“วันนี้มีแขกเหรอคะรถเยอะแยะไปหมดเลย” ฉันถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นว่ามีรถเข้าออกหลายคันมาก
“เพื่อน ๆ เขามาสังสรรค์กันน่ะค่ะ” พี่แม่บ้านเอ่ย
“อ๋อ…”
ตั้งแต่เช้ายันเย็นฉันเอาแต่เก็บตัวอยู่ที่ศาลาริมน้ำไม่ออกไปให้พี่เลย์เห็นอีกเลย ไม่รู้ว่าควรทำหน้ายังไง เขาอาจจะไม่รู้สึกอะไรแต่สำหรับฉันมันไม่ลืมค่ะ มันกลายเป็นภาพจำที่ทำให้ฉันกลัว
ช่วงเย็นฉันเข้าครัวกับแม่บ้านและทานมื้อเย็นพร้อมป้าสายใจเลย จนกระทั่งฟ้าเริ่มมืดลงฉันก็จะกลับขึ้นห้องแล้ว แต่ระหว่างทางมันต้องผ่านตรงกลุ่มที่พี่เลย์นั่งอยู่ไง ยืนชั่งใจอยู่นานมากไม่กล้าเจอหน้าเขา ไม่อยากเจอหน้าใครทั้งนั้น
“จะหลบหน้าอีกนานไหม?”
“พี่เลย์!” ตกใจหมดเลยค่ะ คิดว่าไม่มีใครเห็นซะอีก
“กินข้าวก่อนสิแล้วค่อยขึ้นห้อง”
“หนูกินกับป้าสายใจแล้ว” เขาเงียบไม่พูดอะไรออกมาอีก เห็นแบบนั้นฉันจึงเป็นฝ่ายพูดเอง “ขอตัวก่อนนะคะ”
หมับ!
“เจ็บ!” ฉันเผลอร้องออกมาเมื่อถูกพี่เลย์กระชากแขนอีกครั้ง เขาดูแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะช้อนสายตามองฉัน
“ไปโดนอะไรมา”
“ถามมาได้! ก็พี่กระชากเมื่อวานไง” เขาคงไม่คิดสินะว่าตัวเองแรงเยอะขนาดไหน หรืออีกนัยหนึ่งก็คงคิดว่าฉันสำออยจับนิดจับหน่อยก็เป็นรอยล่ะมั้ง
“จะสามทุ่มแล้วขึ้นห้องไปนอนเถอะ”
“ค่ะ” ขานรับอย่างเข้าใจก่อนจะเดินเข้ามาในตัวบ้าน
“ใครวะไอ้โรม มึงไม่คิดจะแนะนำหน่อยเหรอ”
“เสือก!” หันไปด่าเพื่อนก่อนจะหันมาพูดกับฉันอีกครั้ง “นี่ก็อีกคนจะยืนอีกนานไหม” น้ำเสียงไม่พอใจเอ่ยเมื่อเห็นว่าฉันยังไม่ก้าวไปทางไหนสักที
ได้ยินแบบนั้นฉันจึงก้มหน้าก้มตาเดินขึ้นชั้นสองไป แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงตามหลังมาอยู่ดี ว่าแต่ทำไมเขาถึงเรียกพี่เลย์ว่าพี่โรมล่ะ หรือฉันหูเพี้ยน?
“ไม่บอกพวกกูจริง ๆ อะ”
“ไม่มีอะไร... ก็แค่ของเล่น”
“...” นั่นสินะ ลูกหนี้อย่างฉันจะเป็นอะไรได้นอกจากของเล่นของเขา ไม่ว่าเขาจะสั่งให้ทำอะไรฉันก็ต้องยอมจำใจทำ ไม่มีสิทธิ์ออกปากออกเสียง ทางเดียวที่จะทำให้ฉันหลุดพ้นคือต้องมีเงินหนึ่งร้อยล้านบาทเท่านั้น
ครืด.. ครืด..
“ว่าไงแซน”
(ให้ตายเหอะ ทำไมแกเพิ่งรับสายฉันเนี่ยเขียนฟ้า)
“โทษที ฉันเอามือถือไว้บนห้องน่ะ”
(แล้วแกเป็นยังไงบ้าง อาร์ทบอกว่าเขาลากแกออกไปด้วยนี่)
“ฉันโอเค”
(โอเคอะไรเสียงหงอยขนาดนี้)
“ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ”
(ไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไร ถ้าเกิดอะไรขึ้นหรือไม่สบายใจยังไงแกโทรหาฉันได้ตลอดเลยนะ ทุกเวลาเลยด้วย ไม่ต้องเกรงใจ)
“อื้ม ขอบใจนะ”
ถือว่าโชคดีที่ยังมีแซนอยู่ข้าง ๆ แค่คอยถามคอยปลอบมันก็ดีมากแล้ว อีกอย่างเรื่องนี้มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับแซนด้วย ฉันจึงไม่อยากให้มันต้องมาช่วยแบกความรู้สึกแย่ ๆ พวกนั้นยังไงล่ะ
หลังจากวางสายฉันก็อาบน้ำเข้านอนตามปกติ จนกระทั่งกลางดึกรู้สึกเหมือนร่างกายถูกรบกวนหรือว่าฉันจะโดนผีอำ? แต่ไม่หรอกเพราะกลิ่นน้ำหอมมันค่อนข้างคุ้นเคย
คิดได้แบบนั้นฉันจึงลุกขึ้นนั่งทันทีถึงแม้ว่าภายในห้องจะมืดสนิทแต่ฉันก็พอมองออกว่าเป็นใคร
“พี่เลย์
“ทำไม?”
“เข้ามาทำไมคะ”
“เธอมีสิทธิ์ตั้งคำถามแบบนี้กับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“หนูไม่มีสิทธิ์หรอกค่ะแต่พี่เมามากแล้ว อย่าหาเรื่องกันดีกว่า”
“ถอดเสื้อผ้าออก” ฉันเงียบไม่ยอมทำตามที่เขาสั่ง “เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้าต่อต้านฉันแบบนี้” ประโยคนี้ทำเอาฉันนึกถึงคำพูดที่ว่า ก็แค่ของเล่น ... และตอนนี้เขากำลังไม่พอใจมากด้วย
ในเมื่อไม่มีทางเลือกฉันจึงยอมทำตามอย่างว่าง่าย ค่อย ๆ ถอดชุดนอนออกผ่านความมืดก่อนจะล้มตัวลงนอนด้วยความรู้สึกมากมาย
พี่เลย์ถอดเสื้อของตัวเองโยนทิ้งไปแล้วนอนลงข้างฉัน จากนั้นสอดมือเข้ามาในผ้าห่มของฉันแล้วหยุดอยู่ที่บริเวณหน้าอก มือหนาออกแรงบีบเล็กน้อยแต่ก็ไม่ทำอะไรไปมากกว่านี้
ฉันได้แต่นอนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับไปไหน ฉันไม่ชอบที่เขาทำแบบนั้น
“นอนเถอะ ดึกมากแล้ว”
“คะ?”
“หรืออยากให้ทำมากกว่านี้”
“ไม่อยากค่ะ” พูดจบฉันก็รีบหันหลังให้พี่เลย์ทันที เขายังคงวางมือไว้แบบนั้นก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบลง หลงเหลือแค่เพียงเสียงลมหายใจของเราสองคน