กลับมาถึงบ้านพี่เลย์ก็เหวี่ยงฉันเข้าไปในห้องเต็มแรงก่อนจะล็อคประตูแล้วหันมาเผชิญหน้ากับฉันอีกครั้ง
“อย่าหวังว่าเธอจะได้ออกไปไหนอีก”
“หนูไม่ได้โกหกนะคะ พวกเราไปที่วัดกันแล้วจริง ๆ” ฉันยังคงพยายามอธิบายแต่เหมือนเขาจะไม่รับฟังอะไรเลย
“แต่สิ่งที่ฉันเห็นมันไม่ใช่”
“ไม่เชื่อพี่โทรคุยกับแซนก็ได้ หนูไม่ได้โกหก” ฉันยังคงพยายามโต้เถียงอยู่แบบนั้น และแน่นอนว่าเขาเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็นมากกว่า
ผลัก!
พี่เลย์ผลักฉันลงบนที่นอนก่อนจะขึ้นค่อมร่างกายฉันไว้ ไอ้ท่าทางหมิ่นเหม่แบบนี้มันไม่ค่อยดีเอาซะเลย
“พี่จะทำอะไร”
“ทำไม? ทีอยู่กับคนอื่นยังระริกระรี้ได้เลย”
“พูดบ้าอะไรของพี่”
“พูดตามที่เห็น”
“มันไม่ใช่อย่างที่เห็น และถึงมันใช่พี่ก็ไม่มีสิทธิ์มาทำกับหนูแบบนี้”
“ฉันมีสิทธิ์กับชีวิตของเธอทุกอย่างนั่นแหละ” จบประโยคริมฝีปากหนาก็บดขยี้ลงมาที่ริมปากฉันอย่างไม่ทันตั้งตัว
พี่เลย์ใช้มือข้างหนึ่งรวบแขนฉันไว้เหนือศีรษะ จากนั้นใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่กระชากชุดสวยของฉันจนขาดติดมือเขาไป การกระทำของเขาในตอนนี้มันโคตรป่าเถื่อนที่สุด
“อย่าทำแบบนี้ ฮึก!”
ฉันยังคงแหกปากร้องห้ามเมื่อเรียวลิ้นร้อนโลมเลียไปมาตามซอกคอตลอดไปจนถึงเนินอก บราเซียร์สีสวยถูกถอดออกอย่างไม่ใยดี ก่อนที่ฝ่ามือหนาจะเลื่อนมาบีบเค้นหน้าอกฉันจนรู้สึกปวดหนึบ
“ฮือ... อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ” เหมือนน้ำตาของฉันจะทำให้เขามีสติขึ้นมานิดหน่อย
“ใครใช้ให้เธอดื้อกับฉันก่อนล่ะ”
“หนูเปล่า … หนูไม่ได้โกหก” เขาผละออกหยัดตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะสบตากับฉันอย่างตั้งใจ
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าเธอโกหกนี่ แต่เธอก็ต้องเป็นของฉันอยู่ดี”
“ฮึก!”
ฉันคิดว่าเขาจะหยุด แต่เปล่าเลยเขายังคงไม่หยุดการกระทำบ้า ๆ นั่นแต่เลือกที่จะลดความดิบเถื่อนลงแทน ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยน้ำตาให้ฉัน
พี่เลย์ถอดเสื้อผ้าตัวเองออกจนหมด เผยให้เห็นสรีระร่างกายของเขาทุกสัดส่วน
“ปล่อยมือ” น้ำเสียงเย็นยะเยือกเอ่ยเมื่อเห็นฉันเอาแต่กอดผ้าห่มไว้อยู่แบบนั้น “อยากเจ็บมากกว่านี้สินะ”
เม้มปากเข้าหากันจนแน่น ก่อนจะค่อย ๆ คลายผ้าออกทีละช้า ๆ จนพี่เลย์สามารถแทรกตัวเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกันได้สำเร็จ ร่างกายเปลือยเปล่าของเขาที่กำลังแนบชิดอยู่ตอนนี้ทำเอาฉันสั่นไปหมด ทั้งกลัวและประหม่าในเวลาเดียวกัน
“ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะใจดีกับเธอให้มากกว่านี้ แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่ค่อยอยากจะเชื่อฟังฉันสักเท่าไหร่”
“หนูไม่ฟังอะไร พี่นั่นแหละคิดไปเอง”
“งั้นเหรอ” ตาคู่คมจ้องมองฉันนิ่ง ๆ แววตาว่างเปล่าของเขามันทำให้ฉันจับทางไม่ได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ”
“มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน เธอก็โตแล้วนะเขียนฟ้า อย่าทำเป็นไร้เดียงสาให้มันมากนักเลย”
พี่เลย์มองหน้าฉันอีกครั้ง แต่คราวนี้แววตาของเขามันไม่เหลืออารมณ์โกรธหรือความดิบเถื่อนให้เห็นอีกแล้ว ไม่ว่างเปล่า …
“อย่าเกร็งแล้วเธอจะไม่เจ็บ” หัวใจดวงน้อยสั่นไหวไปมาเมื่อได้ยินประโยคนี้ รู้สึกได้เลยว่ามีอะไรบางอย่างสัมผัสอยู่บริเวณนั้นของฉัน
พี่เลย์ถอดกางเกงในตัวจิ๋วของฉันอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นเขาก็หยัดตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะทำอะไรบางอย่างกับร่างกายฉัน
“ฮึก!”
ฉันร้องไห้ออกมาเสียงดังเมื่อรู้ว่าตัวเองจะเจอกับอะไร มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ หนี้ที่ฉันไม่ได้ก่อแต่ฉันต้องใช้ร่างกายตัวเองชดใช้แทนคนอื่นแบบนี้อย่างนั้นเหรอ ช่างไม่ยุติธรรมกับฉันเลย
“เงียบ! ถ้ายังร้องอีกฉันจะทำจริง ๆ” น้ำเสียงจริงจังเอ่ยก่อนจะผละตัวออกไป จากนั้นใส่เสื้อผ้าแล้วออกจากห้องฉันไปทันที
นานหลายชั่วโมงที่ฉันเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องและร้องไห้อยู่แบบนั้น ใครมาเคาะประตูเรียกก็ไม่หือไม่อือจนกระทั่งถึงเช้าวันใหม่
อาบน้ำชำระร่างกายพลางก้มมองร่องรอยที่พี่เลย์ทำไว้ จากที่คิดว่าเขาคงใจดีกับฉันบ้าง ตอนนี้คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ทั้งหมด เชื่อฉันสิไม่มีใครทำดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนหรอก
เป็นอีกหนึ่งวันที่รู้สึกเหนื่อยล้ามากกว่าปกติ สัมผัสที่พี่เลย์มอบให้มันยังคงติดตรึงอยู่ในห้วงความรู้สึกของฉัน ในขณะเดียวกันมันก็ให้ความรู้สึกแตกต่างกันไป บางครั้งก็รู้สึกว่าเขาอ่อนโยน แต่บางทีเขาก็เหมือนคนไร้หัวใจ เย็นชา กร้านโลกอย่างกับเป็นคนละคนกันเลย
“ป้าจะทายาให้นะคะ” น้ำเสียงคุ้นเคยดังขึ้นขณะที่ฉันนั่งเหม่อคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
“ยา… ยาอะไรเหรอคะ”
“ที่แขนหนูนี่ไง ช้ำขนาดนี้ไม่ปวดเหรอลูก” เหลือบมองแขนตัวเองมันก็ช้ำจริง ๆ นั่นแหละค่ะ เป็นรอยที่พี่เลย์กระชากเมื่อวานสินะ
“ขอบคุณนะคะหนูไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่ เดี๋ยวมันคงหายเอง”
“เมื่อวานหนูได้ไปหาแม่จริงไหมเขียนฟ้า”
“จริงค่ะ ป้าก็คิดว่าหนูโกหกเหมือนกันเหรอ” พูดออกไปอย่างน้อยใจ ทำไมถึงไม่มีใครเชื่อฉันบ้างเลย
“ไม่ใช่แบบนั้น ป้าเชื่อค่ะแต่มันมีอะไรมากกว่านี้ใช่ไหม”
“ไม่มีค่ะ หนูแค่ไปกินปิ้งย่างกับเพื่อนแค่นั้นเอง แต่พอดีบังเอิญเจอเพื่อนผู้ชายในห้องเดียวกันพวกเราก็เลยนั่งกินด้วยกันแค่นั้น”
“แล้วคุณเลย์ไปเจอได้ยังไง มีการปะทะอารมณ์กันหรือเปล่า”
“ไม่รู้ว่าพี่เลย์มาได้ยังไง อยู่ดี ๆ เขาก็อาระวาดใส่กล่าวหาว่าหนูคิดลองดีกับเขา” ฉันร่ายประโยคยาว ๆ ให้คนตรงหน้าฟัง และถึงตอนนี้ก็ยังคงไม่เข้าใจว่าตัวฉันลองดีเขาตอนไหน เรื่องอะไร
“เฮ้อ... เอาเป็นว่าหนูต้องรักษาระยะห่างไม่ให้ใกล้คนอื่นอีกก็พอ”
“...”
“ป้าพูดไม่ได้ สักวันหนูคงเข้าใจเอง” มือบางลูบศีรษะฉันอย่างนึกเอ็นดู ฉันก็หวังว่าสักวันตัวเองจะเข้าใจทุกเรื่องราวมากกว่านี้
ระหว่างวันฉันยังไม่เจอพี่เลย์เลยค่ะจนท้องฟ้ามืดลงอีกครั้งเขาถึงกลับมา
“ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่อาบน้ำอีก”
“กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” จบประโยคฉันก็รีบตรงขึ้นห้องทันที ไม่สนใจว่าพี่เลย์จะพูดอะไรต่ออีกหรือเปล่า
หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ทิ้งตัวลงนอนเลย ไม่ได้ง่วงหรอกแต่ไม่อยากลงไปเจอหน้าเขาเท่านั้นเอง แต่แค่ไม่นานบานประตูก็ถูกเปิดเข้ามาไม่ใช่ใครที่ไหนก็คนที่ฉันไม่อยากเจอนั่นแหละ เขานั่งลงข้างฉันในมือมียาทามาด้วย
“คราวหลังอย่าดื้ออีก”
“...”
“เข้าใจไหมเขียนฟ้า”
“เข้าใจแล้วค่ะ” ขานรับอย่างไม่มีทางเลือกเพราะไม่รู้ว่าตัวเองดื้อตอนไหน แต่ช่างเถอะเอ่ยถามกับคนไม่มีเหตุผลมันจะไปได้คำตอบอะไรล่ะคะ
พี่เลย์มองหน้าฉันนิ่ง ๆ ก่อนจะทายาให้ฉันซึ่งเกิดจากฝีมือของเขาเอง
“กินยาแก้ปวดแล้วนอนพักซะ”
“ป้าสายใจเอาให้กินแล้วค่ะ”
“งั้นก็นอน” จบประโยคเขาก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำและทำทุกอย่างเหมือนเป็นห้องตัวเอง จากนั้นทิ้งตัวลงนอนข้างฉัน
“พี่จะนอนที่นี่เหรอคะ”
“แล้วคิดว่าไง”
“...”