บทที่ 10 ง้อพี่ชายคนสนิท

1996 Words
“พี่อาฉีดื่มชาก่อนนอนเจ้าค่ะ” เย่วซินรินน้ำชาใส่จอกให้พี่ชายคนสนิทได้ดื่ม “น้ำชาสูตรพิเศษของข้าจะทำให้ท่านชุ่มชื่นคอนอนหลับสนิทโดยไม่มีเสียงใดรบกวนเลย” “วันนี้เจ้ามาแปลกใส่อะไรลงไปในน้ำชาหรือไม่” เย่วฉีเอ่ยแซวน้องสาวเล่นเพราะวันนี้นางทำตัวน่ารักผิดปกติ “โถ่..ข้าก็แค่อยากทำให้ท่านบ้างเพื่อตอบแทนที่ท่านเลี้ยงดูข้ามาตั้งหลายปี แต่ในเมื่อท่านไม่เห็นความหวังดีของข้าก็ไม่เป็นไร” เย่วซินทำสีหน้าเศร้าสลดลงเมื่อถูกพี่ชายคนสนิทไม่ไว้ใจ ทำท่าเดินหันหลังอย่างห่อเหี่ยวทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันสงสารจับใจ “อาฉีไม่ดื่มก็เอามาให้ข้า” เย่วเทียนเอ่ยขึ้น ตลอดหลายวันที่ผ่านมานางดูแลตนเป็นอย่างดีทำให้สนิทสนมกันมากขึ้นและนางก็เป็นเด็กที่ฉลาดชอบอะไรหลายอย่างเหมือนกันกับตนอีกด้วยทำให้เข้ากันได้ดีเลยทีเดียว “แต่..ข้าตั้งใจทำมาให้พี่อาฉี” เย่วซินบ่ายเบี่ยงไม่ยอมยกจอกชาให้หนุ่มเย็นชา ถ้าเป็นปกติเธอจะรีบประเคนให้เขาเลยเพราะนานๆครั้งเขาจะมีทีท่าอ่อนลงเช่นนี้ แต่นี้มันไม่ปกติอย่างไรเล่าในชาจอกนี้มันมียาสูตรทดลองของเธออยู่ใครจะกล้าให้หนุ่มเย็นชาดื่มได้กัน “เจ้าหวงข้าหรือ?” เย่วเทียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจสักเท่านักด้วยคิดว่าเด็กน้อยหวงน้ำชาสูตรพิเศษไม่ยอมให้เขาดื่มแต่จะให้น้องชายของเขาดื่มแต่เพียงผู้เดียว “ไม่ใช่เจ้าค่ะ” เย่วซินอยากจะเอาหัวชนกำแพงเสียตอนนี้ “ไม่ใช่ก็เอามา..” เย่วเทียนเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งขรึม “ซินเอ๋อร์ไม่ใช่พี่ไม่ไว้ใจเจ้านะแต่พี่ใหญ่เป็นพี่ชายของข้าเขาย่อมได้สิ่งที่ดีที่สุดจริงหรือไม่ชาจอกนี้ย่อมเป็นพี่ใหญ่ที่ได้ลิ้มลองก่อนผู้ใด” เย่วฉีเอ่ยเยินยอพี่ชายเพื่อหวังให้เขาดื่มน้ำชาของน้องสาว อย่างไรเสียเขาเลี้ยงดูนางมาย่อมเห็นความแตกต่างเขาไม่ไว้ใจนางจริงๆ เย่วซินมองค้อนขวับไปตามเสียงที่เอ่ยยุยงนั่น ไม่ใช่ว่าเขาไม่ไว้ใจเธอหรอกหรือเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก คอยดูเถิดฮึ่ย.. เย่วซินยื่นจอกชาในมือให้หนุ่มหน้านิ่งด้วยใจร้อนรน “พี่เย่วเทียนจะดื่มจริงๆหรือเจ้าคะมันอาจจะรสชาติแย่ก็ได้ข้าว่าท่านอย่าดื่มเลยดีกว่า” เย่วซินยังเอ่ยบ่ายเบี่ยงเพื่อหวังให้เขาเปลี่ยนใจครั้นจะแกล้งทำมันหกก็ไม่ได้กลัวว่าเขาจะคิดว่าเธอตั้งใจไม่ให้เขาดื่ม โอ้ย..ไม่รู้ล่ะงานนี้โทษข้าไม่ได้นะพี่เย่วเทียน เย่วเทียนหยิบจอกชาในมือเด็กน้อยแล้วยกขึ้นดื่มทันทีอย่างไม่ลังเล เพราะคิดว่าเด็กน้อยตั้งใจทำมาจะอร่อยหรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร “พี่ใหญ่รู้สึกเช่นไรบ้างมีอะไรผิดปกติหรือไม่” เย่วฉีเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ว่าที่ตนคิดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือแค่หวาดระแวงไปเอง “อร่อยดีไม่เห็นมีอะไรผิดแปลกเลย ข้าจะนอนแล้วอย่าเสียงดังรบกวน” เย่วเทียนเอ่ยบอกน้องชาย “เห็นหรือไม่ว่าข้าหวังดีจริงๆข้าผิดหวังกับท่านยิ่งนักอาฉีที่ท่านไม่เชื่อใจข้า” เด็กน้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อพี่ชายคนสนิท “โอ๋ๆๆอย่าโกรธพี่เลยนะซินเอ๋อร์พี่ขอโทษ ไหนลองเอาชาสูตรพิเศษของเจ้ามาให้พี่ดื่มสิว่าจะอร่อยดังที่พี่ใหญ่บอกหรือไม่” เย่วฉีเอ่ยง้องอนน้องสาวเขาคงระแวงนางเกินไปจริงๆพี่ใหญ่ก็ดื่มแล้วไม่เห็นจะมีอาการผิดปกติอะไรเลย เย่วซินยกยิ้มด้วยความดีใจแต่ก็ต้องเก็บอาการขอเล่นตัวอีกสักหน่อยเดี๋ยวเขาจะหาว่าเธอง่าย..”ท่านอย่าดื่มเลยข้าอาจจะใส่ไรลงไปดังที่ท่านว่าก็ได้” เด็กน้อยได้ทีเล่นงิ้วฉากใหญ่จนไม่รู้ว่าคนที่นอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียงได้ยินคำพูดทุกคำที่นางเอื้อนเอ่ย แต่จะโทษนางก็ไม่ได้เป็นตนที่ขอนางดื่มชาจอกนั้นเองถือว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว.. “ไม่เอาน่า..พี่จะดื่มให้หมดกาเลยเพื่อไถ่โทษดีหรือไม่”เย่วฉีเอ่ยเอาใจเด็กน้อยเพื่อขอไถ่โทษ “ก็ได้ๆถ้าไม่รักไม่ยอมหรอกนะ..” เย่วซินเอ่ยพร้อมยกยิ้มออกมา ทั้งสองเดินมานั่งที่โต๊ะเพื่อดื่มน้ำชาเย่วซินรินน้ำชาให้พี่ชายคนสนิทได้ดื่ม “รสชาติดีหรือไม่เจ้าค่ะ” “อืม..รสชาติดีเยี่ยมเลย” เย่วฉียกจอกชาดื่มจอกแล้วจอกเล่าจนหมดและเริ่มรู้สึกว่าคอเริ่มแห้งหนักขึ้นกว่าเดิมจึงรินน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มอีกแต่ก็ยังไม่หาย “ซินเอ๋อร์พี่รู้สึกว่าคอพี่มาแห้งมาก” “พี่อาฉีจะโทษว่าชาของข้าไม่ดีหรือ” “เปล่าๆพี่แค่.....”เย่วฉียังพูดไม่ทันจบประโยคเสียงของตนก็หายไปเสียดื้อๆ พลางมองหน้าน้องสาวหึ่ย..เสียทีนางจนได้ฝากไว้ก่อนเถิด พี่ใหญ่อีกคนทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวหลอกให้ตนตายใจ เย่วฉีพยามเค้นคำพูดออกมาแต่ก็ไร้วี่แวว.. เย่วเทียนนอนยกยิ้มมุมปากอย่างสะใจที่น้องชายโดนดีเข้าให้แถมดื่มไปทั้งกาขนาดนั้นคงไม่คงไม่ต้องบอกว่าเสียงจะหายไปนานแค่ไหน..จะว่าไปยายตัวแสบร้ายใช่ย่อยเลยทีเดียว วันนี้เป็นวันตัดไหมให้พี่เย่วเทียนและเธอก็เป็นคนสอนให้ท่านปู่เป็นคนตัดเองแผลของพี่เย่วเทียนแห้งสนิทและสามารถโดนน้ำได้แล้ว ท่านปู่จดบันทึกรายละเอียดและขั้นตอนต่างๆเอาไว้เพื่อศึกษาและทดลองต่อไป “อาฉีหายไปไหนปู่ไม่เห็นหน้าเลย” ฮุ่ยฉินเอ่ยถามหลานๆ “คงอยู่ที่ห้องปรุงยาของเขาขอรับ” เย่วเทียนเอ่ยตอบตั้งแต่ที่น้องชายดื่มชาสูตรพิเศษของยายตัวแสบไปก็เอาแต่เก็บตัวอ่านตำราปรุงยาแก้พิษเพื่อให้หายจากอาการที่เป็นอยู่ แต่ในตำราบอกเอาไว้ว่าพิษชนิดนี้ไม่อันตรายมันจะหายเองแต่ขึ้นอยู่กับขนาดที่กินไปก็เท่านั้น อย่างตัวเขาเองที่ดื่มแค่จอกเดียวก่อนนอนตื่นเช้ามาเสียงของเขาก็กลับมาเหมือนเดิม แต่น้องชายดื่มไปหมดกาจึงทำให้สองวันแล้วเสียงยังล่องหนอยู่เลย “ขยันจริงปู่ไม่รบกวนเขาดีกว่าแต่ว่าเจ้าต้องเกลี้ยกล่อมอาฉีให้เข้าสำนักศึกษาให้ได้นะอาเทียน” ฮุ่ยฉินเอ่ยบอกหลานชายคนโตเพราะตนเคยคุยกับเจ้าตัวแล้วก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงตลอด “ขอรับท่านปู่หลานจะเกลี้ยกล่อมอาฉีเอง” “ดีๆเช่นนั้นพวกเจ้าพักผ่อนเถิดปู่ไม่รบกวนแล้ว” ฮุ่ยฉินเอ่ยจบก็เดินออกจากห้องของหลานสาวตัวน้อยไปทันที เย่วเทียนตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บก็ย้ายตัวเองมากินนอนที่ห้องของเด็กน้อยนานนับเจ็ดวันแล้ว และตลอดหลายวันมานี้คนตัวเล็กก็แอบขึ้นมานอนบนเตียงกับเขาตอนดึกแทบทุกวัน เขาเองแกล้งทำไม่รู้ไม่เห็นปล่อยให้นางขึ้นมานอนและเขาเองก็รู้สึกว่ามีนางนอนอยู่ข้างๆทุกวันเช่นนี้ก็ดีไม่น้อยหรือว่าเขาจะเริ่มติดนางเหมือนน้องชายอีกคนหนึ่งแล้ว ไม่ได้ๆจะเป็นเช่นนี้ไม่ได้มันไม่ใช่นิสัยเขาจะต้องรีบแก้ไขมันโดยเร็วที่สุด เย่วเทียนที่คิดได้ดังนั้นก็รีบเอ่ยบอกเด็กน้อยทันที “ยายตัวแสบพี่จะย้ายกลับห้องแล้ว” “กลับแล้วหรือเจ้าคะข้านึกว่าจะอยู่ที่นี่จนถึงวันที่พี่เทียนเข้าสำนักศึกษาเสียอีกเหลือเวลาอีกไม่กี่วันแค่นั้น” เย่วซินเอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยด้วยเพราะอยู่ร่วมกันหลายคนมาหลายวันจนเธอเองก็เริ่มจะชอบเสียแล้วถ้าเขากลับไปคงจะเงียบเหงาน่าดู “ช้าหรือเร็วเจ้าก็ต้องอยู่คนเดียวใยต้องทำหน้าเช่นนั้น” เย่วเทียนที่เห็นยายตัวแสบทำหน้าเศร้าก็เกือบจะใจอ่อนแต่ก็ต้องทำใจให้หนักแน่นเข้าไว้ “ข้าอาจจะเหงาถ้าท่านไม่อยู่แต่ไม่เป็นไรเจ้าค่ะข้าทนได้อีกหน่อยคงชินไปเอง” เธอไม่ใช่เด็กน้อยแล้วผ่านอะไรมาก็มากตั้งสองชาติแล้วจะยึดติดกับความสุขเล็กน้อยเช่นนี้ไม่ได้ทุกคนต่างก็มีหน้าที่ต้องทำ “ดีมากเจ้าต้องเข้มแข็งอีกไม่ถึงเดือนพี่คงต้องจากจวนแห่งนี้ไปร่ำเรียนแล้วอาฉีก็เช่นกัน” “เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าขอตัวไปดูอาฉีก่อนเขายังไม่ยอมคุยกับข้าเลยคงโกรธข้ามาก” “ยายตัวแสบเจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเขาไม่มีเสียงแล้วจะพูดคุยกับเจ้าได้เช่นไร” “เอ่อ..จริงด้วยเจ้าค่ะข้าลืม” เย่วซินเอ่ยพร้อมยกมือเกาแก้ม เย่วซินเดินเข้ามาในห้องปรุงยาส่วนตัวของอาฉีเพื่อมาดูว่าพี่ชายคนสนิทเป็นอย่างไรบ้างเธอรู้ว่ายาพิษที่ปรุงมานั้นไม่อันตรายจึงอยากลองว่ามันจะได้ผลจริงหรือเปล่าก็เท่านั้นแต่ว่าพี่อาฉีกินมากไปหน่อยเท่านั้นเอง “พี่อาฉีทำอะไรอยู่หรือให้ข้าช่วยดีหรือไม่” เย่วซินเอ่ยเอาใจเพี่อเป็นการไถ่โทษ เย่วฉีสะบัดหน้างอนเด็กน้อยสองวันแล้วเสียงของเขายังไม่กลับมาเลยมันก็อึดอัดเหมือนกันที่พูดจาสื่อสารกับผู้ใดไม่ได้แต่เขาไม่ได้โกรธนางหรอกแค่แกล้งนางเท่านั้นเอง “โถ่..อย่าโกรธข้าเลยนะข้ารักท่านเหมือนพี่ชายแท้ๆข้าไม่มีวันทำร้ายท่านหรอกข้ารักหรอกจึงหยอกเล่นขำๆนะๆ” เย่วซินเอื้อมมือคล้องคอกอดพี่ชายคนสนิทจากทางด้านหลังอย่างออดอ้อนพร้อมถูไถศีรษะไปมาเมื่อเห็นว่าเขายังไม่หายโกรธก็โน้มหน้าเข้าไปหอมแก้มเด็กหนุ่มทั้งซ้ายและขวาหลายฟอดเพื่อเอาใจ เย่วฉียกยิ้มอย่างพอใจที่เด็กน้อยพะเน้าพะนออย่างใกล้ชิดแต่ไหนๆนางก็ยอมทำตัวไถ่โทษแล้วต้องเอาให้คุ้มเสียหน่อย คิดได้ดังนั้นเย่วฉีจึงหันหน้ายื่นปากเป็นเชิงว่าให้เด็กน้อยจูบมัน เย่วซินเห็นเช่นนั้นก็ทราบทันทีว่าพี่ชายคนสนิทต้องการสิ่งใดแม้ว่าตัวเองจะขัดเขินบ้างแต่ยามนี้เธอไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมทำตามที่เขาต้องการ “จุ๊บ..” เย่วซินประกบปากจูบพี่ชายคนสนิทแล้วผละออกมาแต่เขายังไม่ยอมเลิกทำปากจู๋อีกคงยังไม่พอเย่วซินจึงทำอีกหลายๆครั้งเพื่อให้เขาพอใจ “จุ๊บๆๆๆ..” หลังจากที่โดนเด็กน้อยจุมพิตที่ปากหลายครั้งจนพอใจเขาก็คว้าตัวเด็กน้อยมากอดเอาไว้ด้วยความรักใคร่และเอ็นดูในความน่ารักของนาง...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD