Episode-04ทำความคุ้นเคย

1394 Words
สามวันผ่านไป เป็นสามวันที่ฉันต้องปรับตัวปรับการใช้ชีวิตใหม่ทั้งหมด ส่วนพี่เลย์เขาหายไปไหนไม่รู้ค่ะ หลังจากที่ไปรับฉันวันนั้นเขาก็ไม่ได้กลับเข้ามาที่นี่อีกเลย ในทุก ๆ วันฉันอยู่กับแม่บ้านมันโคตรจะน่าเบื่อเพราะไม่มีอะไรให้ทำ “ป้าสายใจขา มีอะไรให้หนูทำไหมคะ” “ป้าว่าอยู่เฉย ๆ ก็น่าจะพอแล้วนะ” “ไม่สิคะ เดินไปเดินมาฆ่าเวลาให้หมดวันเนี่ยนะมันดีตรงไหน” “งั้นมาแกะสลักผักกับผลไม้แล้วกัน” “ต้องสอนนะคะ หนูทำไม่เป็นหรอก” “ได้สิ” หลังจากนั้นฉันก็เรียนรู้อย่างตั้งใจตอนแรกคิดว่ามันจะง่ายแต่ที่ไหนได้โคตรยากเลยค่ะ แต่ก็ถือว่าดีฝึกสมาธิไปในตัว “ทำอะไรของเธอ” “พี่เลย์! เฮ้อ... ตกใจหมดเลย” นึกจะมาก็มาเงียบ ๆ ใครจะไม่ตกใจบ้าง “...” “แกะสลักอยู่ค่ะ” พลางยื่นให้เขาดูไปด้วย “ว่างมากเหรอ?” “ก็ไม่มีอะไรให้ทำนี่คะ” ตอบออกไปตามความจริง สอบเสร็จแล้วโรงเรียนก็ไม่ได้ไปแล้วฉันไม่รู้จะทำอะไร “อยู่บ้านคนอื่นช่วยทำตัวให้มีประโยชน์หน่อยสิ” “...” ฉันได้แต่ก้มหน้าเงียบไม่กล้าพูดอะไร จะให้ทำอะไรก็น่าจะบอกกันดี ๆ “ตามมานี่” พี่เลย์ออกคำสั่งก่อนจะเดินนำฉันมายังห้องห้องหนึ่งที่ชั้นสาม “นี่คือสิ่งที่เธอต้องทำ” เอกสารปึกหนาถูกวางลงตรงหน้าฉัน “อะไรเหรอคะ” “รายรับ รายจ่าย งบประมาณของแต่ละโครงการ” “แล้ว ... มันต้องทำยังไง” ฉันเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา ถ้าจะบอกไปตามตรงว่าทำไม่เป็นก็อาจจะถูกดุเอาได้ “บัญชีรายรับรายจ่ายไง ทำแบบนั้นแหละ น่าจะง่ายสุดสำหรับเธอ” “หมดนี่เลยเหรอคะ” “ใช่!” หลังจากนั้นฉันก็ทำตามที่พี่เลย์บอก ค่อยยังชั่วหน่อยที่เขาคอยบอกคอยสอนอยู่ตลอด แต่กว่าจะเข้าใจได้ก็งงไปนานเหมือนกันรู้สึกได้เลยว่าตัวเองโง่มาก ให้พูดกันตามตรงฉันไม่เคยช่วยแม่ทำเลยค่ะ สามชั่วโมงผ่านไป “เสร็จแล้วค่ะ” “วางไว้นั่นแหละ อยากทำอะไรก็ไปทำ” บางทีก็นึกสงสัยนะ เหมือนที่แซนว่าไว้มันง่ายเกินไปหรือเปล่า เขาทำเหมือนฉันไม่ใช่ลูกหนี้เลยค่ะ คิดว่าจะดิบเถื่อนกว่านี้ซะอีก “ออกไปหาเพื่อนได้ไหมคะ” ได้ยินแบบนั้นพี่เลย์จึงละสายตาจากงานตรงหน้าแล้วมองฉันด้วยสีหน้าที่โคตรไร้ความรู้สึก “ใคร?” “ก็คนที่พี่เจอตอนที่ไปรับหนูที่โรงเรียนไง” พี่เลย์ยังคงเงียบและมองหน้าฉันอยู่แบบนั้น “วันนี้ไม่อนุญาต” “แต่ว่า...” ปากกำลังจะร้องขอแต่พอเห็นสายตาดุ ๆ ของเขาทำให้ฉันต้องเงียบปากลง “ค่ะ” เขาพูดว่าวันนี้ไม่อนุญาตแปลว่าวันอื่นอาจจะอนุญาตก็ได้ หลายวันผ่านไป ฉันเริ่มคุ้นชินกับพี่เลย์มากขึ้น ความรู้สึกของฉันตอนนี้เหมือนมีเขาเป็นที่พึ่งคนเดียวมากกว่า ส่วนพ่อเขาไม่เคยมาหาฉันอีกเลยตั้งแต่วันนั้น ไม่รู้ว่าเราพวกเรากลายเป็นคนแปลกหน้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือความจริงแล้วเป็นฉันเองที่คิดว่าพ่อรักฉัน รักแม่ฉัน ... หมับ! “อ๊ะ!” “เหม่ออะไร?” “ปะ เปล่าค่ะ” “ก็เห็นอยู่ว่าเธอเหม่อ ทำไม...จะฆ่าตัวตายหรือไง ก้าวเท้าออกไปอีกนิดเดียวเธอก็ตกลงไปแล้วน่ะ” มองไปด้านหน้าของตัวเองถึงกับชะงัก นี่ฉันออกมาทำอะไรที่นอกระเบียง เมื่อเห็นฉันเงียบพี่เลย์จึงรั้งแขนฉันให้เดินตามเขาเข้ามาในห้อง “คิดจะทำอะไร?” “เปล่าค่ะ” พี่เลย์ยังคงเงียบและมองหน้าฉันอยู่แบบนั้นก่อนจะดันร่างกายฉันชิดติดผนัง “อย่าคิดจะทำอะไรโง่ ๆ รู้ไว้เถอะว่าฉันใจดีกับเธอมากที่สุดแล้ว” “หนูไม่ได้จะทำอะไร ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงออกไปยืนตรงนั้นได้” ฉันรีบอธิบายก่อนที่เขาจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ ใครจะกล้ากระโดดลงไปล่ะสูงขนาดนี้ พี่เลย์ไม่พูดอะไรอีกนอกจากกลับไปนั่งสนใจเอกสารปึกหนาเหมือนเดิม ช่วงเย็น เป็นอีกมื้อที่ได้กินข้าวร่วมกับผู้ชายแปลกหน้า ถึงจะพยายามคุ้นเคยแล้วก็เถอะแต่ก็ไม่ชินสักเท่าไหร่ ถามว่าทำไมไม่หนีทำไมไม่หาทางออก บอกตามตรงเลยนะ ฉันไม่กล้าค่ะ ใจหนึ่งก็กลัวที่จะอยู่กับเขาแต่อีกใจหนึ่งมันกลัวโลกภายนอกมากกว่า อย่างน้อยฉันอยู่ที่นี่ก็ยังได้เรียนหนังสือยังมีที่ให้หลับให้นอน และอีกอย่างนะพ่อเป็นคนพาฉันมาแปลว่าพี่เลย์ต้องรู้จักพ่อฉันพอสมควร แน่นอนว่าต้องมีอะไรมากกว่านี้ที่ฉันยังไม่รู้ “อิ่มแล้วก็ขึ้นห้องไปได้ยินเสียงอะไรก็ไม่ต้องลงมา ห้ามออกจากห้องเด็ดขาด นี่คือคำสั่ง” “ค่ะ” ในใจก็อยากถามแหละทำไมต้องห้ามออกจากห้องด้วย แต่พอเห็นสีหน้านิ่งขรึมของเขาแล้ว เปลี่ยนใจไม่ถามดีกว่า “แล้วไอ้ที่ให้ฝึกทำก็ทำด้วยล่ะ เป็นเด็กดี อย่าดื้อให้มาก” จบประโยคเขาก็แยกตัวออกไปทันที เลิกสนใจเขาแล้วกลับเข้าห้องตามเดิม หลายวันที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ฉันได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ตอนอยู่บ้านตัวเองมันไม่เคยมีความรู้สึกอ้างว้างเลย ต่อให้บางวันบ้านทั้งหลังจะมีแค่ฉันคนเดียวก็เถอะ ตรงกันข้ามกับตอนนี้ที่รู้สึกโดดเดี่ยวจนยากจะอธิบาย ทั้งที่เป็นฉันคนเดิมแต่ความรู้สึกกลับแตกต่าง แต่ยังดีหน่อยที่มีโทรศัพท์มือถือเป็นเพื่อน พอได้เล่นเกมส์ดูหนังฟังเพลงแล้วรู้สึกดีขึ้น ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นกลางดึก ได้ยินแบบนั้นฉันจึงลุกไปเปิดประตูเผื่อบางทีใครอาจจะมีธุระก็ได้ หรือไม่ก็พี่เลย์ “ไม่ใช่ห้องนี้!” ไม่ทันจะเห็นว่าเป็นใครเพราะพี่เลย์เอาตัวเองมาบังเสียก่อน “โทษทีนะเพื่อนฉันเมามากเลยจะเข้าห้องผิด” “ค่ะ” “เข้าห้องนอนได้แล้ว และใครเคาะก็ไม่ต้องเปิดอีก” “ค่ะ” ขานรับอย่างเข้าใจแล้วเข้าห้องนอนตามเดิม พอได้ตื่นกลางดึกแล้วกลายเป็นว่านอนไม่หลับแทน ได้ยินเสียงคนคุยกันด้านนอกแต่จับใจความเป็นประโยคไม่ได้ สาบานเลยว่าฉันไม่ได้แอบฟังหูมันได้ยินเอง แอบมองตรงหน้าต่างเห็นมีรถจอดอยู่หลายคันแต่นั่นไม่กวนใจฉันเท่ากับควันบุหรี่ที่กำลังลอยมาแตะจมูกฉันหรอก บ้านโคตรหรูไม่น่ามาสูบบุหรี่บนห้องนะ ชำเรืองตาไปทางระเบียงห้องข้าง ๆ เห็นพี่เลย์กับใครอีกคนกำลังสูบบุหรี่อยู่ คงจะเป็นเพื่อนเขาล่ะมั้ง ขณะที่ฉันกำลังมองพวกเขาเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขาหันมาทางห้องฉันพอดี เป็นสายตาเย็นชาที่อธิบายไม่ถูกเลยทีเดียว แกรก! “บอกให้นอนไม่ใช่เหรอ” “...” ถึงกับต้องตั้งสติแล้วมองให้ชัดอีกครั้งเลยทีเดียว ฉันเห็นพี่เลย์กำลังสูบบุหรี่อยู่ แล้วทำไมเขาถึงมาโผล่ในห้องฉันได้ “งงอะไร ได้ยินที่พูดไหมเนี่ย” “ได้ยินค่ะ” ปากตอบเขาแต่สายตาก็หันไปมองที่ระเบียงอีกครั้ง ซึ่งมีแค่พี่ผู้ชายคนนั้นคนเดียว “หนูอาจจะมึนจนตาฝาดไป” “บ่นอะไร” “เปล่า หนูจะนอนแล้ว พี่ก็นอนได้แล้วค่ะ” “...” เขาไม่ตอบอะไรนอกจากปิดไฟในห้องแล้วกลับห้องตัวเองไป คล้อยหลังพี่เลย์ฉันยังคงคิดวนไปมา มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดแน่นอน คิดอยู่แบบนั้นกระทั่งผล็อยหลับไปในที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD