ชีวิตของเธอนับจากนี้จะเปลี่ยนไปตลอดกาล ดาวประดับหิ้วกระเป๋าออกจากบ้านหลังใหญ่เพื่อมาทำหน้าที่ภรรยาให้เจ้าของไร่ภูผาหมอกและว่าที่สามีก็ลงทุนขับรถมารับเธอถึงกรุงเทพด้วยตัวเอง
ตะวัน เจ้าของร่างสูงผิวสีแทนคล้ำแดดคือเจ้าของไร่ภูผาหมอก เขาทำหน้าที่ขับรถด้วยความใจเย็น แวะปั๊มทุก ๆ สองชั่วโมงเพื่อให้คนข้างๆ เข้าห้องน้ำ แม้เธอไม่เอ่ยปากเขาก็เข้าใจ ไม่มีใครอดทนนั่งรถนาน ๆ ได้หรอก หรือไม่อาจมี ดาวประดับคนนี้ไง โตเป็นสาวดูขาวขึ้นเยอะ ปากนิดจมูกหน่อย เสียดายไม่ช่างพูดช่างเจรจาเหมือนเมื่อก่อน คงเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน
“อยากแวะซื้อของก่อนไหม พี่จะพาแวะห้างในเมือง”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เจ้าของไร่พยักหน้าแล้วเร่งความเร็วเพราะใช้เวลาทำธุระที่อำเภอเสียนานดีที่ยังไม่ค่ำมืดเสียก่อน
ทางเข้าไร่ก็เพิ่งจะลงคอนกรีตเสร็จข้างเดียวขืนชักช้าเกรงว่าฝนหลงฤดูจะเทลงมาทำให้การเดินทางล่าช้ามากกว่าเดิม
ยังไม่ทันไรฝนห่าใหญ่ก็เทลงมา ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆฝน ตะวันต้องใช้สมาธิและฝีมือการขับรถค่อนข้างมาก อาศัยความชำนาญพารถเจ็ดที่นั่งเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ระหว่างนั้นก็สังเกตคนข้าง ๆ อยู่ตลอด
ดาวประดับกำลังกลัว เธอไม่เคยพบเจอกับสถานการณ์แบบนี้ สภาวะแวดล้อมรอบข้างที่เคยอยู่อาศัยมีแต่ความสะดวกสบาย ถนนหนทางก็แสนทันสมัยไม่ใช่ลูกรังดินโคลนแบบนี้
“กลัวเหรอ”
“ทำไมไม่ทำทางให้ดี ๆ”
“กำลังทำเห็นไหมได้ครึ่งหนึ่งแล้ว” ตะวันชี้แจง เดิมทีควรเสร็จได้ตั้งนานเพราะฝนหลงฤดูนี่แหละทำให้งานล่าช้า
“ฝนตกแบบนี้ทั้งปีเลยเหรอ” อย่างน้อย ๆ บรรยากาศภายในรถก็ผ่อนคลายกว่าข้างนอก
“ประมาณนั้น” ไร่ภูผาหมอกตั้งอยู่บนเขา อากาศแปรปรวนตลอดทั้งปี หนาว ร้อน ฝน สลับกันแทบปรับตัวไม่ทัน
“อยู่ไกลจากเมืองมากไหมคะ”
“ทำไม” ตะวันรู้ว่าคุณหนูอย่างดาวประดับเคยชินกับความสะดวกสบาย คงต้องปรับตัวอีกมากกับการเข้ามาเป็นนายหญิงของไร่ภูผาหมอก เธอจะต้องเรียนรู้งานและต้องปรับพฤติกรรมการอยู่อาศัยอีกเยอะ อาหารกินของที่นี่ก็มีไปตามฤดู นาน ๆ ครั้งจะออกเมือง หวังว่าเมียของเขาจะเรียนรู้และเข้าใจได้เร็ว
“เผื่ออยากซื้อของ” เธอตอบเสียงเบา ไม่นึกว่าหนทางจะไกลจากความเจริญขนาดนี้ ทอดถอนหายใจจนเหนื่อยก็ยังไม่ถึงสักที
“อยากได้อะไรก็บอก แต่จะให้พาเข้าเมืองพร่ำเพื่อคงไม่ได้” เขาบอกตามตรงไม่อ้อมค้อม ที่นี่จะมีแม่บ้านและแม่ครัวเธอจะอยู่อย่างสบายและไม่อดตายแน่นอน ที่ไร่จะมีรถออกไปซื้อของอาทิตย์ละครั้งหากมีความจำเป็นจริง ๆ ย่อมได้ ไม่ได้หักห้ามแต่อย่างใด
ยังดีที่วันอาทิตย์มีตลาดนัดเล็ก ๆ ให้คนในไร่ได้เดินซื้อของ ตะวันเริ่มเป็นห่วงภรรยาหมาดๆ ของตน ถ้าเธออยู่ไม่ได้ขึ้นมาจะทำอย่างไร
“ดาวแค่อยากรู้ค่ะ แต่คงไม่มีของจำเป็นอะไรที่ดาวอยากได้แล้ว”
“อยู่ในไร่ดาวต้องช่วยพี่ทำงาน ดาวเป็นเมียพี่แล้ว ช่วยทำหน้าที่ให้คุ้มกับค่าน้ำมันพี่ด้วยนะ” ตะวันพูดติดตลกแต่คนฟังไม่ตลกด้วย ความหมายที่เธอเข้าใจคือให้คุ้มกับเงินที่เขาจ่ายไปให้กับครอบครัวของเธอต่างหาก
ดาวประดับยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ครอบครัวได้ทุกอย่างกลับคืนมา
ยอมเก็บเสื้อผ้าขึ้นรถมากับผู้ชายที่ยื่นมือเข้ามาดึงครอบครัวเธอให้หลุดพ้นจากการล้มละลาย ยอมจดทะเบียนสมรสเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยไม่อิดออด ยังไม่รู้เลยว่าวันข้างหน้าความสัมพันธ์ของเขาและเธอจะเป็นเช่นไร
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ดาวยินดีชดใช้ทุกบาททุกสตางค์ให้พี่ตะวันอยู่แล้ว”
“ดาว”
“พี่ตะวันไม่ต้องพูดดีกับดาวก็ได้ค่ะ พ่อดาวเคยทำไม่ดีกับพี่ขนาดนั้น ถึงเวลาที่พี่ต้องแก้แค้นแล้วใช่ไหม ดาวไม่กลัวหรอกนะความลำบาก” บางสิ่งบางอย่างถูกเก็บซ่อนไว้ภายใน ดาวประดับรู้เรื่องราวระหว่างบิดาและตะวันก่อนขึ้นรถมา เธอรู้มาว่าตะวันไม่ได้ช่วยเพราะอยากช่วย
แต่ช่วยเพราะต้องการแก้แค้น เรื่องในอดีตทำให้เธอนั่งเงียบมาตลอดทาง และเป็นเหตุทำให้เธอมองพี่ชายที่แสนดีคนนี้ผิดไป ความเข้าใจผิดเกาะกินใจไม่อยากไว้ใจใครทั้งนั้น แม้แต่เขา
“ดูละครมากไปหรือเปล่า”
“พี่ช่วยพวกเราทำไม”
“ทางข้างหน้าอาจลำบากหน่อย นั่งดี ๆ “ตะวันไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่อ ตั้งใจขับรถเพื่อฝ่าดงฝนให้ถึงบ้านเร็วที่สุด ไม่สนคนข้างๆ ที่มีอาการฟึดฟัดแต่อย่างใด
เมื่อรถจอดคนแรกที่วิ่งมาเปิดประตูคือลูกน้องข้างกาย
“สวัสดีจ๊ะเมียนาย” คนงานในไร่ร่ำลือกันว่าวันนี้นายตะวันจะพาเมียกลับมาด้วย เป็นจริงที่ว่า
“จ้อยเอาของหลังรถไปเก็บ ป้าภาอยู่ไหม”
“อยู่จ๊ะ ให้จ้อยไปตามไหม”
“ไม่ต้องอย่าลืมที่สั่ง ออ แล้วพรุ่งนี้เรียกคนงานประชุมแต่เช้าด้วย”
“จ๊ะนาย” ตะวันปิดประตูรถแล้วเดินนำเข้ามาในบ้าน แค่สามก้าวก็ต้องหยุดชะงักเมื่อคนข้างหลังยังยืนงงไม่ยอมเดินตามเข้ามา
“เข้าบ้านสิ ยืนตากฝนทำไมเดี๋ยวก็ไม่สบาย”
“ค่ะ” ดาวประดับกำลังชื่นชมบรรยากาศบ้านบนเขาอย่างเงียบๆ แม้ท้องฟ้าจะมืดแต่ก็พอมองออกและจินตนาการได้ว่าบ้านหลังนี้น่าอยู่
“ห้องดาวอยู่ไหนคะ”
“ตามพี่มาสิ”
ตะวันเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวมาพาดบ่าอย่างคุ้นเคย ดาวประดับตกใจเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าจะใจง่ายเดินตามผู้ชายเข้าห้องจึงรีบหันกลับแต่ไม่ทันเพราะแขนข้างขวาถูกคว้าเอาไว้จนต้องหันกลับไปมอง
“ดาวคิดว่าเข้าห้องผิด” ก้มหน้าตอบแก้เขิน ไม่รู้ว่าเพราะอากาศเย็นหรือกำลังกลัวทำให้ตัวเริ่มสั่น ฝนด้านนอกก็ยังไม่ท่าทีจะหยุดตก
“ห้องของเรา ดาวเป็นเมียพี่แล้ว อย่าแยกห้องเลย” น้ำเสียงเจ้าของไร่อ่อนลง เขาไม่อยากทำให้เธอกลัวการอยู่ร่วมห้องคงเป็นการเริ่มต้นที่ดี อย่างน้อย ๆ เขาจะได้มีโอกาสละลายความรู้สึกที่เกาะกินใจของเธอลงได้บ้าง
“ดาวคงปฏิเสธอะไรพี่ตะวันไม่ได้ใช่ไหมคะ”
“พี่ไม่ได้บังคับ แต่ขอร้อง”
“ก็ได้ค่ะ ดาวจะอยู่ห้องนี้และทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด แต่ขอเรื่องเดียว” ตะวันรู้ว่าเธอจะขออะไร เขาพยักหน้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปปล่อยให้เธอเดินสำรวจจนทั่วห้องนอน
ตะวันใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานพอสมควร ปล่อยให้ดาวประดับสงบสติอารมณ์อยู่กับตัวเองและได้เห็นบางอย่างที่เขาต้องการให้เห็น
เจ้าของห้องคนใหม่เดินสำรวจห้องนอนที่แสนธรรมดาโดยรอบ มีเพียงเตียงไม้สักและตู้เสื้อผ้าเท่านั้น มุมห้องตรงนั้นใกล้กับประตูมีตู้โชว์เก็บของเธอจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เพราะความอยากรู้ กรอบรูปสีทองคือแรงดึงดูดทำให้เธอยื่นหน้าเข้าไปอีกนิดเพื่อมองให้ชัด
“นั่นเรานี่” รูปในวัยเด็กของตัวเองทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เด็กชายในรูปที่ยืนอยู่ข้างเธอคือใครกัน ชุดที่เธอสวมคือชุดโปรดที่แม่ซื้อให้ เธอมักงอแงอยากสวมชุดนี้อยู่ทุกวัน
“จำพี่ไม่ได้จริง ๆ น่ะสินะ”
“รูปดาวมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ดาวประดับไม่เข้าใจ หรือเพราะเขาต้องการสร้างเรื่องโกหกหลอกลวงอะไรอีก
“ดาวเคยมาที่นี่ต่างหาก” เป็นเพราะเจ้าสัวดิลกที่ทำให้เขาและเธอไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก เกือบสิบปีที่ต้องพัดพราก เป็นเพราะความจนและชนชั้น เปรียบเหมือนนิยายแต่นี่คือเรื่องจริงที่ตะวันพบเจอ
“ทำไมดาวจำไม่ได้” หญิงสาวเริ่มสับสนเป็นเพราะอุบัติเหตุในครั้งนั้นทำให้เรื่องในอดีตเลือนรางยากที่จะฟื้นคืน เจ้าสัวดิลกอาศัยจังหวะนี้ผลักดันตะวันออกจากชีวิตของลูกสาวแล้วส่งเธอบิดลัดฟ้าไปอยู่เมืองนอก อนาคตคือสิ่งไม่แน่นอน เจ้าสัวดิลกถูกหักหลังจนสูญสิ้นทุกอย่างแม้กระทั่งบ้านที่เคยอยู่
เจ้าสัวดิลกรักครอบครัวและลูกสาวมาก ดาวประดับคือแก้วตาดวงใจที่ใคร ๆ ก็ห้ามแตะต้อง และไม่คิดอยู่เฉยหาทางกอบกู้วิกฤตครั้งนี้โดยไม่คิดขายลูกสาวกิน ทางเดียวและวิธีเดียวที่จะทำให้ลูกสาวอันเป็นที่รักปลอดภัย
“ผมดีพอที่จะดูแลดาวได้แล้วใช่ไหมครับ” เจ้าสัวดิลกได้รับการติดต่อจากเจ้าของไร่ชื่อดังแห่งหนึ่ง ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าจะไม่ยอมขายลูกสาวเพื่อล้างหนี้ในครั้งนี้เด็ดขาด
“ยังรักดาวอยู่ไหม” ตะวันกระตุกยิ้มแล้วมองไปที่รูปครอบครัวของเจ้าสัวดิลก หนึ่งในนั้นมีหญิงสาวที่เขารักและอยากทะนุถนอมอยู่ด้วย รอยยิ้มสดใสและเสียงหัวเราะของเธอยังตาตรึงและติดอยู่ในใจของเขาไม่จางหาย ตะวันไม่เคยลืมรักนี้ เชื่อว่าถ้าเธอจำเขาได้ เธอก็ยังรักและยังไม่ลืมเขาเช่นเดียวกัน
“คิดว่าผมมาที่นี่ รอเกือบสิบปีเพื่อแก้แค้นท่านอย่างนั้นหรือ” ถือไพ่เหนือกว่าย่อมได้เปรียบแต่ตะวันไม่คิดทำเช่นนั้น เขาต้องการดาวประดับและไม่ต้องการแบ่งเธอให้ใคร ให้จ่ายเท่าไหร่ยอมทุ่ม แต่ถ้าให้รอต่อคงไม่ไหว
“ตอบให้ตรงคำถามหน่อย”
“ท่านไว้ใจผมได้ ดาวอยู่กับผมรับรองมีแต่ความสุขแม้ดาวเดือนผมก็หาให้ได้ ท่านควรปล่อยมือจากดาวแล้วส่งต่อให้ผมก่อนที่คนอื่นจะชิงตัดหน้าไปด้วยวิธีสกปรก แบบนั้นผมคงไม่ไว้หน้าพ่อตาอย่างท่าน” ตะวันเข้าใจดี เจ้าสัวดิกลรักและหวงลูกสาวมาก มีเหตุผลกีดกันเขาและเธอให้ห่างกัน พ่อทุกคนอยากเห็นลูกมีอนาคตที่ดี ดาวประดับเติบโตมาในครอบครัวที่สุขสบายรวยล้นฟ้า หากแต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่แล้ว
“ถ้านายรับปากแบบนี้ฉันก็เบาใจ ขอแค่รับปากว่ารักดาว ฉันก็ตายตาหลับแล้ว”
“ท่านควรรักษาตัวให้จริงจัง” เจ้าสัวดิลกป่วยเป็นโรคหัวใจขาดเลือด อาการมีแต่ทรุดกับทรุด ท่านปกปิดอาการป่วยไม่ให้ลูกสาวล่วงรู้มาโดยตลอดเพราะไม่อยากให้เรื่องทุกอย่างวุ่นวายไปมากกว่านี้
“พร้อมพาดาวไปเมื่อไหร่”
“วันนี้ยังได้ถ้าท่านต้องการ”
“พ่อบอกว่าเคยทำไม่ดีกับพี่ตะวัน ดาวไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่พ่อบอกดาวว่าพี่ตะวันคือคนที่พ่อไว้ใจมากที่สุด” ตะวันพาหญิงสาวออกมานั่งรับลมนอกระเบียงหลังฝนหยุดตก เขาต้องการเคลียร์ทุกเรื่องที่เธออยากรู้ สามีภรรยาย่อมไม่มีความลับต่อกัน
“เจ้าสัวดิลกมีแต่ความหวังดีให้ลูกสาว ท่านรักดาวมากนะ” เรื่องในอดีตถูกวางทิ้งไว้ ตะวันเข้าใจทุกอย่างที่เจ้าสัวดิลกทำลงไป ถ้าเขามีลูกสาวก็คงทำเช่นนั้น ใครกันอยากยกลูกสาวให้กับผู้ชายที่ไม่มีอนาคต บทเรียนที่เจ้าสัวดิลกมอบให้ เขาจะจำไว้ไม่มีวันลืม
“ทำไมพ่อต้องขายดาวให้พี่ตะวันด้วย”
“ดาว”
“พ่อเคยบอกไว้จะไม่มีวันขายดาวให้ใครเด็ดขาด”
“ดาวเสียใจไหมที่ต้องเป็นเมียพี่”