ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีรถก็จอดสนิทที่จุดพักรถแล้ว
“หนูไปเข้าห้องน้ำนะ” หันไปบอกพี่เลย์ก่อนจะลงจากรถ กวาดสายตามองรอบบริเวณคนเยอะพอสมควรค่ะ แต่ฉันไม่รู้จักใครสักคน
“แล้วไอ้เลย์ล่ะ” พี่บอลเอ่ยถามขึ้น ตอนนี้คงมีแค่เขาที่รู้จักฉัน
“คุยโทรศัพท์อยู่ในรถค่ะ”
“แล้วเราจะไปไหนครับ”
“ไปเข้าห้องน้ำค่ะ”
“พอดีเลย พี่หาเพื่อนไปเหมือนกัน” พี่ผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยอย่างเป็นกันเองพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้ฉันอย่างเป็นมิตร
“ไปด้วยกันก็ได้ค่ะ” ฉันว่าพลางคลี่ยิ้มให้เขาเล็กน้อยก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาจากบริเวณนั้น
“พี่ชื่อเฟิร์นนะเป็นเพื่อนไอ้แฝดน่ะ เราชื่อเขียนฟ้าหรือเปล่า”
“ใช่ค่ะ”
“ได้เจอกันสักทีเนอะ”
“อะไรนะคะ?”
“ไม่มีอะไรหรอกพี่ก็พูดไปตามประสานั่นแหละ” ฉันไม่ได้หูฝาดหรือได้ยินอะไรผิดเพี้ยนไปแน่นอน แค่ไม่รู้ว่าพี่เฟิร์นพูดแบบนั้นมันหมายความว่ายังไงแล้วแฝดไหน? เก็บความสงสัยเอาไว้ก่อนแล้วกัน
หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จออกมาก็เห็นพี่เลย์ยืนอยู่หน้าห้องน้ำแล้ว แต่เขาไม่ได้มารอฉันหรอกเขามาเข้าห้องน้ำเหมือนกัน
“พี่เขียนฟ้าไปร้านสะดวกซื้อกับไอรีนหน่อยสิคะ”
“ไปสิ”
ไอรีนเป็นผู้หญิงที่ยิ้มสวยมากค่ะ แต่มันนึกไม่ออกว่าไอ้รอยยิ้มแบบนี้มันเหมือนใคร
“อืม... กินอะไรดีนะ” ทำท่าทางครุ่นคิดก่อนจะเดินตรงไปหยิบขนมขบเคี้ยวตามด้วยขนมปังและน้ำอัดลม “พี่เขียนฟ้ารบกวนไปกดกาแฟให้สักแก้วสิคะ”
“ไอรีนกินกาแฟด้วยเหรอ”
“ของพี่เลย์ต่างหาก รายนั้นน่ะเขากินเป็นชีวิตจิตใจประหนึ่งว่าเป็นส่วนหนึ่งในองค์ประกอบของร่างกายไปแล้วฮ่า ๆ”
“ขนาดนั้นเชียว”
“ยิ่งกว่านั้นอีก วันไหนกินผิดเวลานะวีนฉ่ำตั้งแต่เช้ายันเข้านอน”
“พี่เชื่อ” อารมณ์ฉุนเฉียวเก่งมาก บทจะดีก็ดีจนงง
จ่ายเงินเสร็จฉันกลับมาที่รถตามเดิมแต่ทว่าอิงดาวกลับนั่งเบาะหน้าอยู่ก่อนแล้ว เห็นแบบนั้นฉันจึงจะไปนั่งเบาะหลังแทน
หมับ!
“เจ็บนะ” พี่เลย์จับแขนฉันเต็มแรงแต่เขาคงลืมไปว่าฉันมีแผลอยู่
“ขอโทษที” สีหน้าเขาดูตกใจอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะจับมือฉันไปดูว่าเลือดออกหรือเปล่า “มานี่สิ”
เดินตามเขาไปเงียบ ๆ จนถึงคนกลุ่มหนึ่ง ก็เพื่อนเขานั่นแหละ
“พี่ขอโทษนะ”
“พี่ก็ขอโทษครับ”
“...” ฉันหันมองหน้าพี่เลย์อย่างไม่เข้าใจ แล้วมาขอโทษฉันเรื่องอะไร “ขอโทษหนูเรื่องอะไรเหรอคะ”
“มันสองคนเมาและมีปากเสียงกันเธอถึงต้องมาเจ็บตัวเพราะเศษแก้วพวกนั้นไง” พี่เลย์เอ่ย
“อ๋อ … ช่างมันเถอะ พวกพี่ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ หนูไม่ระวังเองก็เลยล้มลงไป” ฉันบอกปฏิเสธและไม่โทษใคร ถ้าฉันไม่ซุ่มซ่ามคงไม่ขมำลงไปแบบนั้น
“น่ะ! เห็นไหมไอ้เลย์ น้องมันยังไม่อะไรเลย มีแค่มึงกับไอ้โรมนั่นแหละที่โวยวายกันไปเอง”
“หุบปาก!” พี่เลย์ตวาดออกมาเสียงดังลั่นเมื่อหนึ่งในสองคนนั้นพูดขึ้น
สายตาของเขาพร้อมจะหักคอทุกคนได้ตลอดเวลาด้วยซ้ำ แล้วมันเรื่องอะไรทำไมเขาต้องหัวเสียขนาดนี้ แล้วใครคือพี่โรม?
“พี่ชื่อเติ้ลนะ ไอ้ปากเสียนี่ชื่อโอม”
“มึงน่ะสิปากเสีย”
“หยุด!”
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ฉันได้แต่ยืนงงและมองพี่เติ้ลกับพี่โอมสลับกันไปมา เขาทะเลาะกันจริงจังหรือเปล่า หรือเป็นเพื่อนสนิทกัน
“กัดกันอยู่นั่นแหละ มึงสองคนไม่เบื่อบ้างหรือไง” พี่เลย์เอ่ยอย่างเอือมระอาแต่พวกพี่ ๆ กลับยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คงเป็นเรื่องปกติของพวกเขาล่ะมั้ง
“ไปกันต่อเหอะ กว่าจะถึงคงใกล้เช้าพอดี” พี่บอลพูดเพื่อทำลายความเงียบ หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันขึ้นรถราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พี่เลย์คะ พี่คนที่ชื่อโรมหนูเคยเจอเขาไหม” เขาต้องเป็นคนเดียวกับที่ฉันรับสายมือถือของพี่เลย์แน่เลย
พี่เลย์หันมองฉันครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมา
“เคย”
“คนไหนเหรอคะ”
“อยากรู้ไปทำไม”
“ก็หนูสงสัยที่พี่โอมพูดเมื่อกี้”
“ไม่ต้องอยากรู้นักหรอก ขึ้นรถได้แล้ว” ได้ยินแบบนั้นฉันจึงเงียบปากก่อนจะขึ้นรถไป ส่วนพี่เลย์เขาสูบบุหรี่อยู่ค่ะ แค่เพียงไม่นานก็เดินกลับมาที่รถเหมือนเดิม
“ไปนั่งที่เดิม” น้ำเสียงเย็นยะเยือกเอ่ยก่อนจะตวัดสายตามาทางฉันอย่างไม่พอใจ แต่ประโยคเมื่อครู่พี่เลย์ไม่ได้พูดกับฉันนะคะ เขาพูดกับอิงดาวต่างหาก
“ห่างเหินจังเลยนะคะ”
“เท่าที่จำได้เธอไม่มีสิทธิ์อะไรนะ”
“เหรอคะ? นอนกับมันแล้วงั้นสิ”
“ถ้ายังอยากอยู่ในชีวิตพี่ก็กรุณารักษาขอบเขตด้วย”
“พี่เลย์!”
“อย่าให้พูดซ้ำนะ” ท่าทีจริงจังของพี่เลย์ทำเอาอิงดาวต้องยอมทำตาม ฉันไม่กล้าปริปากค้านอะไรและรู้ดีว่าเธอไม่พอใจมากแน่แต่ทำอะไรไม่ได้เท่านั้นเอง
“ไปนั่งข้างหน้าสิคะ” ไอรีนกระซิบบอกฉันจึงเปิดประตูรถแล้วกลับไปนั่งที่เดิม
“เราจะไปไหนกันเหรอคะ” ตัดสินใจถามออกไปเพื่อทำลายความเงียบ
“ขึ้นเหนือ” พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ลึก ๆ ในใจไม่คาดหวังว่าเขาจะตอบด้วยซ้ำ ก็อย่างที่รู้เขาน่ะปากร้ายจะตาย
เอนตัวนอนเหมือนเดิม รถแล่นไปตามท้องถนนเรื่อย ๆ เหลือบมองดูไอรีนเธอผล็อยหลับไปแล้วค่ะรวมไปถึงอิงดาวก็ด้วย
“ทำไมไม่นอน” พี่เลย์ถามเมื่อเห็นฉันเอาแต่มองวิวข้างทางอยู่ตลอด
“หนาวค่ะ ปวดแผลด้วย”
“แล้วทำไมไม่ห่มผ้า”
เหลือบมองผ้าที่อยู่ในมือก่อนจะตัดสินใจยื่นไปตรงหน้าพี่เลย์ ก่อนหน้านี้อิงดาวเธอห่มอยู่ค่ะ อย่าหาว่าเสียมารยาทเลยนะแต่กลิ่นน้ำหอมมันแรงเกินไปจริง ๆ
“ฉันไม่ได้ใช้น้ำหอมกลิ่นนี้นะ” พี่เลย์พึมพำออกมาพลางเหลือบมองกระจกหลังไปยันอิงดาวเล็กน้อย
“ให้เขาห่มไปเถอะค่ะ” จบประโยคฉันเอี้ยวตัวไปห่มผ้าให้เธอ “พ่อหนูได้มาหาพี่บ้างไหมคะ” นี่ก็ผ่านมาสักพักแล้วที่ฉันไม่เจอพ่ออีกเลย และเขาก็ไม่เคยติดต่อมาเช่นกัน
“ไม่”
ฉันไม่ได้คาดหวังว่าพ่อจะมารับฉันกลับไปอยู่ด้วยหรอกนะแค่หวังว่าเขาจะมาหาฉันบ้างแต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วแหละว่าตัวเองถูกทิ้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เอาเวลาคิดถึงพ่อเลี้ยงเฮงซวยไปตามหาพ่อแท้ ๆ น่าจะมีประโยชน์กว่านะ” ได้ยินแบบนั้นฉันหันมองหน้าพี่เลย์ทันที
“พี่รู้ได้ยังไงว่าหนูไม่เคยเจอพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง”
นอกจากแซนก็ไม่มีใครรู้อีกเลยค่ะเพราะเรื่องส่วนตัวฉันไม่เคยเล่าให้คนอื่นฟังอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะรู้เรื่องราวของฉันเป็นอย่างดีเสียอีก
“ฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ”
“แล้วพี่รู้ไหมว่าพ่อหนูเป็นใคร”
“...” คำถามของฉันทำเอาพี่เลย์เงียบไป ท่าทางของเขาเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง “ใจคอจะชวนฉันคุยจนเช้าเลยหรือไง” นอกจากจะไม่ตอบแล้วเขายังเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องคุยอีกด้วย
“เงียบก็ได้” บ่นอุบอิบคนเดียวพลางสาดส่องสายตาไปนอกกระจก
“นอนได้แล้วอย่าพูดมากอยู่” พี่เลย์ดุฉันอีกครั้งก่อนจะถอดเสื้อแจ็คเก็ตที่สวมใส่มาให้ฉัน “ห่มผ้าแล้วนอนซะ”
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ มีพียงเสียงเพลงแผ่วเบาที่ยังคงได้ยินอยู่ก่อนที่ฉันจะผล็อยหลับไปในที่สุด
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ร่างกายลอยได้และสัมผัสกับที่นอนนุ่ม ๆ ลืมตาขึ้นมาก็เห็นพี่เลย์อยู่ข้าง ๆ แล้ว
“ไม่ปลุกล่ะคะ” งัวเงียลุกขึ้นนั่งพร้อมกับมองไปรอบบริเวณห้อง
“นอนไปเถอะดึกมากแล้ว” มือหนาดันศีรษะฉันให้นอนลงตามเดิมพร้อมกับห่มผ้าให้แล้วลูบศีรษะไปมาคล้ายกับกล่อมให้ฉันนอนจนเคลิ้มไปในที่สุด
“ตื่นเหรอวะ”
“ชู่...เงียบ ๆ ดิ”
“กูลงไปข้างล่างแป๊บนะ”
“เออ”
เสียงคุ้นหูจัง เขาคุยกับใครนะ?