บทที่ 03
เพื่อน เจ้านาย เจ้าหนี้ [2]
แม้ระยะทางจากร้านกาแฟที่นัดกันไว้จะอยู่ไม่ไกลจากคอนโดของภูมิพัฒน์สักเท่าไร แต่ก็ไม่ได้ใกล้ กว่าจะกลับถึงคอนโดพลอยกะรัตก็เสียเหงื่อไปหลายลิตร แต่เงินสดในกระเป๋าก็มีไม่พอจะให้เธอจ่ายเป็นค่าแท็กซี่หรือแม้แต่ซื้อของกินที่อยากจะกิน แม้แต่กาแฟสักแก้วก็ยังต้องให้หยาดทิพย์เป็นคนจ่าย ตอนนี้อะไรที่ไม่จำเป็นเธอก็พยายามจะตัดออกไปให้มากที่สุดเพราะยังไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าที่เรื่องนี้จะจบลง
ตื๊ดดด
ระหว่างที่กำลังเดินกลับโทรศัพท์ของเธอก็สั่นขึ้นมา ทีแรกเธอคิดว่าเป็นภูมิพัฒน์โทรมาตาม แต่เมื่อหยิบขึ้นมาแล้วเห็นว่าเป็นปราชญ์เปรื่อง รุ่นพี่ที่สนิทกับเธอมาตั้งแต่สมัยเรียน และตอนนี้ยังเป็นนายจ้างของเธออีกด้วยเธอจึงรีบกดรับ
“สวัสดีค่ะพี่ปราชญ์สุดหล่อ”
[สวัสดีครับ น้องพลอยกะรัตสุดสวย] อีกฝ่ายหยอกกลับมาพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างทุกที
“มีอะไรให้น้องพลอยกะรัตสุดสวยคนนี้รับใช้เหรอคะ”
[น้องพลอยสุดสวยก็พูดเวอร์ไปค่ะ พอๆๆ พี่ว่าเราเลิกเล่นกันดีกว่า เข้าเรื่องเถอะ เดี๋ยวพี่จะขำจนลืม]
“ได้สิคะ พี่ปราชญ์มีอะไรเหรอคะ หรือว่าลืมบอกอะไรพลอยเกี่ยวกับรายละเอียดงานที่ต้องการ” พลอยกะรัตรีบถามพลางก้มมองถุงข้าวของในมือ เงินสดเธอมีไม่มาก และตอนนี้เกินครึ่งถูกแบ่งจ่ายเป็นค่าเครื่องดื่มของปราชญ์เปรื่องที่เธอเพิ่งจะซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อและพร็อพสำหรับถ่ายรูปไปแล้ว ซึ่งค่าใช้จ่ายทุกอย่างจะนำไปเบิกกับปราชญ์เปรื่องหลังจากที่งานเสร็จเรียบร้อย
นี่น่าจะเป็นการลงทุนครั้งแรก จากเงินทุนที่เหลืออยู่ในชีวิตของเธอเลยทีเดียว
[จะอะไรเสียอีกล่ะ พี่มัวแต่บอกนั่นบอกนี่จนลืมเอาตัวโพรดักส์ไปให้พลอยน่ะสิ เดี๋ยวพี่แวะเอาไปให้ที่คอนโดก็แล้วกัน]
“มะ ไม่ต้องค่ะ พลอยซื้อมาแล้ว”
[นั่นไงล่ะ พี่นี่แย่จริงๆ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่ซื้อขนมไปฝากแทนก็แล้วกัน]
“มะ ไม่เป็นไรค่ะพี่ปราชญ์ วันนี้พลอยต้องทำโอที ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับคอนโดกี่โมง เอาเป็นว่าเดี๋ยวพลอยจัดการเองก็แล้วกันนะคะ ถ้าติดปัญหาตรงไหนพลอยจะโทรหาพี่เลย แต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร ถ้าเรียบร้อยแล้วพลอยจะส่งให้พี่เช็กก่อน แล้วเพิ่มเติมตรงไหนหรือพี่ชอบหรือไม่ชอบยังไงค่อยว่ากันอีกที”
[พี่เชื่อมือพลอย]
“น่ารักที่สุด ถ้างั้นเอาตามนี้แล้วกันนะคะ ส่วนเรื่องขนม เอาเป็นว่าพี่ปราชญ์ติดพลอยไว้แล้วกัน เจอกันต้องชุดใหญ่เลยนะ อย่าเสียชื่อพี่ปราชญ์สายเปย์เด็ดขาด”
[เหอะ เรานี่มันเห็นแก่กินจริงๆ โอเคๆ ตามนั้นค่ะน้องพลอยสุดสวย ถ้างั้นพี่ไม่รบกวนเวลางานน้องพลอยแล้วนะคะ ขอบคุณที่สละเวลามารับจ็อบถ่ายรูปสินค้าให้พี่ค่ะ]
“นายจ้างหล่อ แถมยังได้ค่าเสียเวลาดีแบบนี้ ใครไม่รับก็บ้าแล้ว บายค่ะพี่ปราชญ์สุดหล่อ” พลอยกะรัตวางสายทั้งรอยยิ้ม
แม้จะยังมีหลายเรื่องให้กังวลและต้องสะสาง แต่ในเวลาที่ต้องพบปะหรือว่าพูดคุยกับคนอื่น เธอก็ไม่ได้อยากจะบอกเล่าปัญหาของเธอหรือแสดงออกให้พวกเขาได้รับรู้มันสักเท่าไร น่าจะมีแต่หยาดทิพย์คนเดียวที่เธอเลี่ยงไม่ได้เพราะยอมรับว่าต้องพึ่งพาจริงๆ
“อุ้ย!”
หันกลับมาอีกทีก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อไม่คิดว่าภูมิพัฒน์จะเดินตามมาทางด้านหลัง ท่าทางเขาเหมือนจะเพิ่งจะกลับจากบริษัท เพราะตอนนี้เลยเวลาเลิกงานมาได้สามชั่วโมงแล้ว เธอนัดกับหยาดทิพย์ที่ร้านกาแฟหลังเลิกงานน่ะ เดิมทีคิดว่าเขาจะกลับมาถึงคอนโดก่อนเธอกลับมาเสียอีก
“คุณเพิ่งกลับเหรอคะ”
จำใจถามเพราะไม่อยากให้บรรยากาศเงียบจนน่าอึดอัด
สายตาที่เขามองเธอเมื่อครู่ดูบึ้งตึงราวกับว่าเธอทำอะไรผิด ทั้งที่ก่อนจะออกไป เธอก็ขออนุญาตเขาแล้ว และเธอก็รีบกลับ ไม่ได้เถลไถลที่ไหน ทำตามที่รับปากกับเขาเอาไว้ทุกอย่าง
“ไปไหนมา”
“ไปหายัยทิพย์ที่ร้านกาแฟค่ะ คุยกันนิดหน่อยเพราะฉันไม่อยากให้มันเป็นห่วง แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก อะไรที่คุณไม่ให้พูดฉันก็ไม่ได้พูด เสร็จแล้วก็รีบกลับมานี่แหละค่ะ ไม่ได้เถลไถลด้วย” เธอพยายามอธิบาย
“แล้วทำไมเหงื่อท่วมแบบนั้น นั่นกระเป๋ากับถุงอะไรเยอะแยะ”
“เอ่อกระเป๋าเสื้อผ้าค่ะ นี่โน้ตบุ๊กกับกล้อง ให้ยัยทิพย์เอามาให้ ส่วนถุงนี่น้ำผลไม้ ฉันชอบ” เธออ้างอย่างนั้น ทุกคำตอบของเธอฉะฉานและตรงไปตรงมาจนเขาดึงหน้าใส่เหมือนจะไม่พอใจที่จับผิดเธอไม่ได้
“ฉันไปได้รึยังคะ”
“ยัง”
“มีอะไรจะถามอีกคะ” พลอยกะรัตดึงหน้าเซ็งใส่ พูดขนาดนี้ แจกแจงรายละเอียดจนแทบจะรายงานเป็นวินาทีอยู่แล้ว ทำไมเขาถึงยังมองเหมือนคิดว่าเธอโกหกก็ไม่รู้
“เมื่อกี้นี้คุณคุยโทรศัพท์กับใคร”
“เอ่อ...”
“แฟน?”
“ปะเปล่าค่ะ ฉันยังไม่มีแฟน”
“อ้อ คนคุยงั้นสิ”
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพลอยกะรัตถึงได้ตอบคำถามนี้ไม่ถูก ทั้งที่ความจริงแล้วเธอกับปราชญ์เปรื่องก็ไม่ได้รู้สึกอะไรพิเศษต่อกันจนเกินเลยกว่าความเป็นพี่เป็นน้องเลยสักนิด
“ค่ะ ก็คุยๆ กันอยู่ค่ะ” แต่เธอก็เลือกที่จะอ้างออกไปแบบนั้นเพื่อตัดปัญหาเพราะอธิบายเขาก็คงไม่เชื่ออยู่ดี
“แล้วคุณโกหกเขาว่าอะไร”
“โกหกอะไรคะ”
“ก็เรื่องที่คุณมากินนอนอยู่กับผมน่ะสิ คุณคิดว่าเขาจะรู้หรือเปล่า เผื่อเอาไว้ว่าบังเอิญเจอกันผมจะได้หาทางหนีทีไล่ถูก” ภูมิพัฒน์แสร้งถามด้วยคำถามเดียวกันกับที่เธอพูดกับเขาเอาไว้เมื่อวันก่อน พลอยกะรัตโกรธจนตัวสั่น
“ไม่ใช่เรื่องของคุณหรอกค่ะ ถ้าคุณไม่มีอะไรจะถามฉันแล้ว ฉันขอเอาของไปเก็บก่อนก็แล้วกัน”
นี่เป็นครั้งแรกที่คนอย่างพลอยกะรัตเลือกที่จะเดินหนี ทั้งที่เธออยากจะกรี๊ดใส่หน้าเขาเต็มกลืน
คำว่าเธอกินนอนอยู่กับเขาที่พูดออกมาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกเขากดหัวเอาไว้ สายตาที่มองเหยียดหยามนั่นไม่ต่างจากก้อนหินขนาดใหญ่ที่กดทับหน้าอกตลอดเวลา เหมือนเขาตั้งใจจะบีบให้เธอค่อยๆ ขาดอากาศหายใจทีละนิดๆ
หมับ!
ข้อมือของเธอถูกเขารั้งเอาไว้ พอเธอหันกลับไปเขาก็ใช้ร่างกายที่สูงใหญ่ต้อนเธอจนเดินมาชิดตัดผนังด้านหลังทันที
ตุ้บ!
ข้าวของทุกอย่างร่วงลงไปกองอยู่ที่เพราะเธอรีบยกสองมือขึ้นมายกขึ้นมาผลักหน้าอกของเขาเอาไว้ให้ถอยออกไป แต่กลับถูกเขากระชากไปกดเอาไว้ข้างลำตัว
ภูมิพัฒน์จ้องมองใบหน้าที่กำลังตื่นตระหนกของพลอยกะรัตแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปใกล้ใบหน้าของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ จนอยู่ในระดับที่รับรู้ได้ถึงลมหายใจที่ร้อนผ่าวของเธอ
“เขาชื่ออะไร”
หัวใจของพลอยกะรัตสั่นไหว ความรู้สึกของเธอในเวลานี้เปรียบ เสมือนว่าตัวเองยืนอยู่ที่ปลายชะง่อนผา มีเขายืนอยู่เบื้องหน้าแล้วยื่นมือมา ทว่าเธอกลับรู้สึกไม่แน่ใจว่าการที่เขายื่นมือมานั้นเพราะต้องการจะช่วยเธอ หรือกำลังต้องการผลักเธอให้ตกลงไปกันแน่
“ผมถามว่าเขาชื่ออะไร”
“ชื่อพี่ปราชญ์ค่ะ เป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียน”
“เหมือนผมจะไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อน”
“คือว่า...”
“ก่อนหน้านี้เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าช่วงนี้ถ้าคุณจะติดต่อกับใคร ต้องบอกผมก่อนน่ะ” เขาถามพลางฝังปลายจมูกลงมาที่ข้างแก้ม เสียงสูดลมหายใจของเขาทำให้เธอขนลุกไปทั้งตัว
“รู้ไหมว่าการที่ผมให้โอกาสคุณกับพ่อของคุณ ผมเองก็เสี่ยงที่จะต้องเดือดร้อนไปด้วย”
“แต่พี่ปราชญ์เขา...”
“ผมไม่สน ผมรู้แต่ว่าคุณทำผิดเงื่อนไข” ภูมิพัฒน์ย้ำเสียงเข้ม และมันก็ทำให้เธอจนปัญญาที่จะอธิบาย
“จำไว้นะพลอยกะรัตว่าทุกครั้งที่คุณทำอะไรนอกเหนือจากที่เราตกลงกันเอาไว้ มันมีราคาที่คุณต้องจ่าย”
เสียงของภูมิพัฒน์แหบพร่า พลอยกะรัตตัวสั่นเทิ้ม ไม่ว่าเธอจะพยายามตั้งสติแค่ไหนก็ไม่สามารถเก็บอาการได้เลย
“ฉะ ฉัน...” พลอยกะรัตเม้มริมฝีปากแน่น เพียงแค่เขาลูบฝ่ามือจากข้อมือขึ้นมาตามเรียวแขนก็ทำให้เธอขนลุกเกรียวไปทั้งตัว
“คุณพร้อมที่จะจ่ายหรือยัง”
ไม่พร้อม หัวใจของพลอยกะรัตกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง แต่วินาทีที่เขาเคลื่อนใบหน้ามาอยู่เบื้องหน้าแล้วจ้องมองลึกเข้ามาในดวงตา ทุกคำพูดของเธอก็เหมือนจะถูกกลืนหายไปในลำคอ
“เริ่ม/อื้ออ”