“น้องฝันหวานเลือกร้านได้เลย พี่พร้อมเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวน้องมานานละ ในที่สุดก็มีโอกาส”
เอาไงดี? รับปากละคืนคำไม่ได้อีก แต่จะให้ทานข้าวกับพี่เดย์แค่สองคนก็ยังไงๆ อยู่
แค่เมื่อกี้เดินออกหอมาด้วยกัน สาวๆ ยังมองตามแถมซุบซิบไม่หยุด ยิ่งพี่เดย์เคยช่วยรักษาชื่อเสียงของฉันด้วยการประกาศต่อหน้าคนทั้งลานเกียร์ว่าเป็นฝ่ายชอบฉันเอง ถ้านั่งทานข้าวด้วยกันแล้วดันมีคนตาดีเห็นเข้า เกิดเอาไปพูดต่อว่าฉันอยากเข้าหาพี่เดย์...ไม่แย่เหรอ?
ความคิดและคำพูดคนเป็นอะไรที่เหนือความควบคุม ถ้าโดนเอาไปลือแบบผิดๆ ฝ่ายที่เสียหายจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฉัน!
ไม่อยากคิดสภาพตอนข่าวลือกระจายแบบผิดๆ เลย... จะแก้ข่าวยังไงไหว!
“... หวาน น้องฝันหวานครับ”
“ค่ะ... คะ” เสียงของพี่เดย์ทำให้ฉันหลุดจากความคิด หันมองร่างสูงที่เดินข้างกันก็เห็นว่าพี่เค้ามองมาด้วยสีหน้าแปลกใจ
“เงียบไปมีไรรึเปล่าครับ บอกพี่ได้นะ”
“คือ...” ฉันอึกอักนิดหน่อย “หนูกำลังคิดว่ามันเป็นการทิ้งเพื่อนรึเปล่าในเมื่อพีชอาสาไปซื้อข้าวแล้วด้วย” คำตอบที่ว๊าบเข้ามาในชั่ววินาทีทำให้ฉันรู้สึกว่ามันได้แฮะ
“ถ้างั้นชวนน้องลูกพีชไปด้วยก็ได้ครับ” พี่เดย์คลี่ยิ้มอย่างใจดี
“ได้เหรอคะ” ฉันตาโตถาม มีพีชอยู่ด้วยเกิดมีใครเห็นเข้าคงไม่โดนเม้าท์หรอก หรือถ้าซวยโดนก็ไม่หนักมากไง
“ได้สิครับ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” พี่เดย์บอกเหมือนขำ
“ขอบคุณนะคะ” ฉันฉีกยิ้มหวานด้วยความพอใจปนโล่งอก
“แล้วคิดได้ยังครับว่าจะทานร้านไหน”
“พี่เดย์เลือกดีกว่าค่ะ หนูขอเป็นเจ้ามือที่ทำให้พี่ต้องโดดเรียนไงคะ” ฉันรีบบอกเหตุผล
“ไม่ได้สิครับ พี่บอกไปแล้วว่าจะเลี้ยงข้าวน้อง พี่เป็นผู้ชายจะให้ผิดคำพูดได้ไง”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ครับ เลือกเถอะพี่ทานได้หมดแหละ” ว่าแล้วก็ยิ้มหล่อโลกละลายทำเอาสาวๆ ที่เดินสวนกันหวีดร้องเลยล่ะ
“ถ้างั้นร้านป้าเล็กซอย 6 ละกันค่ะ พีชสั่งข้าวอยู่ร้านนั้นพอดี” ฉันพยักเพยิดมาทางป้ายหน้าซอย 6 เมื่อเราเดินมาถึงพอดี
“ร้านที่พวกเพื่อนพี่กำลังจะทานข้าว” รอยยิ้มของพี่เดย์หุบลงเปลี่ยนเป็นเลิกคิ้ว หน้าตาเหมือนอึ้งประมาณนึงที่ฉันเลือกร้านนี้
“ค่ะ” ฉันยิ้มหวานระรัวพยักหน้า พลางเลี้ยวเข้ามาในซอย 6
นั่นไง! พีชยืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้าร้านพอดี
อ้าวเฮ้ย! ฉันตาลุกวาวเมื่อเห็นพี่เทมส์ยืนข้างเพื่อนรัก (วันก่อนก็ให้พีชยืมช็อปวิศวะแถมขับรถมาส่งถึงหน้าหอ วันนี้ยังยืนคุมอยู่ไม่ห่างเหมือนกลัวหนุ่มเข้ามาจีบพีชงั้นแหละ... คิดเป็นอื่นไม่ได้เลย นอกจากพี่เทมส์ชอบพีช อ๊าย!)
“ทำไมมึงไม่เข้าร้าน” พี่เดย์ถามพี่เทมส์ทันทีเมื่อเดินมาถึงตัว
“...............” พี่เทมส์เงียบ มองคนถามนิ่งๆ แต่ดันทำเอาพี่เดย์ยิ้มมุมปาก
พี่ว้ากสองคนนี้เค้าคุยกันทางโทรจิตรึไงนะ? คนนึงเงียบ อีกคนยิ้มเหมือนรู้ทัน! นี่มันยิ่งกว่าสิ่งมหัศจรรย์บนโลกอีกเถอะ
“แกมาก็ดีเลยฝัน” เสียงของพีชทำให้ฉันละสายตาจากสองรุ่นพี่มายังเพื่อนรัก ก็เห็นพีชที่วางโทรศัพท์ไปแล้วมีสีหน้าเหมือนรู้สึกผิด “เที่ยงนี้ฉันทานข้าวกับแกไม่ได้แล้วล่ะ”
“ทำไมล่ะ” ฉันถามหน้าตื่น
ถ้าพีชไม่อยู่ทานข้าวด้วย หมายความว่าฉันต้องทานกับพี่เดย์สองต่อสองเลยนะนั่น!
“สายรหัสฉันจะเลี้ยงต้อนรับพี่ปี 3 ที่เพิ่งกลับจากญี่ปุ่นเที่ยงนี้น่ะสิ ทั้งสายว่างพร้อมกันวันนี้พอดีเลย” พีชว่าพลางถอนหายใจ
“หมายถึงป้ารหัสแกที่ได้ทุนแต่ยังไม่เคยเจอกันอ่ะนะ”
“อื้อ นั่นแหละ เห็นว่ากลับมาถึงเมื่อวาน” พีชพยักหน้ารัวๆ “พี่จอยเพิ่งโทรบอกเนี่ย” พี่จอยที่พูดถึงคือพี่รหัสของพีชค่ะ
“คิวที่ 5 ข้าวได้แล้วจ้า” เสียงตะโกนของพนักงานประจำร้านทำให้พีชชะงักเล็กน้อยก่อนจะเดินไปรับข้าวโดยมีพี่เทมส์ตามติดเป็นเงาแถมยังยื่นตังค์จ่ายแทนตอนที่พีชกำลังเปิดกระเป๋า
“นี่ค่ะ” พีชยื่นตังค์คืนให้แต่พี่เทมส์ไม่รับ พอพีชอ้าปากจะทักท้วง หนุ่มหล่อเกินต้านก็มองเพื่อนหน้าตุ๊กตาของฉันด้วยสายตานิ่งสนิทจนพีชต้องเก็บเงินใส่กระเป๋าตังค์พร้อมกับไหว้ขอบคุณในเวลาต่อมา จู่ๆ พี่เดย์ที่ยืนใกล้ฉันกลับหัวเราะในลำคอซะงั้น... พี่เค้าขำอะไรอ่ะ หนูงง!
“เราจะไปทานข้าวที่ไหน” โอ้โหแฮะ พี่เทมส์มีถามเหมือนใส่ใจเลย
“รุ่นพี่นัดที่ห้าง m ค่ะ” พีชตอบแต่โดยดี
“ละไปยังไง”
“หนูจะนั่งรถไฟฟ้าค่ะ รุ่นพี่ออกไปกันละ แต่ตอนกลับพี่จอยบอกให้กลับพร้อมกัน” พีชยิ้มตอบแต่พี่เทมส์ดันย่นคิ้วเหมือนไม่พอใจงั้นล่ะ
นี่ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อน... ฉันคงมองว่าพีชกับพี่เทมส์คือแฟนกันแล้วเถอะ หึๆ เรื่องนี้ฉันต้องเม้าท์กับเอมและแก้มยุ้ย สองคนนั้นต้องกรีดร้องแน่น๊อน!
“งั้นไปพร้อมน้องฝันหวานพร้อมพี่ก็ได้ครับ”
“หือ!” ฉันร้องด้วยความงง ฉันตกลงทานข้าวกับพี่เดย์ที่ร้านนี้ ไปโผล่ที่ห้าง m ได้ไงก่อน!
ดูดิ! พีชกับพี่เทมส์หันมามองด้วยสีหน้าแปลกใจเลย
“พูดไรของมึง” พี่เทมส์ย่นคิ้วถามพี่เดย์หน้านิ่ง
“น้องฝันหวานตกลงจะทานข้าวเที่ยงกับกูถึงได้มาชวนน้องลูกพีชด้วยไง เดี๋ยวนั่งรถพี่ไปก็ได้ครับ ยังไงก็ไปที่เดียวกันอยู่ละ” พี่เดย์ตอบเพื่อนสนิทแถมยังหันมาชวนพีชที่กำลังมองฉันด้วยแววตาเต็มไปด้วยคำถาม นี่รู้ชะตาตัวเองเลย... โดนเพื่อนซักแน่ ฮือ!
“แต่...” ฉันจะขัดเพราะมันไม่เหมือนที่ตกลงกันไว้
“พี่เลือกร้านได้แล้วครับ พอดีเลยเนอะ น้องลูกพีชไม่ต้องไปคนเดียวด้วย” พี่เดย์ยิ้มที่ทำเอาฉันถึงกับค้านไม่ออก
ปกติเวลาไปไหนไกลจาก ม. ฉันกับพีชมักจะไปคู่เนื่องจากเราสองคนมาจากต่างจังหวัด... ยังไม่คล่องใน กทม. เท่าไหร่ ถ้าปล่อยให้พีชนั่งรถไฟฟ้าคนเดียวก็แอบห่วง เพื่อนยิ่งน่ารักมากอยู่ด้วย เกิดมีพวกช่างตื๊อเข้ามาจีบทำไง ใครจะช่วย!
ห้าง m ก็ห้าง m ฟะ! ได้ไปส่งเพื่อนรัก ที่สำคัญนักศึกษาน้อยกว่าแถวนี้ ไปทานข้าวถึงที่นั่นคงไม่มีใครเห็นหรอก (มั้ง)
“ไปพร้อมฉันดีกว่าพีช ไม่ต้องนั่งรถไฟฟ้าไปเองหรอก” ฉันพยักหน้าชวนเพื่อนรัก แน่นอนว่าพีชไม่ปฏิเสธกัน
สรุปพี่เดย์เป็นฝ่ายหอบหิ้วทั้งข้าวทั้งน้ำปั่นมาถึงใต้หอและนั่งรออยู่ด้านล่าง ส่วนฉันกับพีชขอตัวขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดธรรมดาเป็นชุดนักศึกษา คือถ้ากลับพร้อมรุ่นพี่ก็แวะเข้า ม.เลยไง ไม่ต้องมาหอเพื่อเปลี่ยนชุดให้วุ่นวายอีก
“แกไปตกลงทานข้าวกับพี่เดย์ตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมมีฉันเข้าไปเอี่ยวด้วย” พีชถามทันทีเมื่อเราสองคนอยู่ในลิฟท์
“ตอนซื้อน้ำปั่นนั่นแหละ ฉันเพิ่งรู้ว่าพี่เดย์โดดเรียนมานั่งรอกันใต้หอตั้งแต่เช้าเพื่อจะขับรถไปส่งที่ตึกคณะ พี่เค้ากลัวฉันอายถ้าเดินไป ม. เอง” ฉันบอกเสียงเบา แอบรู้สึกเกรงใจที่ทำให้รุ่นพี่ต้องมานั่งรอตั้งหลายชั่วโมง
“ถามจริง!” พีชถามด้วยสีหน้าอึ้งจัด
“อื้อ” ฉันพยักหน้าน้อยๆ “ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกเพราะพี่เดย์ไม่ได้บอก แต่พี่เทมส์โผล่มาเลยรู้ความจริงเข้า ฉันรู้สึกผิดที่ทำให้พี่เดย์ต้องรออยู่หลายชั่วโมงเลยเอ่ยปากว่าจะตอบแทน”
“พี่เดย์เลยเลือกให้แกเลี้ยงข้าวว่างั้น” พีชเลิกคิ้ว ถามอย่างเข้าใจในสถานการณ์ดี
“อ่าฮะ ฉันไม่อยากไปกับพี่เค้าแค่สองคน ดูเหมือนพี่เดย์จะดูออกเลยบอกให้ชวนแกไปด้วย”
“เก็ทละ” พีชพยักหน้ายิ้มๆ มองกันอย่างล้อเลียนพลางเดินออกลิฟท์มาด้วยกัน “ฉันว่านะพี่เดย์จีบแกจริงๆ แล้วแหละ อ๊ะๆ ไม่ต้องอ้าปากปฏิเสธ ถ้าไม่จีบจะมัดมือชกไปทานข้าวกับแกทำไม”
“งั้นพี่เทมส์คงจีบแกแน่เลย ไม่งั้นจะชวนแกไปดูหนังทำไม” พอฉันเถียงกลับพีชก็สะดุดเล็กน้อย (พีชเพิ่งสารภาพกับฉัน เอมและแก้มยุ้ยเมื่อวันก่อนว่าพี่เทมส์ชวนไปดูหนังล่ะ)
“บอกแล้วไงพี่เทมส์ไม่ได้จีบฉัน พี่เค้าแค่ได้ตั๋วฟรีแถมพวกพี่เดย์ก็ไม่มีใครดูอนิเมะเรื่องนั้นสักคน”
“ค่ะ ไม่จีบก็ไม่จีบเนอะ” ฉันยักคิ้วอย่างล้อเลียนพลางใช้คีย์การ์ดสแกนประตูห้อง พีชทำแก้มพองลมนิดหน่อยจนฉันเผลอหัวเราะเพื่อนหน้าตุ๊กตาด้วยความเอ็นดู
พอเห็นรถของพี่เดย์ ฉันรู้ทันทีเลยว่าทำไมหนุ่มหล่อโลกละลายถึงเป็นคนดังในมหาลัย มีแฟนคลับสาวๆ มากมายนับไม่ถ้วน มันไม่ใช่เพราะโชคช่วยหรืออะไร แต่เป็นเพราะนอกจากพี่เดย์จะหล่อมากแล้ว ฐานะคงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหน้าตาเลย
ก็แบบรถหรูคันที่พี่เค้าขับอยู่ราคาแรงมากแถมเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดด้วย (ที่ฉันรู้เพราะลูกชายของคุณน้าซึ่งแก่กว่าฉัน 2 ปีเคยบ่นอยากได้ตอนฉันไปนอนบ้านคุณน้าก่อนเปิดเทอมไงเล่า)
แล้วหล่อรวยครบสูตรแบบนี้เนี่ยนะจะมาจีบฝันหวาน มองในระยะประชิดยังรู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ คนอย่างพี่เดย์คงมีสาวๆ เข้าหานับไม่ถ้วน พี่เค้าจะมาชอบเด็กน้อยอย่างฉันทำไม ที่พี่เดย์ประกาศกร้าวว่าชอบฉันบนลานเกียร์รวมถึงตามหามือถ่ายคลิปก็เพราะอยากรับผิดชอบการกระทำของตัวเองให้รุ่นน้องคนนี้พ้นข้อครหาก็เท่านั้น... ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้หรอก
“แกนั่งหน้าสิฝัน” พีชกระซิบเมื่อฉันกำลังเอื้อมมือเปิดประตูหลัง
“ไม่เอา” ฉันรีบส่ายหน้า ฉันไม่กล้าหรอก
“ฉันไม่สนิทกับพี่เดย์ แกรู้จักพี่เค้าดีกว่าเพราะงั้นแกนั่งหน้าเลย” พูดจบพีชก็ชิงเปิดประตูหลังเข้าไปนั่ง ทิ้งให้ฉันยืนเอ๋ออยู่นอกรถ จะเข้าไปนั่งอีกคนก็ไม่ได้อีก ทำงั้นพี่เดย์จะกลายเป็นคนขับรถกันพอดีเพราะงั้นฉันต้องจำใจเปิดประตูด้านหน้าฝั่งข้างคนขับจนได้
ระหว่างอยู่บนรถพี่เดย์ก็ชวนคุยเล่นโน่นนี่นั่นอย่างเป็นกันเอง ขนาดพีชไม่ค่อยได้คุยกับพี่เดย์เท่าไหร่ยังหลุดขำตั้งหลายครั้ง บรรยากาศเลยมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงห้างโดยพีชขอตัวแยกไปหาสายรหัส ส่วนฉันกับพี่เดย์เดินมาด้วยกัน
ระหว่างนี้ฉันก็มองซ้ายมองขวา... ไม่ใช่ไรหรอก ถ้าเจอเด็กใน ม. จะได้หลบทันไงเล่า
“น้องฝันหวานทานอะไรดีครับ” พี่เดย์ก้มหน้ามาถามด้วยรอยยิ้มทำเอาฉันย่นคิ้วด้วยความงง
“ไหนพี่เดย์บอกว่าเลือกร้านแล้วไงคะ”
“ร้านที่พี่เลือกไม่มีโต๊ะว่างเลยครับ” ว่าแล้วพี่เดย์ก็หันหลังพยักหน้าไปทางทงคัตสึร้านดังที่ฉันกับพีชโปรดปราน ตอนนี้คนนั่งรอคิวหน้าร้านจนไม่มีเก้าอี้ว่าง “พี่ให้น้องฝันหวานเลือกบ้างดีกว่า”
“อืม! ที่จริงหนูชอบทานชาบูนะคะ พี่เดย์จะโอเคมั้ยถ้าหนูเลือกคาตาโอะโมย” ฉันบอกชื่อร้านชาบูเจ้าดังออกไป
“ทำไมจะไม่โอเคครับ พี่สายเนื้อเลยแหละ ไปร้านนั้นกัน” พี่เดย์ชวนด้วยรอยยิ้มโลกละลาย
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ายิ้มตอบ
ฉันกับพี่เดย์เดินคุยกันมาถึงหน้าร้าน โชคดีมากที่มีโต๊ะว่าง ไม่ต้องต่อคิวให้หิวไปมากกว่าเดิม เราสองคนสั่งเมนูที่อยากทาน ระหว่างที่รอพนักงานมาเสิร์ฟ เสียงไลน์ก็เข้ามารัวๆ ปรากฏว่าเป็นคุณแม่และคุณพ่อที่ไลน์เข้ามาในกลุ่มบ้าน ถามว่าลูกสาวคนนี้ทานข้าวรึยัง ฉันรีบถ่ายรูปหม้อชาบูที่ยังไม่มีน้ำซุปส่งไปในกรุ๊ปทันที
“ถ่ายหม้อชาบู?” น้ำเสียงแปลกใจของพี่เดย์ทำให้ฉันที่กดส่งรูปไปแล้ววางมือถือลง เงยหน้ายิ้มให้คนนั่งตรงข้าม
“พอดีคุณพ่อคุณแม่ถามว่าทานอะไร หนูเลยส่งรูปว่ากำลังจะทานชาบู ว่าแต่พี่เดย์เถอะค่ะ... ชอบทานเนื้อแต่ทำไมถึงเลือกทงคัตสึล่ะคะ” ฉันถามด้วยความแปลกใจนิดหน่อย ก็แบบร้านที่พี่เดย์เลือกไม่มีเมนูเนื้อเลยไง มีแต่หมู ปลาและอาหารทะเล
“น้องฝันหวานชอบร้านนั้นนี่ครับ พี่เห็นน้องลงรูปในไอจีอยู่หลายครั้ง” คำตอบของพี่เดย์ทำให้ฉันเหวอเล็กน้อย
“เพราะหนูชอบ พี่เดย์เลยเลือกร้านนั้น” ฉันถามหน้าตื่น
“ใช่ครับ นี่เป็นเดทแรกของเราสองคน พี่ต้องเลือกร้านที่คู่เดทชอบสิครับ ไม่งั้นน้องฝันหวานจะประทับใจในตัวพี่เหรอ... จริงมั้ย” ว่าแล้วพี่เดย์ก็ขยิบตา ยิ้มหวานส่งมาให้กัน ส่วนฉันได้แต่อึ้งแถมใจเต้นแรงขึ้นมาซะดื้อๆ ...
นี่ถือเป็นเดทแรกของเราสองคนงั้นเหรอ พี่เดย์ชวนฉันมาเดทเหรอ พูดจริงเหรออออ???