7-2 พันธสัญญาแรก

1600 Words
จิ่วเหมยฮวารู้สึกเหมือนเห็นงูขาวตัวเล็กยักคิ้วเหมือนเด็กได้ใจยังไงยังงั้น คำถามจากงูขาวทำให้นางรู้สึกว่าข้าเลือกได้หรือถามแปลกๆ จากนั้นงูขาวก็กลายร่างเป็นเด็กชายอวบอ้วนหน้าตาน่าเอ็นดู ผิวขาวราวหยกสวมใส่ชุดสีขาวหรูหรา รวบผมปักปิ่นหยกขาว เจ้านี่ล้วนนิยมสีขาวแม้กระทั่งรองเท้ายังเป็นสีขาว ก้าวเข้ามาหยุดห่างเพียงก้าว เงยหน้าขึ้นมอง “ข้าคือมังกรขาว ปีนี้อายุห้าร้อยปี มีเคราะห์ต้องลงมาอยู่ในโลกมนุษย์โดยอยู่ในรูปลักษณ์งู จนกว่าจะพบผู้มีวาสนาที่วิญญาณเกือบดับสูญและมีจิตใจบริสุทธิ์ กายบริสุทธิ์ ครบทั้งสามเงื่อนไขรับข้าเป็นผู้พิทักษ์และช่วยข้าสะสมบุญบารมี เมื่อนั้นข้าจึงมีโอกาสมีรูปลักษณ์ขึ้นได้อีกครั้ง และเมื่อทำพันธะสัญญาแล้วหากเจ้าดับสูญข้าก็ดับสูญเช่นกัน" “ข้ามีครบทั้งสามเงื่อนไขสินะแล้วถ้าเจ้าดับสูญ ข้าต้องตายไปกับเจ้าด้วยไหม เจ้าหนู” “อย่าเรียกแบบนั้น ข้าอายุห้าร้อยปีแล้วนะ ใช่ไม่ว่าเจ้าหรือข้าใครตายอีกคนย่อมต้องสูญสลายไปด้วย” เจ้าเด็กมังกรนี่งอนแล้ว ทำแก้มป่องหน้ามีสีแดงนิดๆ เอียงข้างหลบไม่มองหน้าตนเองดูท่าจะโกรธจริง นั่นเป็นสิ่งที่จิ่วเหมยฮวามองเห็นและคิดไปเอง มังกรขาวไม่บอกนางว่าหากทั้งสองฝ่ายต่างยังอยู่นั่นย่อมมีอายุที่ยืนยาวกว่ามนุษย์ทั่วไปแต่ทำไมเขาจะต้องบอกนางกันเล่า “ได้ๆ เจ้าบอกมาข้าต้องทำอย่างไร” “ใช้เลือดของเจ้า ตอนนี้เจ้าหมดสติ ข้าจะทำเองเพียงเจ้ากำหนดจิตอนุญาตทำพันธะสัญญาเท่านั้น” “ได้” ภายนอกสิ่งที่จิ่วเอ๋อร์ได้เห็นคือเจ้างูขาวเลื้อยออกจากถุงขึ้นไปพันบนข้อมือขาวซีดของจิ่วเหมยฮวา พลางใช้หัวเช็ดไปที่เลือดสดบนมือของนางพลันมีแสงสีขาวสว่างจ้าเป็นวงล้อมจิ่วเหมยฮวาและมันไว้ จิ่วเอ๋อร์นางตกใจพลางหันไปหาเจ้านกยักษ์ที่ผงกหัวเหมือนอยากให้นางถอยออก นางจึงขยับตัวจิ่วเหมยฮวาวางศรีษะบนห่อผ้าให้นอนราบลงไป ร่างที่นอนเหยียดยาวค่อยๆลอยขึ้น แสงนั้นดูอบอุ่นไม่นานแสงก็ค่อยๆลดลงจนหายไปและร่างนางค่อยๆ ลดต่ำลงมานอนกับพื้นเช่นเดิม เมื่อแสงหายไปสีหน้าของนางยังคงซีดเซียวแต่เลือดไม่ไหลออกจากปากแล้ว ชั่วครู่จิ่วหมยฮวาค่อยๆส่งเสียงครางออกมาทำให้รู้ว่าฟื้นแล้ว “น้ำ” จิ่วเอ๋อร์ดีใจ ลนลานไปหมดรีบหาใบไม้ไปนำน้ำจากริมลำธารใกล้ๆ มาค่อยๆหยอดใส่ปาก “ศิษย์น้อง ฮวาเอ๋อร์ เจ้า เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง นอนพักอีกสักหน่อยนะ” “ไม่ ข้าไหว พวกเราต้องรีบนำสมุนไพรทั้งสองกลับอาราม บางทีอาจจะมีสัตว์อสูรพวกนั้นตามมาเอาต้นหญ้าแสงจันทร์ทมิฬก็ได้ อีกอย่างท่านอาจารย์อาจรอไม่ไหว” จิ่วเหมยฮวากลั้นใจพูดนางบาดเจ็บและเหนื่อยแต่นางยังพักไม่ได้ ดังนั้นไม่อาจตามใจจิ่วเอ๋อร์ศิษย์พี่ที่เป็นห่วงเป็นใยนางได้ สองคนพยุงกันลุกขึ้นมานกยักษ์ทั้งสองพามาส่งจนสุดชายป่าสัตว์อสูรเมื่อบอกลากันเรียบร้อยจึงพากันเดินจากมา เริ่มเข้าสู่เขตป่าหลังอารามแต่พวกนางยังต้องเดินออกจากเขากันอีกไกล เป็นจิ่วเอ๋อร์ที่พยุงกึ่งแบกจิ่วเหมยฮวาที่มีเพียงสติแต่ไร้เรียวแรงจะพยุงตัว เดินๆหยุดๆ สะดุดบ้างล้มบ้างเกือบ “ฮวาเอ๋อร์เจ้าอดทนไว้ อีกไม่ไกลพวกเราจะถึงอารามแล้ว ข้า ข้าจะให้อาจารย์รองรักษาเจ้า ฮือฮือ อย่าตายนะ ฮือฮือฮือ สองวันก็มองเห็นอารามอยู่ในสายตาลิบๆ นัยน์ตาของจิ่วเอ๋อร์มีน้ำตาเอ่อขึ้นมาจะไหลตลอดเวลา นางต้องกลั้นไว้สองวันนี้นางทุกข์มากกังวลกลัวว่าศิษย์น้องเพียงคนเดียวของนาง ฮวาเอ๋อร์จะไม่รอด เมื่อมองเห็นประตูอารามอยู่่ในสายตานางก็ยิ้มกว้างออกมาทันที ในที่สุดนางก็พาศิษย์น้องกลับมาอารามได้แล้ว ส่วนเจ้างูขาวที่พันรอบข้อมือฮวาเอ๋อร์ตั้งแต่เวลานั้นจนบัดนี้ยังไม่ขยับตัวประหนึ่งกลายเป็นหินไปแล้ว จิ่วเอ๋อร์ก็ไม่ได้ใส่ใจมันมีเพียงศิษย์น้องของนางเท่านั้นสำคัญที่สุดในเวลานี้ “อาจารย์อารอง” “จิ่วเอ๋อร์ พวกเจ้าสองคนหายไปไหนกันมา” “ท่านอาจารย์สี่ อาจารย์รองอยู่ที่ใด ศิษย์น้องนางได้รับบาดเจ็บ” “มาข้าช่วยเจ้าพยุงนางเข้าไปด้านในก่อน อาจารย์อารองของเจ้าน่าจะเฝ้าศิษย์พี่อยู่ที่ให้เดี๋ยวให้คนไปตามมาดูอาการของนาง” “ไปห้องไหนดีเจ้าคะ” “ไปห้องนางเถอะ” “เจ้าค่ะ” อาจารย์อารองรีบมาทันทีที่ได้รู้เรื่อง นางรีบตรวจอาการของจิ่วเหมยฮวาส่วนจิ่วเอ๋อร์นางเหม่อมองเตียงนอนที่มีร่างของจิ่วเหมยฮวานอนเหยียดยาวอยู่ เมื่อถูกอาจาย์อาสิบเอ็ดถามเรื่องราวว่าเป็นมาอย่างไรจึงมีสภาพน่าอนาถกลับมาเช่นนี้ “พวกเราสองคนหลบออกจากอารามไปเพราะตั้งใจไปหาสมุนไพรวิเศษทั้งสองชนิด เลยจากเขตป่าที่พวกท่านเคยสั่งไว้ไปไกลมากพวกเราเดินไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียวผ่านไปหลายวันก็ได้พบกับสถานที่แห่งแรกเป็นหุบเหวลึก พวกเราโชคดีพ่อนกยักษ์ช่วยเหลือจึงได้โสมพันปีกลับมา” “นกยักษ์ คงไม่ใช่สัตว์อสูรหรอกนะ” “เกรงว่าจะใช่เจ้าค่ะ เพียงแต่พวกเราช่วยลูกนกไว้ทำให้พวกมันไม่ทำร้ายและยังช่วยเหลือเราสองคนอีกด้วยแต่ว่าที่อยู่ของต้นหญ้าแสงจันทร์ทมิฬมีสัตว์อสูรหลายชนิดแย่งชิงจึงทำให้พวกเราสองคนได้รับอันตราย ฮวาเอ๋อร์นางอยู่ใกล้จึงบาดเจ็บหนักกว่าข้า ฮึก ฮือฮือ” “ไม่ต้องร้องไห้แล้ว เจ้าพานางกลับมาถึงที่นี่ได้แล้วไม่เป็นไรแล้ว ศิษย์พี่รองต้องรักษานางได้แน่นอน” “เจ้าค่ะ ข้าก็คาดหวังไว้เช่นนั้น” อาจารย์อารองใช้สายตาคมเหลือบมามองนางเพียงแวบเดียว จิ่วเอ๋อร์สบสายตาก็รู้สึกว่าตนเองถูกดุจึงก้มหน้าลง “ในเมื่อเจ้าว่าได้สมุนไพรวิเศษทั้งสองชนิดมาแล้วก็นำมาให้ข้า จะได้ปรุงโอสถให้อาจารย์ของเจ้า” จิ่วเอ๋อร์รีบคลายห่อผ้าที่คล้องไว้ด้านหน้าวางลงบนโต๊ะ “นี่เจ้าค่ะ อาจารย์รอง ข้าพยายามดูแลมันอย่างดี” “อืม ข้าจะรีบนำไปปรุงโอสถให้อาจารย์ใหญ่และจิ่วเหมยฮวา เจ้าก็ไปทำความสะอาดร่างกายแล้วพักผ่อนซะ” “ข้าขอไปดูอาจารย์แล้วกลับมาเฝ้านางได้หรือไม่เจ้าคะ” “ถ้าเจ้าคิดว่าร่างกายเจ้ารับไหวก็ตามใจเจ้า” “ขอบคุณท่านอาจารย์อารอง” เวลาผ่านไปสามวัน อาจารย์ใหญ่มีอาการดีขึ้นสามารถทานโจ๊กได้แต่ยังไม่มีแรงพอที่จะลุกลงจากเตียง แม้จะไม่สามารถมาที่ห้องของจิ่วเหมยฮวาได้ แต่ก็กำชับให้ทุคนและจิ่วเอ๋อร์ค่อยเอาใจใส่เด็กสาวที่ได้รับบาดเจ็บจนยังไม่ฟื้นขึ้นมา ตั้งแต่กลับมาถึงอารามจิ่วเหมยฮวาก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา ร่างกายได้รับบาดเจ็บภายในและภายนอก จิตวิญญาณถูกทำร้ายเสียหายมากต้องใช้เวลาพักรักษาตัวอีกนาน ทั้งๆที่อยากมาดูอาการ จิ่วเอ๋อร์ถูกซักถามจากบรรดาอาจารย์ทั้งหลายและว่ากล่าวตักเตือนในฐานะที่เป็นศิษย์พี่ไม่เพียงไม่ห้ามปรามศิษย์น้อง ยังหนีตามออกจากอารามไปด้วยกันจนได้รับอันตรายกลับมาทั้งคู่ อาจารย์รองยอมให้นางดูแลจิ่วเหมยฮวาจนกว่าจะฟื้นแล้วค่อยรับการลงโทษทั้งคู่ ตัวนางบาดเจ็บเล็กน้อยกินยาทายาบาดแผลภายนอกก็ทุเลาลงเพียงสองวันอาการก็ดีขึ้นเกือบหายเป็นปกติ จิตวิญญาณเสียหายไม่มากเพียงบำเพ็ญเข้าสมาธิไม่นานพลังก็ฟื้นขึ้นมาได้ จิ่วเหมยฮวาเพราะจิตวิญญาณโดนทำร้ายร่างกายอ่อนแอยังไม่ได้สติ แต่จิตวิญญาณนางรู้สึกได้ว่าตัวนางเวลานี้นั่งบนเบาะในพื้นที่โล่งที่ขาวโพลนไปหมดในสภาพจิตวิญญาณไร้กายเนื้อกำลังนั่งคุยอยู่กับเจ้าเด็กน้อยมังกรขาวที่กำลังเล่าถึงสาเหตุที่ตนเองถูกสาปเพราะไปวุ่นวายในศาลาที่เทพชั้นสูงสองท่านกำลังเล่นหมากรุก เป็นเหตุให้หมากกระดานนั้นเคลื่อนที่ไปจากทิศทางที่ควรจะเป็น (ทำให้เทพดวงชะตาวางหมากผิด) กระทบต่อชีวิตของมนุษย์หลายๆคนที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ควรเป็นจึงต้องรับโทษลงมาครบสามพันปีจึงจะได้กลับสวรรค์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD