผมได้ยินเสียงประกาศ นักเวทย์แรงค์ S ที่สามารถเคลียร์ดันเจี้ยนแรงค์ A ได้ เขาจะประกาศทั่วเมืองทำไมเนี่ย!! กะอีกแค่เคลียร์ดันเจี้ยน... ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง ผมเลิกวิ่งแล้วเดินตรงไปที่ร้านกาแฟ ผมเดินเข้าไปแล้วทักทายเจ้าของร้านอย่างสนิท [วันนี้คนเยอะหน้าอยู่เลยนะ ให้ผมช่วยอะไรไมครับ] เขาเป็นเจ้าของร้านกาแฟแล้วเป็นรุ่นพี่ของผม เขาได้ช่วยเหลือผมตอนที่ผมเข้าเมืองกรุง เขาช่วยผมหางานและหาที่พักต่างๆและสอนผมอื่นๆ พี่เขามีชื่อว่า กีมะ แต่ผมมักจะเลือกพี่เขาว่า พี่แบงค์กี เขาอายุ25 ปี พี่เขาเปิดร้านกาแฟตั้งแต่อายุ 20 ปี ผมมักจะมาช่วยพี่เขาบ่อยๆ [เอ๋...ทำไมมาไม่บอกกันก่อนละ ฉันจะได้จองโต๊ะให้] ผมหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไป [ไม่เป็นไรครับ] [งั้นหรอ...แปลกนะที่เห็นนายมาตอนเช้า เเบบนี้ ไม่ใช่ว่านายนอนอยู่บ้านเหรอ] ผมเข้าใจที่พี่เขาพูด เป็นเพราะผมที่อยู่เเต่ในห้อง ผมทำงานเเค่ตอนกลางคืนเท่านั้น พี่เขาถามผมขึ้นมาแบบนี้ก็คงไม่แปลก [ก็วันนี้เเม่ผมจะมา ผมก็เลยได้ออกมานะครับ] [ไม่รู้ว่าเเม่จะคุยเรื่องอะไร มันก็นานเเล้ววนะที่ผมไม่ได้เจกกับเเม่] [แม่นายจะมาหรอเดี๋ยวฉันจะเตรียมโต๊ะให้นะ] ผ่านไปสักพัก แม่ของผมได้เดินเปิดประตูเข้าร้าน ผมยกมือขึ้นเรียกแม่ก่อนจะพูดว่า [แม่ผมอยู่ทางนี้] แม่ของผมได้หันมาที่ผมโดยที่ไม่ได้พูดอะไรแม่เดินตรงเข้ามาเขากอดผมราวกับไม่ให้ผมหายไปไหน ผมตกใจเล็กน้อยแล้วได้ยื่นมือกอดไป ผมได้หันมองรอบๆมีคนที่อยู่ในร้านได้มองมาที่ผมกับแม่ ผมรู้สึกอายมาก ผมได้ผักแม่ออกจะอ้อมกอดอยากเบาๆพร้อมกับพูดว่า [แม่คนอื่นเขามองกันหมดแล้วนะ] แม่ของผมหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดไปว่า [555...แม่ตื่นเต้นไปหน่อยแม่ไม่ได้เจอลูกมาตั้งแต่ที่ลูกออกไปจากบ้านเลย] [แม่คิดถึงลูกไปหน่อย] [ผมก็คิดถึงแม่เหมือนกัน เอาล่ะเรามานั่งคุยกันก่อนครับ] เราได้นั่งลงแล้วค่อยๆคุยกันไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้พบหน้ากันมานาน ผมได้พูดเรื่องต่างๆที่ผมอยู่ที่เมืองกรุงการเอาตัวรอดต่างๆ แม่ของผมเริ่มที่จะพูดคุยเรื่องของพ่อขึ้นมาผมก็รับฟังอย่างใจเย็นแล้วเข้าใจพ่ออยู่นิดหน่อย ที่ทำงานของพ่อการปิดตัวตนถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้ารู้ตัวตนขึ้นมาคนรอบตัวก็อันตราย ผมเข้าใจเป็นอย่างดีเลยล่ะ แต่ทำไมพ่อถึงเลือกที่จะเป็นนักเวทย์ล่ะ การที่จากครอบครัวไปโดยที่ไม่กลับมาหาพวกเราเลย การที่ต้องแยกจากกันเพราะไม่มีเวลาให้กันทำไม พ่อถึงเลือกที่จะเป็นนักเวทย์กันล่ะ สิ่งนี้ผมไม่เข้าใจที่สุดเลยล่ะ.... [ถึงแม้ว่าลูกจะโกรธพ่อ ที่พ่อไม่หามาหาพวกเราแต่พ่อก็รักพวกเรานะ] เเม่ได้กล่าวขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงที่อ่อนๆ [อ่ะ...จริงด้วยลูกมีแฟนไหม?] แม่ของผมได้กล่าว พร้อมกับแววตาที่รอคำตอบ ผมนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบเเม่ไปว่า เเม่....ถามอะ อะไรแบบนั้น!!! ผมเริ่มพูดตะกุกตะขาบ [แม่ถามอะไรแบบนั้นผมจะมีได้ยังไงผมก็อยู่แต่ในห้องและทำงานไปวันๆเท่านั้นเอง ผมจะมีเวลาไปหาแฟนได้ยังไงกัน!!!] ผมพูดน้ำเสียงแบบจริงจังด้วยความเขินอาย 555 [งั้นหรอลูกแม่ยังไม่มีแฟนหรอ ถ้างั้นให้แม่หาให้ไหม?] ผมตอบปฏิเสธแม่ทันที ทันใดนั้นน้องสาวของผมก็เดินเข้าร้านมา ตอนที่แม่พูดเรื่องหาแฟนให้ผม เสียงน้องสาวของผมได้พูดขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว [หนูไม่เอาพี่สะใภ้อย่างเด็ดขาด] [หนูไม่อยากมีพี่สะใภ้และหนูจะมีพี่ชายแค่คนเดียวเท่านั้น] ผมได้มองไปที่น้องสาวของผมที่กำลังเดินมาที่โต๊ะของผม สายตาของเธอมองมาที่ผมราวกับจะฉีกผมเป็นชิ้นชิ้น เธอวิ่งเข้ามากอดผมอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพูดมาว่า [หนูไม่เอาพี่สะใภ้หนูจะมีพี่ชายแค่คนเดียวเท่านั้น] เธอเป็นน้องสาวบุญธรรมของผมที่อยู่ข้างบ้านผมตั้งแต่สมัยก่อน เธออยู่กับแม่แค่ 2 คน เธอเสียแม่ไปตั้งแต่เธออายุ10 ขวด จากนั้นแม่ของผมได้รับเลี้ยงเธอมาเป็นลูกบุญธรรม สมัยก่อนเธอติดผมมากเธอมักจะมาเล่นกับผมที่บ้านเป็นประจำเพราะเราสนิทกันตั้งแต่สมัยประถม พวกเราก็ได้อยู่ด้วยกันมาตลอด จนถึงตอนที่ผมออกจากบ้าน เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลยตอนที่ผมออกไป ผมไม่ได้บอกอะไรกับเธอเลย เมื่อเธอรู้ที่ผมออกจากบ้านเธอร้องไห้นานเลยละ เธอมักจะโทรหาผมอยู่บ่อยๆจนผมรำคาญเลยล่ะ เธอร้องไห้ให้ผมกลับบ้าน แต่ด้วยความที่ผมต้องการที่จะแยกตัวออกจากครอบครัวเพื่อที่จะใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาผมจึงที่จะบอกกับน้องสาว ว่าถ้าน้องสาวถึงอายุ 15 แล้วล่ะก็ก็มาหาพี่ได้เลย เธอนั้นได้ตอบตกลง ที่จะรอให้เธออายุ 15 จากนั้นเธอก็ไม่ได้โทรมาหาผม แต่ก็โทรมาหาผมอยู่เป็นระยะ ด้วยความที่ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเวทย์มนต์นั้น ผมเลยแยกตัวออกจากครอบครัวถึงแม้ว่าผมจะแยกตัวออกจากครอบครัวผมก็คิดถึงอยู่บ่อยๆ จากนั้นแม่ของผมก็พูดขึ้นมาว่า [พวกเราจะย้ายมาอยู่เมืองกรุงละ] เมื่อผมได้ยินประโยคนั้นผมกับนิ่งไปสักพัก เอ๋....!!! ผมตกใจมากที่แม่จะย้ายมาอยู่เมืองกรุงผม [แล้วแม่หาที่อยู่ได้หรือยังถ้าไม่ได้เดี๋ยวผมจะหาให้] ผมพูดออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วไม่คิดเลยว่าแม่จะย้ายมาอยู่ที่เมืองกรุงผมทำตัวไม่ถูกเลยที่แม่จะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ เพราะที่นี่เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดเพราะที่เราอยู่เมื่อก่อนเป็นบ้านนอก จะมีนักเวทย์น้อยมาก เพราะคนที่อยากเป็นนักเวทย์ก็อยากจะไปที่ใจกลางเมืองของผู้ที่เป็นนักเวทย์ขั้น s ลำดับขั้นกลาง เพราะที่นั่นคือการศึกษาที่ดีที่สุดของนักเวทย์ที่ต้องการจะเป็นนักเวทย์ที่เก่งที่สุด ในประเทศของเรามีนักเวทย์ขั้น s แค่4คนเท่านั้น ในโลกนี้ คนที่เป็นนักเวทย์ขั้น s นั้นมีน้อยมาก ในโลกนี้มีนักเวทย์ขั้น s ขั้นสูงสุดมีแค่ 5 คนเท่านั้น ในโลก นักเวทย์ขั้น s ลำดับกลางมีแค่หนึ่งคนในประเทศของเรา ไม่มีมากกว่านั้น การที่จะเป็นนักเวทย์ขั้น s อันดับกลางนั้นต้องมีพลังที่แข็งแกร่ง ลำดับของนักเวทย์จะมี นักเวทย์ลำดับ F คือขั้นเริ่มต้น นักเวทย์ขั้น D ลำดับต่ำ ลำดับกลาง ลำดับสูง นักเวทย์ขั้น C ลำดับต่ำ ลำดับกลาง ลำดับสูง นักเวทย์ขั้น B ลำดับต่ำ ลำดับกลาง ลำดับสูง นักเวทย์ขั้น A ลำดับต่ำ ลำดับกลาง ลำดับสูง นักเวทย์ขั้น S ลำดับต่ำ ลำดับกลาง ลำดับสูง นักเวทย์ลำดับ S สูงสุด ที่ผมรู้เรื่องพวกนี้ก็ เพื่อนสมัยก่อนของผม ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจมากเท่าไหร่เพราะผมไม่สนใจเรื่องพวกเวทมนตร์อยู่แล้ว ****************************************** [พ่อของลูกได้ซื้อบ้านไว้ให้แล้วล่ะลูกไม่ต้องห่วง] [พ่อหรอ?] [ลูกอยากจะมาอยู่ที่บ้านพวกเราไหม ห้องว่างมีเยอะเลยนะถ้าลูกจะมาเดี๋ยวแม่ทำความสะอาดห้องให้นะ] [ไม่เป็นไรหรอกครับผมจะอยู่ห้องของของตัวเองนะครับค่าเช่าก็ไม่แพงเท่าไหร่] น้องของผมได้กอดผมแน่น แล้วพูดว่า [ไหนว่าพี่จะให้หนูอยู่ด้วยไงแล้วไหนทำไมถึงไม่ไปอยู่กับพวกเราล่ะค่ะ!!!] [หนูไม่ยอมค่ะพี่ต้องอยู่กับหนู] เธอพูดด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายแล้วกอดผมแน่นมาก แม่ของผมได้เห็นน้องสาวที่กำลังกระวนกระวายแล้วแม่ก็ได้พูดขึ้นมาว่า [เอาอย่างนี้ไหมให้น้องสาวไปอยู่กับลูกเป็นไง] [....เอ๋....แล้วแม่จะอยู่กับใคร ถ้าน้องสาวจะมาอยู่กับผมนะ] แม่หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า [แม่มีเพื่อนคนหนึ่งนะ จะมาอยู่กับแม่ด้วยเธอมีลูกสาวอายุพอๆกับลูกล่ะพวกเราคิดว่าจะให้ลูกกับเธอ หมั้นกันนะ] คนที่ตกใจที่สุดไม่ใช่ผม เเต่เป็นน้องสาวของผมที่พูดออกมาว่า [ไม่..ไม่..ไม่...หนูไม่เอาพี่สะใภ้ค่ะ] เธอเริ่มกอดผมแน่นเรื่อยๆ ผมอยู่ในอ้อมแกะของเธอ เธอเปลี่ยนมาเป็นกอดแขนขวาของผมอย่างแน่นมาก เธอได้พูดออกไปว่า [ไม่เอาไม่เอาไม่เอาค่ะ!!] 5555 [แม่แค่ล้อเล่นเองนะ] [แม่ไม่บังคับให้ลูกแต่งงานกับใครหรอลูกต้องหาด้วยตัวเอง ถ้าลูกมีแฟนแล้วอย่าลืมมาหาแม่ด้วยนะจ๊ะ] [ครับ] จากนั้นผมพาแม่ไปแนะนำรุ่นพี่ของผม แม่ของผมได้พูดคุยและขอบคุณที่ดูแลผม จากนั้นพวกเราก็ได้คุยกัน ผ่านไปสักพักพวกเราก็ขอตัวกลับ ****************************************** [ถ้าผมมีเวลาผมจะไปหานะครับ] [ถ้าลูกจะมาก็บอกแม่ก่อนด้วยนะแม่ยินดีต้อนรับนะจ๊ะ] [ครับผมจะไปหานะครับ] [จ๊ะ] จากนั้นผมก็ได้เดินกลับไปที่ห้องของผม ผมได้บอกน้องสาวของผมว่าให้อยู่กับแม่ก่อนเดี๋ยวพี่จะไปหา ผมคิดว่าถ้าน้องสาวของผมมาอยู่ด้วยผมคิดว่าเธอจะเหงาเพราะผมต้องไปทำงานตอนกลางคืนกว่าจะกลับมากก็ดึกมากแล้ว ทางเดินขึ้นห้องแล้วเปิดประตูเข้าไปพอถึงเตียงนอนของผมโน้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วจับมือถือขึ้นมา พอผมดูเวลาก็ 6 โมงแล้ว ผมรู้สึกเหนื่อยมากที่ได้ออกไปข้างนอกอากาศเริ่มที่จะร้อนแล้ว ผมเอื้อมมือไปจับรีโมทเปิดแอร์ จากนั้นผมพลิกตัวขึ้นมองดูเพดาน ผมค่อยๆข่มตาลง อย่างช้าๆ ความรู้สึกที่มืดมิดกับดวงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในห้อง ในหัวของผมนั้นเต็มไปด้วยความว่างเปล่าความคิดที่ว่างเปล่าโดยไม่ได้คิดอะไรเลย ความว่างเปล่านี้กำลังจะอยู่ในหัวของผมโดยที่หัวใจของผมที่ว่างเปล่าอยู่แล้วก็กำลังเติมเต็มสิ่งที่ว่างเปล่า แต่ทันใดนั้นผมได้ยินเสียงอยู่ตรงหน้าประตู! ผมรู้สึกได้ยินเสียงประตูกำลังจะเปิด ทั้งๆที่ผมล็อกเอาไว้แล้ว ผมรู้สึกได้ว่าประตูนั้นได้เปิดกว้าง แต่ผมก็ไม่คิดที่จะลืมตาเลย ผมค่อยๆเริ่มรู้สึกไม่ได้แล้ว ผมกำลังจะหลับลงไป แต่จู่ๆก็มีร่างกายขึ้นคร่อมผมอยู่!! สายลมที่พัดผ่านได้พัดประตูกระทบกับกำแพแล้วได้ปิดประตูห้องผมอีกครั้ง ผมได้ยินเสียงชัดเจน ก่อนที่ผมจะลืมตา สิ่งที่อยู่เบื้องหน้านั้นเป็นผู้หญิงรูปงามผมสีฟ้าอ่อนราวกับทะเล ดวงจันทร์ได้สาดแสงเข้ามาในห้องของผม เธอได้จู่โจมผมแล้วกดผมลงไปที่เตียงนอน ผมตกใจมากผมเอื้อมมือไปจับไหล่ของเธอเพื่อที่จะผลักเธอออก [นี่คุณเป็นใครคุณจะมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้นะครับ] เธอไม่ได้ยินอะไรเลยที่ชายหนุ่มได้กล่าวออกไป ตัวของเธอร้อนมากเธอเริ่มถอดเสื้อผ้าของเธอออก จากนั้นเธอหนมตัวลงมาที่ผมระหว่างคอ ลิ้นของเธอได้เลียไปที่ลำคอของผม มือของเธอจับไปที่ไหล่ของผม จากนั้นมือซ้ายของเธอเริ่มจับไปที่ท้องของชายหนุ่มเพื่อที่จะให้ถอดเสื้อผ้าออก แขนทั้งสองข้างของผมโดนหัวเข่าของเธอกดทับกัน ผมพยายามรวบรวมสติของตัวเอง ในหัวของผมเริ่มคิดไปเรื่อย ผู้หญิงคนนี้เป็นใครมาจากไหนทำไมถึงมาเข้าห้องผมได้ แล้วมาทำอะไรแบบนี้กับฉันได้ยังไง ผมเริ่มตั้งสติไม่อยู่ความรู้สึกของผมเริ่มร้อนขึ้นมา ผู้เขียน|นายไม่ได้เปิดแอร์ยังไงล่ะ!! ค่ำคืนที่แสนว่างเปล่าได้เติมเต็มความรู้สึกของผม เสียงดนตรีเริ่มดังขึ้น ค่ำคืนที่แสนจะว่างเปล่าเริ่มเติมเต็มหัวใจของผม ดวงจันทร์ที่เต็มดวง ได้ส่งแสงเข้าผ่านกระจกกระทบเข้าสีผมของเธอ สิ่งที่ผมมองเห็นเหมือนกับนางฟ้าที่กำลังโหยหาความรัก แววตาของเธอเป็นสีฟ้าสดใสราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ต้องการอะไรบางอย่าง พวกเราเริ่มมีความสัมพันธ์ที่รู้สึกที่แตกต่าง กัน ความเติมเต็มเเละความว่างเปล่า ****************************************** เช้าวันต่อมา ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาก็ได้พบกับหญิงสาวที่นอนเปลือยกายอยู่บนเตียงของเขา ความรู้สึกของชายหนุ่มไม่สามารถจำได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นถึงแม้ว่าเมื่อคืนนั้นมันเหมือนกับความฝันก็ตาม คิดว่านั่นคือความฝันแต่คนที่นอนเปลือยกายนั้นเป็นผู้หญิงที่อยู่ในความฝันจริงๆ ติดตามตอนต่อไป

Great novels start here

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD