One night stand DADDY&MOM จำเป็น บทที่2.

1579 Words
บทที่2.เรื่องแย่ๆ ที่อยากลืม เมรีถอนใจรอบที่ร้อย เธอจำอะไรไม่ได้เลย ภาพเหตุการณ์ปะติดปะต่อ แต่ไม่ชัดเสียทีเดียว เธอพยายามนึก พยายามที่จะเค้นความคิด ‘ผู้ชายคนนั้น’ เป็นใคร เธอรู้จักเขาไหม? ไม่เลย... เธอไม่เคยแม้แต่เห็นหน้า ไม่เคยรู้จักมักจี่ แต่อะไรชักพาล่ะ ทำไมเธอตื่นขึ้นมาบนเตียงเดียวกับเขา “ไอ้เพื่อนบ้ากรอกเหล้าฉันจนเมาหัวทิ่มเลย” เธอบ่นพึมพำ เพราะการออกไปเที่ยวครั้งแรก ทำให้เธอสูญเสียบางสิ่ง เท่าที่เมรีจำได้ หลังมองหน้าผู้ชายคนนั้นจนจำได้ขึ้นใจ เธอรีบเผ่นออกจากที่แห่งนั้นแบบไม่คิดชีวิต อย่างน้อยก็หนีไปตั้งหลักไกลๆ ก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน เมรีพยายามลืม แต่ไม่เคยลืมได้สักครั้ง เธอโล่งใจไปหนึ่งเปราะ ผู้ชายคนนั้นก็ไม่เคยโผล่มากวนใจ ให้เธอปวดหัวซ้ำ ช่างเถอะ...ถือเสียว่าถึงคราวซวย คิดเสียว่า ‘หมาเดินมาเยี่ยวใส่หลังเท้า’ เมรีสะบัดหน้าแรงๆ ไล่ความคิดสับสนในใจทิ้ง แต่แล้วอาการในร่างกายก็ทำให้เธอตระหนก อาการผะอืดผะอมเหมือนอยากจะคายของเก่าในช่องท้อง เหงื่อแข่งกันผุดขึ้นมาเหนือเนินหน้าผาก เมรีใจหายแว๊บ!! ‘เธอคงไม่ถึงคราวซวย’ ใช่ไหม เมรีควานมือหาถ้ำยาดมมาจ่อที่ปลายจมูก เธอสูดกลิ่นสมุนไพรแรงๆ จนอาการที่เกิดขึ้นบรรเทาลง จากนั้นก็รีบสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ เพื่อดูบันทึกความทรงจำที่ตนเองตั้งไว้ ‘เวรแล้วไหมล่ะ’ กากบาททับบนวันที่ที่เป็นวันแดงเดือด วันที่เคยเป็นทุกเดือน แต่เดือนนี้กลับหายไปดื้อๆ เธอจะไม่มานั่งกลุ้มใจเลย หากไม่เกิดอุบัติเหตุบ้าๆ กับตัวเอง ทุกครั้งหากวันสำคัญไม่มา เมรีก็แค่หัวเราะ ต่อให้คลาดเคลื่อนไปเป็นเดือนก็ไม่เดือดร้อนสักนิด เธอไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางกายกับเพศชาย แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ไง... ครั้งนี้เพราะมันมีปัญหา เมรีเลยเริ่มร้อนใจ “เมรี ทำไมหน้าซีดจังวะแก?” เบญจา เพื่อสนิททักเสียงแหลม เมรีเงยหน้ายิ้มกร่อยๆ ให้ “เบญ เราจะซวยไหมวะ?” เสียงอ่อยๆ สีหน้าหงอยๆ ของเพื่อน เบญจาเลยลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้า จับมือเมรีมากุมไว้ พร้อมกับพลอยถามเสียงอ่อยไปด้วย “เมนไม่มาเหรอรี?” เมรีไม่เคยมีความลับกับเพื่อน เรื่องวุ่นวายวันนั้น มีเบญจาและไพลินรู้เรื่องอย่างละเอียด เหมือนเผชิญเหตุการณ์วันนั้นมาด้วยกัน ใบหน้าเล็กๆ ผงกขึ้นลง พร้อมกับเสียงถอนใจแรงๆ “ไปตรวจกัน เดี๋ยวฉันแวะไปชวนไพลินไปด้วย” อะไรจะเกิดมันย่อมเกิด แต่ควรมีสติตั้งรับ เบญจาภาวนาเอาใจช่วย ขอให้ความซวยของเพื่อน เป็นแค่เรื่องที่แอบกังวลไปเอง แต่...โชคไม่เข้าข้างเมรีเลย ผลตรวจออกมาค่อนข้างชัดเจน เธอท้อง... สามสาวนั่งหน้าซีดพอๆ กันในร้านกาแฟไม่ไกลจากคลินิก ใบตรวจครรภ์วางอยู่ตรงหน้า พร้อมกับยาบำรุงที่พยาบาลจัดให้ “เอาไงดีเมรี เอาไว้ หรือเอาออก?” ไพลินถามเสียงเคร่ง สีหน้าทุกคนพลอยเคร่งเครียดไม่ต่างกัน “บ้าเหรอลิน นี่ ‘ลูก’ ฉันนะ” เมรีครางเสียงหลง เด็กไม่ผิด ผิดที่เธอเอง อย่างน้อยเขาก็อยากมาเกิด แล้วเธอมีสิทธิอะไรไปทำลายเขาทิ้ง “ไหวเหรอวะ แม่เลี้ยงเดี๋ยวมันไม่ง่ายเลยนะ กับเศรษฐกิจวิบัติแบบทุกวันนี้” ข้าวยาก หมากแพง ค่าแพมเพิส ค่านม ค่ายา ค่ากินอยู่ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียว “ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ตัดสินใจ ยังพอมีเวลาน่า” เบญจาส่งสายตาปรามไพลินไว้ เรื่องนี้ต้องใช้ความคิด วู่วามไม่ได้ “ไม่ต้องคิดหรอก ฉันจะเอาเขาไว้ ฉันเลี้ยงได้ ไหวอยู่แล้ว” ไม่ค่อยมั่นใจหรอกว่าตัวเองไหวหรือเปล่า แต่เธอทำลาย ‘เขา’ ไม่ลง เลือดก้อนนี้อยู่ในอกเธอแล้วนะ เธอไม่ใช่คนใจดำ ใจยักษ์ใจมารอะไรนี่ “เอางั้นเหรอ ไหวแน่นะ” เบญจาถามย้ำ เธอไม่ได้คัดค้าน เพราะรู้นิสัยเมรีดี “ไม่รู้เหมือนกัน แหมแก...พ่อ แม่ยังเลี้ยงเรามาได้เลย ทำไมฉันจะเลี้ยงไม่ได้ล่ะ ลูกคนเดียวเอง” “โชคดีที่พ่อแม่แกชิงไปสวรรค์ก่อน ไม่งั้นคงลมจับ” ไพลินบ่นอุบอิบ ที่ห่วงเพราะเมรีตัวคนเดียวนั่นแหละ บิดามารดาเมรีชิงหนีไปบนฟ้า ปล่อยบุตรสาวแก่นแก้วเผชิญโลกวุ่นวายแค่คนเดียว “โชคดีอีกเรื่อง...ที่ฉันไม่ต้องผ่อนบ้านเหมือนพวกแกไง” เมรีฝืนยิ้ม มือเรียวเล็กวางบนหน้าท้อง สายใยที่เริ่มถักทอ ทำเอาเธอน้ำตาซึม อย่างน้อย...เธอก็จะมีญาติ ญาติที่เป็นญาติสนิทจริงๆ สำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างตนเอง เรื่องราวครั้งหลัง ทำให้เมรีครองตัวเป็นโสด บิดา มารดาไม่ได้จากไปเหมือนชาวบ้านชาวช่องปกติทั่วไป มันมีเรื่องสะเทือนใจ และเป็นสาเหตุหลักให้เมรีเข็ดการเริ่มต้น และการมีครอบครัว มันเป็นเรื่องตลกขบขันสำหรับคนอื่นๆ รอบตัวเธอ บิดาจอมเจ้าชู้ พากิ๊กหลบสายตามารดาของเธอไปแสวงหาความสุขในที่ลับๆ แต่มารดาที่แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นมาตลอดชีวิต เนื่องจากความรักที่มีต่อตัวสามี ความอดทนเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และความอดทนที่ถึงจุดสิ้นสุด เรื่องเลยแย่ลงเรื่อยๆ วันสำคัญของเมรี ควรมีแต่เรื่องน่ายินดี เมรีไม่คิดสักนิด วันที่เธอควรมีความสุข กลับมีแต่คราบน้ำตา เธอหอบความสำเร็จกลับมาอวดบิดา มารดา เมรีกลับได้รับข่าวร้ายแทน เจ้าหน้าที่บอกข่าวร้ายให้เมรีรับรู้ เมรีแทบล้มทั้งยืน บิดาถูกมารดาปลิดชีพด้วยอาวุธร้ายแรง แล้วฆ่าตัวตายตาม เสียงก่นด่าของญาติ ‘ผู้หญิงอีกคน’ ของบิดาดังลั่น เมรีกลั้นน้ำตาไว้ แล้วเดินเข้าไปถามตรงๆ “ด่าไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรหรอกค่ะ พ่อ แม่ฉันไม่อยู่แล้ว ความจริง ลุงกับป้าก็น่าจะทำใจได้นะ ลูกของลุง ‘แทรก’ เข้ามาในชีวิตพ่อแม่ฉันเอง ในเมื่อตั้งใจเขามาเพื่อทำร้ายกันแบบนั้น สมควรแล้วล่ะกับความระยำที่เกิดขึ้น มือที่สามน่ะ ไม่มีใครเจริญหรอกนะคะ แย่งผัวเขา แล้วจะมาถามหาความยุติธรรมจากใครล่ะ?” ใช่เลย ผู้หญิงคนนั้นมาร้องแล่แหกเชอเพื่อทวงสมบัติอันน้อยนิดจากบิดาของเธอ ฝันไปเถอะ...หล่อนเป็นสาเหตุหลักให้พ่อ แม่เธอสิ้นใจ แหกปากให้ปากฉีก เมรีก็ไม่คิดจะเจือจารให้ ผู้หญิงพวกนี้ สมควรถูกประณามมากกว่า เมรีดึงสติตนเองกลับมาในโลกปัจจุบัน อดีตก็เป็นแค่อดีต เธอถูกผู้หญิงคนนั้นตามรังควานอยู่หลายปี กว่าหล่อนจะยอมล่าถอย สักบาทสักสลึงก็ไม่มีทางกระเด็นไปให้หรอก ‘อยากได้ไปฟ้องเอา’ เมรีบอกผู้หญิงคนนั้นไปแบบนั้น “เอาไงก็เอา พวกเราจะช่วยเธอ เลี้ยงเด็กคนนี้เอง” เมื่อเมรียืนกราน ใครล่ะจะคัดค้านได้ หลังปลงตก สามสาวก็ช่วยกันวางแผน จากนี้ไปเมรีต้องระมัดระวัง และดูแลตัวเองมากขึ้น ไอ้ชา กาแฟนี่ คงต้องงดกันยาว เนื่องมาจากมีผลกับเด็กในครรภ์นั่นเอง เกือบสามเดือนที่ชินแล้วกับคำถามโดยตรงหรือแบบอ้อมๆ จากเพื่อนร่วมงานหรือคนรู้จัก “เมรี เธอแต่งงานตอนไหนเหรอ?” “สามีเธอคนไหนล่ะ?” “หนูๆ ท้องจริงๆ เหรอจ้ะ” และเพราะเมรีเป็นสาวแกร่งที่ไม่ใคร่จะแคร์ปากคนเท่าไหร่ ในที่สุดคนรอบตัวก็เริ่มหมดความสนใจ เมื่อมีเรื่องใหม่น่าสนใจกว่าเข้ามาแทน “ไอ้พวกปากหอยปากปูหมดความสนใจแกแล้วแหละเมรี” ไพลินวางถุงแตงโมไว้ตรงหน้าเพื่อน ช่วงนี้เมรีกินได้แต่ผลไม้ อาการผะอืดผะอมก็ไม่เคยมีให้เห็น ยกเว้นสรีระที่เริ่มขยายมากขึ้นจนเห็นชัด “ทำไมล่ะ?” ไม่ได้สนใจนักหรอก เมื่อยัดแตงโมใส่ปาก แค่ถามตามความเคยชินเฉยๆ “ก็หนุ่มแบงค์ข้างๆ สำนักงาน คนที่เพิ่งย้ายมาใหม่คนนั้นไงล่ะ ดึงความสนใจจากแม่พวกปลากะดี่พวกนั้นไปจากแกจนหมด” “อ๋อ...” เมรีครางยาวๆ ไม่ได้สนใจจริงจัง ยัดแตงโมใส่ปากเหมือนกับหิวเสียเต็มประดา ทั้งที่ของกินของตนเองไม่เคยขาดปาก “นอกจากผลไม้แล้ว มีอะไรที่พอจะกลืนลงไปได้อีกมั่ง” เบญจาเดินผ่านมาพอดี อดไม่ได้ที่จะสัพยอกเพื่อน “ไม่มี แต่ฉันก็พยายามฝืนกินข้าวนะ ฉันอยากให้ลูกแข็งแรง” เมรีตอบ เธอกับเพื่อนศึกษาการเลี้ยงเด็กผ่านหนังสือ และตามเวปต่างๆ ไม่มีใครมีประสบการตรงตัวสักคน สามสาวล้วนแล้วแต่เป็นสาวโสด ที่พยายามเกาะคานไว้อย่างเหนียวแน่น เมรีเองก็เช่นกัน เธอมีปณิธานในใจ หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงนัก เมรีตั้งใจ เธอจะไม่ขอมีสามี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD