“ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย” น้ำเสียงห้วนเอ่ยอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นฉันเงียบและเอาแต่เสมอหน้าไปทางอื่น
“ก็ดีแล้วนี่คะ จะให้ดีแค่ไหนอีก”
“รู้สึกว่าเธอจะต่อปากต่อคำกับฉันเก่งขึ้นเยอะนะ”
“หนูเปล่าสักหน่อย” บ่นอุบอิบคนเดียวก่อนจะเบนหน้าออกไปข้างทางเหมือนเดิม “ทำไมมันเปลี่ยวแบบนี้ล่ะคะ” เผลอพูดออกมาเมื่อเห็นว่าตลอดข้างทางมันมืดเกินไปแถมรถก็ไม่มีสักคันนอกจากพวกเรา
“ไม่มีอะไรหรอกมันเป็นทางลัด”
“น่ากลัว”
ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกกระทั่งมือถือของพี่เลย์มีสายเรียกเข้า
“ว่าไง”
(...)
“กูรู้แล้ว สั่งซะกูเป็นน้องไปเลยนะ” เหลือบมองหน้าฉันก่อนจะวางสายไป
แค่เพียงไม่นานรถก็แล่นเข้าสู่ถนนใหญ่ เดินทางต่อประมาณหนึ่งชั่วโมงพี่เลย์ก็จอดบริเวณบ้านหลังหนึ่ง
“อยู่ในรถไม่ต้องลงมาหรอก”
“ค่ะ” ขานรับอย่างเข้าใจก่อนจะมองตามพี่เลย์จนสุดสายตา
เขาเดินเข้าไปหาคนกลุ่มหนึ่งที่มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง ท่าทางการพูดคุยก็คงสนิทกันพอสมควร จำหน้าได้คนหนึ่งก็คือพี่บอลนั่นเอง
ครืด... ครืด... (โรม)
มือถือถือของพี่เลย์มีสายเรียกเข้าอีกครั้ง แต่ฉันก็ไม่กล้ารับสายอยู่ดี ใครจะยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา แต่ว่ามันกลับโทรเข้ามาเรื่อย ๆ จากสายที่สองเป็นสายที่สาม
เบือนหน้าไปมองพี่เลย์เขาเดินหายเข้าไปในบ้านแล้วค่ะ เห็นแบบนั้นฉันจึงตัดสินใจกดรับสายเผื่อว่าบางทีปลายสายเขาอาจจะมีธุระสำคัญก็ได้
“สวัสดีค่ะ”
(...)
“เอ่อ…”
(ไอ้เลย์ล่ะ)
“พี่เลย์เขาลงไปคุยกับเพื่อนน่ะค่ะ ไม่ได้เอามือถือลงไปด้วย ถ้าเขามาแล้วเดี๋ยวหนู…”
(อืม ให้มันโทรกลับมาด้วยนะ)
“ค่ะ”
จากนั้นสายก็ถูกตัดไปแบบงง ๆ ที่สำคัญเขาไม่ถามด้วยนะคะว่าฉันเป็นใคร ทำไมถึงมารับโทรศัพท์พี่เลย์
“ทำอะไร?”
“คนที่ชื่อพี่โรมเขาโทรมาค่ะ หนูเห็นโทรมาหลายสายหนูก็เลยกดรับแล้วเขายังบอกให้พี่โทรกลับด้วยนะคะ” ฉันรีบร่ายประโยคยาว ๆ ให้คนตรงหน้าฟัง คิดว่าจะโดนดุซะอีกแต่เปล่าเลยพี่เลย์แค่พยักหน้ารับเท่านั้นเอง
“สองคนนั้นจะไปกับเราด้วย” เบือนหน้าไปมองคนหนึ่งคือผู้หญิงที่ฉันเจอที่ห้องพี่เลย์ค่ะ อีกคนน่าจะเป็นเพื่อนของเธอมั้งคะ
“ให้หนูไปนั่งเบาะหลังไหม”
“ไม่ต้องหรอก” แปลกมากที่วันนี้เหมือนพี่เลย์จะพูดดีกับฉันมากเกินไป “ปวดแผลหรือเปล่า”
“ไม่ปวดแล้วค่ะ ก่อนออกจากบ้านหนูกินยาแก้ปวดไปแล้ว”
“ยาหมดฤทธิ์ก็ปวดเหมือนเดิมนั่นแหละ เย็บสดขนาดนั้น”
หลังจากนั้นผู้หญิงสองคนก็ขึ้นมาบนรถ กลิ่นน้ำหอมของพวกเธอทำเอาฉันเวียนหัวมากเลย
“เขียนฟ้า นี่ไอรีนกับอิงดาว” พี่เลย์เอ่ยแนะนำให้ฉันได้รู้จัก
“ค่ะ” ขานรับพลางฉีกยิ้มกว้างไปให้ คนที่ชื่อไอรีนดูเป็นมิตรกับฉันมาก แต่อีกคนสายตาที่มองมาบ่งบอกให้รู้ว่าไม่ชอบฉันเอาซะเลย
“แล้วพี่โรมล่ะคะพี่เลย์ ไม่ไปด้วยกันเหรอ” อิงดาวเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง
“มันอยู่โน่นแล้วแหละ พอดีไปทำงานแถวนั้นเลยให้มันจองที่พักไว้เลยจะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา”
“ค่ะ แล้วนี่…ไหนว่าไม่มีคนอื่นมาด้วยไงคะ” คนอื่นที่ว่าคงหมายถึงฉันสินะ
“ก็ไม่มีนะ มีแต่คนสำคัญทั้งนั้น”
เหลือบมองพี่เลย์เล็กน้อย ฉันรู้ว่าตัวเองเป็นใครแต่ไม่คิดว่าจะถูกตอกหน้ากลางอากาศแบบนี้
“คาดเข็มขัดด้วย” พูดจบก็เอื้อมมือมาคาดให้ฉัน สงสัยเขาคงจะหงุดหงิดท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ของฉันมั้งคะ ก็มันไม่ถนัดนี่แถมมือยังเจ็บอีก รู้แบบนี้อยู่บ้านกับป้าสายใจซะก็ดี
“มือไปโดนอะไรมาเหรอ” ไอรีนเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นบาดแผลของฉัน
“เราซุ่มซ่ามไปหน่อย”
“ไม่หน่อยมั้ง แผลขนาดนี้” เธอพูดพร้อมรอยยิ้ม แบบนี้นี่เองถึงทำให้พี่เลย์อ่อนโยนกับเธอได้ “เขียนฟ้าอายุเท่าไหร่เหรอเราจะได้เรียกถูก”
“ปีนี้สิบเก้าแล้ว”
“ต้องเรียกพี่สินะ ไอรีนเพิ่งจะสิบเจ็ดเมื่อวานนี้เอง” ไม่น่าเชื่อค่ะ เธอดูโตเป็นสาวมากเลย
“อยู่มอห้าเหรอ”
“ใช่ ๆ พี่เลย์อะบังคับให้เรียนสายวิทย์คณิตทำไมไม่รู้ ไอรีนไม่ได้อยากเป็นหมอสักหน่อย”
“เงียบไปเลยไอรีน พูดมากนะเราอะ” ไม่พูดเปล่าแต่พี่เลย์ยังยื่นมือไปโยกศีรษะเธออีกด้วย มันแสดงให้เห็นว่าสนิทกันพอสมควร เหมือนพี่ชายกับน้องสาวเลย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“อะไรมึง” เป็นพี่บอลค่ะที่มาเคาะกระจกเรียก
“แล้วไหนว่าไม่ให้มาไง” เขาว่าพลางเสมอสายตามาทางฉันแล้วยิ้มให้
“ขี้เสือกฉิบหาย”
“น้องเขียนฟ้าครับพี่ต้องขอโทษด้วยเรื่องที่…”
“หุบปาก!” พี่บอลยังพูดไม่ทันจบก็ถูกพี่เลย์ดักทางไว้ซะก่อน
“ยังไม่รู้?”
“เออ”
“กูล่ะเชื่อมึงสองคนเลยจริง ๆ” พี่บอลตอบด้วยน้ำเสียงเอือมระอาก่อนจะเดินไปขึ้นรถตัวเอง
“เรื่องอะไรเหรอคะที่พี่บอลพูด” อิงดาวถามแทรกขึ้น แน่นอนว่าคนอย่างเขาไม่ตอบหรอก
“ไม่มีอะไร”
“เดี๋ยวนี้ปิดบังกันแล้วว่างั้น”
“ไม่ได้ปิดบัง มันแค่ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
“...” ถึงกับเงียบไปเลยค่ะเมื่อเจอคำพูดแสนเย็นชาของพี่เลย์
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว จะพูดให้ถูกคือถึงเวลานอนของฉันแล้วนั่นแหละ รู้สึกได้เลยว่าหนังตาจะปิด
“ง่วงก็นอน” ไม่รู้ว่าพี่เลย์พูดกับใครแต่คงไม่ได้พูดกับฉันแน่นอนเพราะเขามองไปด้านหลัง
หลังจากที่รถเคลื่อนตัวออกไปได้ไม่นานฉันก็เริ่มที่จะผล็อยหลับเข้าไปทุกที แอร์เย็น ๆ บวกกับเสียงเพลงแผ่วเบามันทำให้อยากนอนมากจนเคลิ้มไป
สัมผัสต่อมาคือผ้าผืนหนึ่งห่มร่างกายฉันแต่นาทีนี้ความง่วงมันครอบงำค่ะเลยไม่ได้ลืมตาดูว่าเป็นใคร ช่างมันเถอะ...
“หลับแล้วเหรอ” เสียงกระซิบแผ่วเบาของใครบางคนดังเข้ามาในโสตประสาทฉัน
“อืม เลยเวลานอนมานานแล้วนี่”
“พี่เลย์ยังไม่บอกเรื่องนั้นอีกเหรอคะ”
“ยัง”
“อะไรกันเนี่ยพวกพี่เล่นอะไรเหมือนเด็กเลย จะสามสิบแล้วนะคะ ทำตัวกร้านโลกกันไปได้”
ในบทสนทนาไม่ได้เอ่ยชื่อใครแต่ใช้คำว่าพวกพี่ ... มันหมายถึงอะไรนะ แล้วเรื่องนั้นที่ว่ามันเกี่ยวกับฉันหรือเปล่า