บทที่ 5 กลับจวน

2068 Words
หยางหลงที่เห็นก็พลันนึกสงสัย "เด็กน้อยใยเจ้าไม่รีบกลับเรือนไปเล่า " " ข้ากลับเรือนไม่ถูกเจ้าค่ะ " เด็กน้อยเริ่มใจคอไม่ดีนึกถึงคำที่พี่เสียวชิงเคยพูดขู่เอาไว้ก็พลันหน้าซีดลง หยางหลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน จะเดินไปส่งก็ไม่ได้เขาเองก็ไม่รู้จักหนทางในจวนนี้เช่นกัน " คุณชายเจ้าไม่รู้จักนางหรือ นางเป็นบ่าวเรือนของเจ้านะ " หยางหลงเอ่ยถามบุตรของเจ้าของจวน ซูหมิงลู่ใช้ความคิดบ่าวไพร่ในเรือนของตนนั้นไม่มีผู้ใดมีบุตรเล็กๆเลยแล้วนางเป็นบุตรผู้ใดกัน แต่ยังไม่ทันได้คิดออกพลันได้ยินเสียงสตรีดังขึ้นมา " คุณหนู!!.." เสี่ยวชิงตะโกนออกมาอย่างตกใจที่เห็นคุณหนูจิวอิงยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ในใจคิดว่าคงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเป็นแน่ หลังจากเตรียมมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยก็ออกมาหาคุณหนูหน้าเรือน แต่หาเท่าใดก็ไม่พบจึงร้อนใจเป็นอย่างมากรีบออกตามหาจนมาพบคุณหนูจิวอิงอยู่ที่ลานใกล้เรือนใหญ่ " พี่เสี่ยวชิง!!..'' จิวอิงตะโกนตอบกลับอย่างดีใจก้าวเท้าเตรียมวิ่งไปหาแต่ร่างน้อยกลับล้มลงไปกองกับพื้นทันที หยางหลงที่ยืนอยู่ใกล้จึงช่วยดูอาการของเด็กน้อยก็พบว่าข้อเท้าของนางแดงๆคงเพราะเท้าแพลง " คุณหนูเป็นอะไรเจ้าคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า " เสี่ยวชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน ตนเลี้ยงดูคุณหนูมาไม่เคยเลยสักครั้งที่ต้องเจ็บตัวหรือป่วยไข้ " อิงเอ๋อร์เจ็บที่ข้อเท้าเจ้าค่ะ " " อ้อ..ที่แท้เจ้าคือคนที่อยู่เรือนท้ายจวนนี่เอง " ซูหมิงลู่เอ่ยแทรกขึ้นมาเขาจำสาวใช้ของท่านน้าเหม่ยอิงได้และเคยได้ยินท่านปู่และท่านพ่อคุยกัน "ท่านปู่สั่งเอาไว้ว่าห้ามพวกเจ้ามาเหยียบบริเวณเรือนใหญ่เจ้ากล้าขัดคำสั่งเช่นนั้นหรือ" ซูหมิงลู่เอ่ยเสียงเข้ม " บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ลงโทษบ่าวเถิดคุณหนูจิวอิงยังเล็กนักนางไม่รู้เรื่องเจ้าค่ะ " เสี่ยวชิงคุกเข่าก้มหน้าโขกศีรษะลงกับพื้น " วันนี้มีผู้คนมาร่วมยินดีกับท่านพ่อมากมายนับว่าเป็นโชคดีของพวกเจ้าข้าจะไม่นำเรื่องนี้ไปบอกท่านปู่เจ้าสองคนรีบกลับเรือนไปเสีย " ซูหมิงลู่เอ่ย " ขอบคุณเจ้าค่ะคุณชายใหญ่ " เสี่ยวชิงก้มศีรษะโขกพื้นอีกครั้งแล้วรีบลุกขึ้นอุ้มคุณหนูจิวอิงไว้ในอ้อมแขน "ขอบคุณคุณชายเจ้าค่ะที่ช่วยเหลือ" เสี่ยวชิงไม่ลืมหันไปค้อมศีรษะให้คุณชายที่ยืนอยู่ข้างกายคุณหนูจิวอิงด้วยเช่นกัน หยางหลงพยักหน้ารับคำขอบคุณ ในใจพลางคิดเรื่องบางอย่าง บ่าวผู้นี้เรียกเด็กน้อยว่าคุณหนู? แล้วเหตุใดนางถึงต้องไปอาศัยอยู่ที่เรือนท้ายจวนกัน หรือว่าจะมีเรื่องราวที่ซับซ้อนบางอย่างเกิดขึ้น แต่ช่างน่าสงสารเด็กน้อยยิ่งนัก เฮ้อ..หยางหลงคิดในใจพลางถอนหายใจออกมาพร้อมกับมองแผ่นหลังของบ่าวที่อุ้มเด็กน้อยจนหายลับสายตาไป " คุณหนูของบ่าวเจ็บมากหรือไม่เจ้าค่ะ " เสี่ยวชิงที่กำลังเช็ดตัวคุณหนูจิวอิงเห็นรอยแดงเป็นจ้ำหลายจุดจึงเอ่ยถามด้วยความกังวล จิวอิงพยักหน้ารับคำแทนคำตอบ ตัวเธอรู้สึกผิดยิ่งนักที่ขัดคำสั่งของพี่เสี่ยวชิง "พี่เสี่ยวชิงเจ็บมากหรือไม่เจ้าคะ" จิวอิงยื่นมือลูบหน้าผากของพี่เสี่ยวชิงที่มีรอยแดงช้ำอย่างเบามือ " บ่าวไม่เจ็บหรอกเจ้าค่ะ " " อิงเอ๋อร์ขอโทษ อิงเอ๋อร์จะไม่ดื้ออีกแล้ว.." จิวอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดพร้อมน้ำตาที่เอ่อซึมออกมา " ดีเจ้าค่ะ บ่าวไม่อยากเห็นคุณหนูต้องเจ็บตัวอีก " ทั้งสองนายบ่าวกอดกันร้องไห้ด้วยความรู้สึกผิดในใจกันทั้งคู่ จิวอิงรู้สึกผิดที่ไม่เชื่อฟังและทำให้พี่เสี่ยวต้องเจ็บตัว ส่วนเสี่ยวชิงรู้สึกผิดที่ดูแลคุณหนูไม่ดีจนต้องเจ็บตัวเช่นนี้ เสี่ยวชิงต้มยาแก้ปวดลดไข้ให้คุณหนูจิวอิงดื่มก่อนนอนเพราะกลัวว่าจะมีไข้ตอนดึก ที่เรือนหลังเล็กนี้เสี่ยวชิงมียาสมุนไพรหลายอย่างที่ซื้อมาเก็บเอาไว้เผื่อยามจำเป็นต้องใช้จะได้ไม่ต้องลำบากไหว้วานให้สหายบ่าวหาซื้อให้อีก ทั้งสองนอนกอดกันแล้วหลับไปในที่สุด # กระท่อมน้อยบนเขา แคว้นหนิง ยามเฉิน(07.00-08.59) ร่างของเด็กน้อยเย่วซินวัยสามขวบเศษกำลังนั่งทายาแก้ฟกช้ำอยู่ ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดตามร่างกายถึงได้มีรอยฟกช้ำเกิดขึ้นมาได้ เพราะถึงแม้ว่าเธอจะชอบทำอะไรด้วยตนเอง แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ร่างกายเจ็บช้ำเลือดตกยางออกเลยสักครั้งเดียว หลังจากทายาและแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเย่วซินก็รีบเดินออกจากห้องส่วนตัวทันที ใช่แล้วเธอมีห้องส่วนตัวเพราะท่านปู่ให้คนมาต่อเติมให้แต่กระนั้นพี่เย่วฉีก็แอบเข้ามานอนกับเธออยู่เป็นประจำโดยอ้างว่านอนไม่หลับถ้าไม่ได้นอนกอด ก็แหงล่ะเธอยังจำได้ดีเขานอนกอดเธอทุกคืนตั้งแต่วันแรกที่ลืมตายันวันนั้ถึงแม้ยามดึกเธอจะแอบถีบเขาให้ออกบ้างก็ตามที " ท่านปู่หลานพร้อมแล้วเจ้าค่ะ " เย่วซินตะโกนบอกท่านปู่ตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากห้อง " ตัวแค่นี้ใยแต่งตัวนานนักหืม.." เย่วฉีเดินเข้ามาหาร่างเล็กพร้อมย่อตัวลงมองนางช่างน่ารักเสียจริงเขาชักไม่อยากให้ใครเห็นนางเสียแล้ว " ชิ " เย่วซินย่นจมูกใส่พร้อมสะบัดหน้าเมินคนตรงหน้าแล้วเดินไปหาท่านปู่ทันที คนอะไรไม่เข้าใจผู้หญิงเลยเป็นหญิงย่อมต้องแต่งตัวนานเป็นเรื่องธรรมดา.. " พร้อมแล้วก็ไปกันเถิด รถม้ารออยู่ด้านล่างแล้ว " ฮุ่ยฉินเอ่ยพร้อมกับอุ้มหลานสาวขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน เพราะต้องเดินเท้าลงเขาไปประมาณสี่ลี้ถึงจะเจอรถม้า ทั้งหมดใช้เวลาในการเดินลงเขาประมาณหนึ่งเค่อเท่านั้น เย่วซินคิดในใจว่าท่านปู่และพี่เย่วฉีคงฝึกวิชาอะไรสักอย่างเป็นแน่ถึงได้เดินเหินว่องไวเช่นนี้ เมื่อมาถึงก็มีรถม้าคันใหญ่จอดอยู่พร้อมกับคนบังคับม้าสองคน ทั้งสามเดินทางออกจากเชิงเขาที่ห่างออกไปจากเมืองหลวงของแคว้นหนิงหลายร้อยลี้ ทั้งสามเดินทางกันโดยไม่ได้หยุดพักนอกเสียจากจอดเปลี่ยนม้าเพียงเท่านั้นจนกระทั่งมาถึงจวนในเวลาเช้าตรู่ของอีกวัน.. ฮุ่ยฉินปลุกหลานชายให้ตื่นเมื่อถึงที่หมาย แต่เขาไม่ได้ปลุกคนตัวเล็กให้ตื่นแต่กลับอุ้มนางไว้แนบอกอย่างเบามือแล้วเดินเข้าจวนหลังใหญ่ทันที บ่าวใช้ที่เห็นร่างประมุขใหญ่ของจวนกลับมาก็รีบวิ่งออกมาต้อนรับพร้อมกับค้อมศีรษะคำนับกันให้วุ่นวาย ฮุ่ยฉินเดินผ่านอย่างไม่ใส่ใจนัก บ่าวไพร่เมื่อเห็นประมุขของจวนอุ้มร่างเด็กน้อยเอาไว้ต่างพากันสงสัยแต่ไม่กล้าเอ่ยคำถามใดออกมา " ท่านพ่อ!!.." หมิงอวี้หลางเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นบิดาเดินเข้ามาในโถงใหญ่ของจวน " คาราวะขอรับท่านพ่อ " หมิงอวี้หลางรีบลุกขึ้นคาราวะบิดาที่ไม่ได้เจอมาสามปีกว่าแล้ว " ตามสบายเถิด " ฮุ่ยฉินเอ่ยบอกบุตรชาย " แล้วนั่นท่านพ่อแุ้มเด็กที่ไหนมาด้วยหรือขอรับ " หมิงอวี้หลางเอ่ยถามอย่างสงสัย " ประเดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟัง " ฮุ่ยฉินเอ่ยตอบเพียงเท่านั้น " คาราวะขอรับท่านพ่อ " เย่วฉีเอ่ยคาราวะบิดาพร้อมโค้งศีรษะลง " โอ้..บุตรชายของข้าเจ้าเติบโตขึ้นมากแล้วหรือนี่ " หมิงอวี้หลางเดินเข้าไปกอดบุตรชายอย่างดีใจ " แล้วคนอื่นยังไม่ออกมาหรือ?" ฮุ่ยฉินเอ่ยถาม " เซียนเอ๋อร์อยู่ในครัวส่วนอาเทียนประเดี๋ยวคงออกมาขอรับ " หมิงอวี้หลางเอ่ยตอบ ฮุ่ยฉินพยักหน้ารับรู้แล้วเดินตรงไปยังเรือนใหญ่ของตัวเอง ส่วนเย่วฉีก็กลับเรือนของตนเช่นกันเพื่ออาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่ ฮุ่นฉินปลุกเด็กน้อยให้ตื่นเพื่ออาบน้ำและจะได้ออกไปทานอาหารเช้าด้านนอก " ถึงบ้านท่านปู่แล้วหรือเจ้าคะ " เย่วซินที่ตื่นขึ้นมาก็เอ่ยถามทันที พร้อมกวาดสายตามองไปรอบๆห้องที่กว้างใหญ่มีเครื่องตกแต่งบ้านสวยหรูตามยุคสมัยแสดงว่าท่านปู่คงร่ำรวยอยู่ไม่น้อย " เจ้ารีบอาบน้ำเถิดจะได้ออกไปทานอาหารกัน จะให้ปู่เรียกสาวใช้มาอาบให้หรือไม่จะได้เติมน้ำอุ่นให้เจ้าด้วย" ฮุ่ยฉินเอ่ยถามหลานสาว " ไม่เจ้าค่ะ " ฮุ่ยฉินตามใจหลานสาวแล้วหยิบอาภรณ์ชุดใหม่ออกมาจากแหวนจัดเก็บส่งให้นางทันที เย่วซินรับชุดใหม่มาพร้อมเดินเข้าไปด้านหลังฉากกั้นพบอ่างใบใหญ่ใส่น้ำไว้เต็มถัง เย่วซินใช้ภาชนะตักน้ำขึ้นมาราดตัวแทนที่จะลงไม่แช่ในอ่างใบใหญ่ เพราะคิดเสียดายน้ำตัวเธอนิดเดียวอาบไม่กี่ขันก็สะอาดแล้ว ยังเหลือน้ำไว้ใช้อีกมากมายเอาไว้ให้ท่านปู่อาบต่อได้อีก เย่วซินเปลี่ยนชุดใหม่เสร็จก็ให้ท่านปู่อาบต่อและบอกท่านว่าน้ำในอ่างยังสะอาดอยู่ให้ท่านอาบต่อได้เลย หลังจากลับหลังท่านปู่ไปเย่วซินหยิบตลับยาที่พกติดตัวเอาไว้ออกมาทารอยฟกช้ำตามร่างกายและดูเหมือนข้อเท้าของเธอก็บวมแดงขึ้นนิดหน่อยแต่แผลพวกนี้เธอไม่รู้สึกเจ็บเท่าไรนัก หลังจากทายาเสร็จท่านปู่ก็เดินออกมาพอดี " เจ้าเป็นอะไรหรือถึงได้ทายากลิ้นฟุ้งเชียว " ฮุ่ยฉินที่ได้กลิ่นยาสมุนไพรจึงเอ่ยถาม " ทาแก้ฟกช้ำนิดหน่อยเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าไปโดนอะไรมา "เย่วซินเอ่ยตอบ " เจ้าคงเล่นซุกซนเช่นเคย เอาละออกไปข้างนอกกันเถิดป่านนี้ทุกคนคงจะรอกันแล้ว " ฮุ่ยฉินเอ่ยพร้อมจูงมือหลานสาวเดินออกจากห้องไป บนโต๊ะอาหารที่โถงใหญ่บัดนี้มีสมาชิกนั่งกันพร้อมหน้า หัวโต๊ะคือประมุขของจวน ขวามือคือบุตรชายนามว่าหมิงอวี้หลาง ถัดมาคือภรรยาของบุตรชายนามว่าหมิงจูเซียน ซ้ายมือคือหลานชายคนโตนามว่าหมิงเย่วเทียน ถัดมาคือหมิงเย่วฉีและคนสุดท้ายที่นั่งบนเบาะรองเพื่อเพิ่มความสูงคือหมิงเย่วซินหลานสาวคนใหม่ของบ้าน หลังจากที่นางคาราวะทุกคนแล้วก็มานั่งประจำที่ของนาง หมิงจูเซียนมองเด็กน้อยในชุดสีชมพู ผมยาวเลยบ่าถูแบ่งเป็นสองข้างถักเปียลากๆเอาไว้ ใบหน้ากลมจิ้มลิ้มดวงตากลมโตประกายระยิบช่างน่ารักเสียจริงหมิงจูเซียนมองเด็กน้อยแล้วยิ้มอย่างเอ็นดูในความน่ารักของนาง " จูเซียนเจ้าป่วยไข้หายดีแล้วหรือ? " ฮุ่ยฉินเอ่ยถามด้วยความห่วงใยในสะใภ้ของตน " ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ " จูเซียนเอ่ยตอบแล้วหันสายตาไปมองเด็กน้อยอีกครั้ง " ท่านแม่เหตุใดต้องจ้องมองซินเอ๋อร์ขนาดนั้น " เย่วฉีเอ่ยถามมารดาที่เอาแต่จ้องมองเด็กน้อยของตน " ก็แม่ชอบเย่วซิน จวนเรามีแต่บุรุษพอเห็นนางแม่เลยอดที่จะเอ็นดูมิได้ " " ท่านพ่อเด็กคนนี้เป็นใครหรือขอรับ " หมิงอวี้หลางเอ่ยถาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD