เมื่อให้กำลังใจตัวเองเสร็จสรรพ์ ฉันก็ผลักประตูกระจกเข้ามาในหอ กดลิฟท์ขึ้นมายังชั้น 6 เดินถึงหน้าห้องตัวเองก็ใช้คีย์การ์ดสแกนเข้ามาด้านใน โชคดีที่คุณน้าให้แม่บ้านเตรียมข้าวกล่องแสนอร่อยมาให้ละ เที่ยงนี้เลยสบายไปอีกมื้อ
ฉันนำข้าวกล่องไปวางบนโต๊ะทานข้าว กดรีโมทเปิดแอร์ เดินไปหยิบชุดนักศึกษาในห้องนอนออกจากถุง จัดการแยกผ้าให้เรียบร้อยแล้วใส่ลงเครื่อง ตั้งเวลาเป็นอันเสร็จ ระหว่างนี้ไม่รู้จะทำอะไรก็เอาโน้ตบุ๊คออกมาเล่นเน็ต หานิยายอ่านจากเว็ปไซด์ชื่อดัง อุ๊ย! นักเขียนในดวงใจเพิ่งเปิดเรื่องใหม่ นางเอกเป็นคนเจียงใหม่เหมือนฉันเลย แค่อ่านตอนแรกก็อินเว่อร์...อยากสอย *****คแล้วจ้ะแม่
พอเครื่องซักผ้าแจ้งเตือนฉันก็ผละออกจากหน้าจอ หยิบเสื้อออกมาตากที่ระเบียงก่อนจะนำผ้าสีใส่ลงเครื่องอีกรอบ ช่วงที่ผ่านมาฉันขอร้องให้พี่งามสอนรีดผ้าด้วยล่ะ... ฝันหวานคนนี้รีดผ้าเป็นแล้วเน้อ ถือว่าพัฒนาไปอีกขั้น เย้!
เย็นย่ำฉันเดินออกมาเก็บผ้าที่ระเบียง ตั้งใจจะรีดชุดนัก ศึกษาให้เรียบร้อยแต่พอเปิดค้นทุกตู้ปรากฏว่าที่หอไม่มีเตารีดให้ มีแค่ที่รองรีดเท่านั้น จะออกไปซื้อเตารีดคนเดียวก็ยังไม่รู้ทาง เอาเสื้อผ้าไปส่งรีดที่ร้านซักรีดแถวนี้ก่อนละกัน ไว้ได้เพื่อนใหม่แล้วค่อยชวนเพื่อนไปเดินห้างเพื่อซื้อก็ยังไม่สาย
ฉันนำเสื้อผ้าที่ซักเรียบร้อยใส่ลงถุงกระดาษ หอบหิ้วลงมาชั้นล่าง พอถึงใต้หอเห็นมีคนกำลังขนของย้ายเข้าหลายรายเลยอดยิ้มไม่ได้ เริ่มชีวิตนักศึกษาใหม่เหมือนกันสินะ
“น้องครับ ให้พี่ช่วยถือมั้ย” พอเดินออกหอได้สามช่วงตึก มีผู้ชายสามคนเข้ามาดักหน้า หนึ่งในนั้นยื่นมือแถมส่งยิ้มมา... มุกจีบที่เจอมานักต่อนัก เฮ้อ!
“ขอบคุณค่ะ แต่แฟนหนูคงไม่ชอบถ้ารู้ว่ามีผู้ชายมาถือของให้ ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันบอกด้วยรอยยิ้มก่อนจะเฝดตัวออก มาอย่างรวดเร็วโดยไม่ฟังอะไรต่อ เดินอีกไม่กี่ก้าวก็เจอร้านซักรีด เจ้าของร้านบอกว่ามารับได้ตั้งแต่ทุ่มครึ่งเป็นต้นไป ฉันบอกขอบ คุณก่อนจะเดินจากร้าน ชักหิวแล้วแฮะแต่ไม่ได้เอามือถือลงมาด้วย ขึ้นไปเอาโทรศัพท์ก่อนดีกว่าเผื่อคุณพ่อคุณแม่โทรหา
พอเปิดประตูเข้าไปในห้องก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังพอดี ฉันรีบวิ่งไปรับก็เห็นว่าเป็นคุณย่าที่อยู่เชียงใหม่โทรหาหลานสาวคนนี้
“หวัดดีจ้าว” ฉันกรอกเสียงลงไปในสายพลางเดินไปที่ประตู
“กิ๋นข้าวแลงแล้วยังหลานย่า” คุณย่าถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเหมือนเช่นปกติ
“น้องกำลังยะลงไปกิ๋นข้าวจ้าว” ฉันบอกพลางเดินออกมานอกห้องพลางปิดประตู
“อั้นย่าบ่ก๋วนหลานละ ไว้บึดมะคืนย่าโทรหาหลานใหม่แล้วกั๋น” คุณย่าคงไม่อยากกวนเวลาทานข้าวของฉันเลยขอตัววางไปก่อน
“จ้าว...หวัดดีจ้าว” ฉันรับคำแล้วกดวางสายแต่พอหันมาดันเจอเด็กสาวคนนึง
โหว! น่ารักมากกกก! เหมือนตุ๊กตาเลย หรือจะเป็นเพื่อนเอกญี่ปุ่นที่รุ่นพี่เคยบอกมา คิดได้ก็รีบส่งยิ้มหวานให้ทันที เธอยิ้มตอบอย่างน่ารักก่อนที่ฉันจะเดินตามเธอมาที่ลิฟท์
“คือว่า เธอกำลังเข้าปี 1 เอกญี่ปุ่นใช่เปล่า” ฉันเสี่ยงทัก ทายคนน่ารักเว่อร์วังอย่างเป็นกันเอง เธอมีสีหน้างงเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าช้าๆ
“อื้อ”
“เย้! นึกว่าจะหน้าแหกละ ดีใจที่ทักถูกคน เราฝันหวานนะ เรียกฝันเฉยๆ ก็ได้ เอกญี่ปุ่นปี 1 เหมือนกัน” ฉันรีบแนะนำตัว
ในที่สุดก็ได้เพื่อนก่อนเปิดเทอมแล้วเว้ย! ดีใจ๋ขะหนาดหนักเลยจ้าว!
“จริงป่ะเนี่ย! เราชื่อลูกพีชนะ เรียกพีชอย่างเดียวก็ได้” เธอแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มกว้าง นอกจากหน้าตาน่ารักมากแล้ว ชื่อก็ยังน่ารักด้วย ขนาดเป็นผู้หญิงด้วยกันนี่ยังละสายตาไม่ได้เลย... เกินต้านชะมัด “ดีใจอ่ะ เจอเพื่อนเอกเดียวกันตั้งแต่ก่อนเปิดเทอม ว่าแต่ฝันรู้ได้ไงว่าเราเรียนเอกญี่ปุ่น เราสองคนยังไม่เคยเจอกันป่ะ” พีชถามอย่างเป็นกันเองเมื่อฉันเดินตามเข้ามาลิฟท์
“อันที่จริงยังไม่เคยเจอหรอก แต่รุ่นพี่บอกเรามาว่าหอนี้มีเพื่อนเอกญี่ปุ่นพักอยู่ด้วย อ๊ะ! อย่าเพิ่งทำหน้างง รุ่นพี่ที่ว่าก็คือพี่เอ...ประธานเอกญี่ปุ่นปี 2 ไง” ฉันบอกด้วยรอยยิ้ม
“อ๋อ! พี่เอที่หล่อๆ แต่แทนตัวเองว่าพี่สาวใช่ป่ะ” พีชถามอย่างนึกได้
“ใช่ๆ พี่เอคนที่สวยที่สุดในปี 2 นั่นล่ะ” ฉันหัวเราะออกมาด้วยความขำ ก่อนที่พีชจะหัวเราะตามอย่างรู้กัน
“แล้วทำไมฝันถึงคิดว่าเราคือคนที่พี่เอพูดถึงล่ะ ถ้าเดาคือเก่งมากนะ เดาถูกด้วย” พีชเลิกคิ้วด้วยสีหน้าแปลกใจทำให้ฉันยิ้มอีกครั้ง
“หึ!” ฉันส่ายหน้าไปมา “ไม่ได้เดาเก่งไรหรอก ก็พี่เออีกนั่นแหละบอกเราว่าเพื่อนที่อยู่หอเดียวกันไว้ผมยาว ผิวขาว ตัว บางๆ ตาโต จมูกโด่ง แก้มอิ่มๆ มองบางมุมก็สวย มองบางมุมก็น่ารัก เราเห็นหน้าพีชครั้งแรกคิดว่าใช่เลย... นี่แหละต้องเป็นคนที่พี่เอบอกแน่” ฉันบอกด้วยรอยยิ้มหวาน
เอาจริงป่ะ สิ่งที่พี่เอบอกมาตรงปกทุกประการ! พีชน่ารักแบบมากจริงๆ!
“ฝันยิ้มน่ารักจัง” พีชชมกันซึ่งๆ หน้าทำเอาฉันไปไม่เป็น ทำได้แค่เพียงหัวเราะเขินๆ ก่อนที่เราสองคนจะหัวเราะให้กันซะงั้น
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ แม้ฉันกับพีชเพิ่งเจอกันไม่ถึงห้านาที แต่ดันคุยถูกคอราวกับรู้จักกันมานาน อย่างนี้สินะที่เค้าบอกว่าถูกชะตา! ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังเซอร์ไพรส์หนักกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าพีช มาจากแพร่... เพื่อนคนแรกของฉันหลังย้ายมาจากเชียงใหม่ก็เป็นคนเหนือด้วย! ถ้าคุณแม่รู้เข้าคงอุ่นใจแน่นอน
“อุ๊ย!” เสียงอุทานของพีชทำให้ฉันหยุดชะงัก
พอมองรอบตัวก็เห็นผู้ชายสี่คนหน้าตาหล่อเหลาราวกับซูเปอร์ไอดอลยืนอยู่แถวนี้พอดี
อ้าวเฮ้ย! ว่าแต่ปลายผมของพีชเข้าไปติดกระดุมเสื้อของผู้ชายคนนั้นได้ไง!!
โหว! แล้วผู้ชายเจ้าของกระดุมเสื้อคือหล่อมากเว่อร์ นี่คือการโคจรมาพบกันระหว่างน่ารักเกินต้านกับหล่อเกินต้านสินะ หูย! แค่เห็นก็ขนลุก พีชกับผู้ชายคนนี้ดูสมกันชะมัด!!
“น้องสองคนมาเที่ยวหาเพื่อนแถวนี้เหรอครับ” เสียงชวนคุยอย่างเป็นกันเองทำให้ฉันละสายตาจากพีชมามองคนพูด
ว่าพี่ผู้ชายคนนั้นหล่อเกินต้านแล้ว... พี่ผู้ชายที่ชวนคุยคือแบบ หล่อออร่าพุ่งไม่ต่างกัน ทั้งดวงตาคมกริบที่หวานระยับ จมูกโด่งรับกับเรียวคิ้มเข้มและริมฝีปากสีแดง ผมสีน้ำตาลอ่อนระต้นคอแถมยังเข้ากับกรอบหน้าได้รูปแสนเพอร์เฟ็กต์ ไหนจะสูงยาวเข่าดี ผิวหน้าขาวใสไร้สิว ผิวกายขาวออร่าอีกต่างหาก พนันได้เลยว่าเป็นขวัญใจสาวๆ แบบไม่ต้องสืบล้านเปอร์เซ็นต์!
“เปล่าค่ะ หนูกับเพื่อนเพิ่งออกมาจากหอค่ะ” ฉันส่ายหน้าน้อยๆ
“พักแถวนี้แสดงว่าเรียน ม.A อ่ะดิ” พี่คนเดิมถามพลางคลี่ยิ้ม ว้าว! ยิ้มทีโลกละลาย จากที่หล่ออยู่แล้วอัพสกิลความหล่อมากขึ้นกว่าเดิมเป็นล้านเท่าได้
“ใช่ค่ะ” ฉันพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ
เอาจริง! แอบแปลกใจตัวเองเหมือนกัน ปกติฉันแทบไม่คุยกับผู้ชายที่ไม่รู้จัก แต่กับพี่รอยยิ้มโลกละลายคนนี้ เค้าถามมาฉันดันตอบซะงั้น ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจอะไรเลย
“ปีหนึ่ง?” พี่หล่ออีกคนที่ยืนข้างพี่หล่อรอยยิ้มโลกละลายถามอย่างง่ายๆ
“ค่ะ”
“แล้วเรียนคณะไรกันบ้างครับ พวกพี่สี่คนก็เรียนวิศวะ ม.A เหมือนกัน” พี่หล่อรอยยิ้มโลกละลายยักคิ้วบอกอย่างเป็นกันเอง ส่วนพี่หล่ออีกสองคนได้แต่ส่งยิ้มมาอย่างใจดี
“พวกหนูสองคนเรียนเอกญี่ปุ่นค่ะ” ฉันบอกพลางคลี่ยิ้ม ชั่วขณะเดียวกันพี่เจ้าของรอยยิ้มหล่อโลกละลายก็มองกันแบบไม่กะพริบตาซะอย่างนั้น
ตึกตัก! ตึกตัก! มองจนฝันหวานคนนี้ที่ไม่เคยมีอาการใจเต้นกับผู้ชายคนไหนมาก่อน เริ่มใจ เต้นผิดจังหวะ หน้าร้อนผะผ่าว ไม่สามารถบอกได้ว่าอาการของตัวเองตอนนี้คืออะไรกันแน่
“ไปทานข้าวกันเถอะฝัน เราหิวมากแล้วเนี่ย” น้ำเสียงออดอ้อนรวมถึงมือบางที่เอื้อมมาจับแขนกันอย่างละมุนละม่อนทำให้ฉันหลุดจากภวังค์
“เอาสิพีช ไปเถอะ” ฉันรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เราสองคนบอกสวัสดีพวกเขาสี่คนแล้วเดินออกมา...
แต่ทว่าใจดวงน้อยยังคงเต้นตึกตัก แถมรอยยิ้มหล่อโลกละลายนั้นยังติดตาฉันไม่เปลี่ยนแปลง!!