เมื่อวานหลังจากพีชไลน์มาบอกว่าถึงห้องแล้ว ฉันก็รีบปิดมือถือทันที
บ่ไจ้ว่ายะหยังผิดกะเลยหนีหนาจ้าว!
แต่เป็นเพราะพี่เดย์ลงรูปฉันในไอจีแล้วแท็กกันมานั่นล่ะ ทั้งพวกเพื่อนในเอก ทั้งรุ่นพี่ หรือแม้แต่เพื่อนสมัย ม.ปลายต่างไลน์ถามไม่หยุดว่าฉันมีแฟนแล้วเหรอ? ไปกิ๊กกับพี่เดย์ตั้งแต่เมื่อไหร่อะไรยังไง? ฉันเลยใช้ความนิ่งสงบทุกความเคลื่อนไหว ดองไลน์ไว้ เลือกตอบเฉพาะพีช เอมและแก้มยุ้ยเท่านั้น
ตอนแรกก็นึกว่ามูฟออนจากเรื่องยุ่งยากพ้นละ แต่พอพี่คนโตและพี่คนรองวีดีโอคอลมาจากเมกา... ฉันนี่ถึงกับตาโต กลืนน้ำลายลงคอเอือกๆ
ก็พี่ชายทั้งสองน่ะ โคตรหวงน้องสาวคนนี้เลย สมัยอยู่เชียงใหม่ถ้ารู้ว่ามีใครมาจีบฉันแบบพูดไม่รู้ฟังล่ะก็ พี่เมฆและพี่สายฟ้าถึงขั้นตามไปถึงโรงเรียนคนๆ นั้นแถมประกาศกร้าวว่าถ้ายังอยากมีชีวิตสงบ อย่ายุ่งกับน้องสาวของพวกกู!!
ถามว่าผู้ชายพวกนั้นกลัวมั้ย คำตอบคือกลัวค่ะ! ถึงพี่เทฆกับพี่สายฟ้าจะไม่ใช่นักเลงโตแต่ก็เป็นคนจริงประเภทตาต่อตาฟันต่อฟัน ถ้าเพื่อน้องสาวคนเดียวล่ะก็พร้อมบวกทุกสถานการณ์ ใครเห็นจะไม่กลัวเล่า? ยิ่งมีผู้ชายลงรูปแถมแท็กกันในไอจี มองจากดาวอังคารลงมายังรู้เลยว่าพี่ๆ ต้องเป็นห่วงน้องสาวคนเล็กอย่างฉันมาก
ละเป็นแบบที่คิดไม่มีผิด พอฉันกลั้นใจรับสาย ทั้งพี่เมฆและพี่สายฟ้าต่างผลัดกันซักไซร้ไม่หยุด ถามว่าพี่เดย์คือใคร เรียนคณะไหน จีบกันมานานแล้วใช่มั้ย ทำไมถึงปิดบังพวกพี่ บลาๆๆ ฉันนี่รีบยกมือห้าม รีบเล่าให้ฟังว่าอีกฝ่ายคือรุ่นพี่ที่นับถือแถมพี่เดย์ยังใจดีเข้ามาช่วยกันผู้ชายให้ เพราะฉันโดนเพื่อนเอกอื่นรวมถึงคณะอื่นตามจีบไม่หยุด แล้วที่พี่เค้าแท็กมามันไม่มีไรเลย ก็แค่อยากสร้างความสมจริงให้คนคิดว่ากำลังกิ๊กกันก็เท่านั้น
ตอนแรกพี่เมฆกับพี่สายฟ้าดูไม่เชื่อ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังขา ฉันเลยถ่ายหน้าจอแชทไลน์ของพี่เดย์ให้เห็นจะๆ ว่าแอทกันมานาน พี่เดย์ไม่เคยชวนคุย นอกจากส่งรูปหมามาให้ในวันนี้แค่ครั้งเดียว
คือถ้าจีบก็จีบไปนานแล้วป่ะ? พอเห็นหลักฐาน... พี่ๆ ก็เย็นลงแต่ไม่วายเป็นห่วงอยู่ดี ฉันได้ทีรีบบอกเสียงอ่อน... รู้ว่าพวกพี่เป็นห่วงแต่มันไม่มีอะไรจริงๆ ถ้ามีสัญญาจะโทรหาทันที แถมที่ผ่านมาถ้าฉันจัดการไรไม่ได้ พี่เมฆกับพี่สายฟ้าต้องเป็นฝ่ายยื่นมือเข้ามาจัดการแทนไม่ใช่เหรอ?
นั่นล่ะ! พี่ชายคนโตกับคนรองถึงดูเบาใจขึ้น แต่ก่อนวางสายมิวายย้ำนักย้ำหนา ถ้ามีใครมาทำให้รำคาญใจหรือคุกคามต้องรีบบอก เดี๋ยวจะให้เพื่อนที่อยู่กรุงเทพจัดการแทน...
เป็นไงล่ะพี่ชายสุดหล่อทั้งสองของฉัน... ทั้งรักทั้งหวงน้องไม่มีใครเกินมั้ยล่ะ!
เคลียร์เรื่องพี่ๆ ไปได้แล้วหนึ่ง แต่วันนี้ยังต้องเผชิญกับสายตาสาวๆ ในมหาลัย ไหนต้องตอบคำถามเพื่อนในเอกรวมถึงรุ่นพี่อีก... บ่ฮู้จะหมู่หรือจ่า แค่กึดจะอิดละ เฮ้อ!
“เอาน่า แกก็แค่ตอบไปตามตรง ไม่มีไรต้องกังวลหรอก” พีชที่เดินข้างกันยื่นมือมาแตะไหล่ฉันอย่างให้กำลังใจ หลังจากเราสองคนคุยรายละเอียดแบบลงลึกกันมาตลอดทาง
“ฉันกลัวคนอื่นจะไม่เชื่อน่ะสิ” ฉันถอนหายใจพรึ่ดทำเอาพีชยิ้มด้วยสีหน้าเอาใจช่วย
“ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร เอาจริงป่ะ ถ้าคนเชื่อว่าแกกับพี่เดย์กิ๊กกันก็ใช่ว่าจะแย่ไปซะหมด อย่างน้อยก็กันผู้ที่เข้ามาจีบได้บ้างล่ะ”
“ก็จริงแฮะ ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย มันก็มีข้อดีเหมือนกันเนอะ”
ขอสารภาพตามตรง ฉันล่ะโคตรปวดหัวเพราะผู้ชายที่เข้ามาจีบ บางคนปฏิเสธไปแล้วยอมฟังก็ดีอยู่หรอก แต่บางประเภทที่ตื๊อไม่หยุดนี่สิ ทำให้ฉันต้องคอยหลบคอยซ่อนคอยหนีทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด.... เหนื่อยมาก
“แกๆ นั่นไงแฟนพี่เดย์” น้ำเสียงตื่นเต้นของสาวๆ ที่รอข้ามถนนทำให้ฉันกับพีชเงียบลง
ใจเต้นตูมตามเพราะกลัวโดนด่าน่ะสิ ฮือ!
“น่ารักว่ะ ตัวจริงหน้าหวานกว่าในรูปอีก”
“เนอะ ใสมากกก เห็นพวกผู้ชายในคณะพูดกันว่าเป็นตัวท็อปของรุ่นเรา เพื่อนสนิทที่ยืนข้างกันก็โคตรน่ารัก... ดูดิ เหมือนตุ๊กตาเลย”
“ใสจริงหรือใสปลอมคะ เพิ่งเปิดเทอมได้ไม่นานก็สอยหนุ่มฮ็อตอย่างพี่เดย์ได้ละ ฉันว่าชีไม่ธรรมดาว่ะ”
“จริง! ถ้าใสๆ จะได้ผู้เร็วขนาดนี้? ยิ่งเพื่อนสนิทถึงขั้นสอยหล่อเกินต้านอย่างพี่เทมส์ได้... โคตรแผนสูงป่ะ”
ขวับ! ฉันกับพีชหันมองกันอย่างเข้าใจความรู้สึกกันดี พอไฟเขียวเราสองคนรีบข้ามถนน เดินเข้ามหาลัยอย่างไม่รอช้า ถ้าถามว่าเราสองคนต่อปากต่อคำกับคนอื่นมั้ย คำตอบคือไม่ค่ะ ขืนพูดไปก็หาว่าแก้ตัว โน่นนี่นั่น บลาๆๆ เพราะงั้นเงียบไว้ แล้วให้เวลาเป็นตัวตัดสินจะดีกว่า
“ขอโทษนะพีช ฉันทำให้แกโดนลากมาเอี่ยวด้วยเลย” ฉันถอนหายใจยาวด้วยความกังวลเมื่อหลุดจากวงโคจรซุบซิบได้
“คิดมากน่า ฉันชินละเหอะ อย่าลืมดิเหตุการณ์พวกนี้ฉันโดนก่อนแกอีก” พีชส่ายหน้าพลางยิ้มอย่างปลอบใจ แต่ถึงงั้นฉันก็รู้สึกผิดอยู่ดีที่ทำให้เรื่องของเพื่อนที่เพิ่งซาลงเริ่มเป็นประเด็นอีกครั้ง “คุยเรื่องนี้แล้วเครียดเปลี่ยนเรื่องกันดีกว่า แล้วน้องหมาจะเอาไง"
“คงต้องถามพี่เดย์ก่อน ไม่รู้มีเจ้าของติดต่อมายัง”
“แต่น้องน่ารักเนอะ เห็นในรูปขนฟูหน้าแบ๊วมาก”
“ใช่มะ ขนาดฉันยังโดนน้องตกอ่ะ ถ้าหอเราเลี้ยงได้นะ ระหว่างที่ยังไม่เจอเจ้าของ... ฉันจะเอาน้องมาไว้กับตัว” พอพูดเรื่องฟูฟูฉันก็ยิ้มได้
“แล้วถ้าน้องไม่เจอเจ้าของ แกกับพี่เดย์จะทำไง”
“เรื่องนี้ฉันคิดไว้ละ ฉันจะขอน้องไว้เอง เมื่อคืนลองคุยกับคุณแม่ ท่านบอกว่าเอามาเลี้ยงกับชีโร่ได้ไม่มีปัญหา” ฉันบอกด้วยรอยยิ้มๆ
เมื่อวานหลังคุยกับพี่เมฆและพี่สายฟ้าเรียบร้อย ฉันนี่รีบโทรหาคุณแม่ทันที รายงานท่านว่าช่วยน้องหมาที่กำลังจะถูกรถชนได้ ถ้าเกิดไม่เจอเจ้าของ... ขอเลี้ยงไว้เองได้มั้ย คุณแม่บอกว่าได้เลย เอามาเลี้ยงบ้านเราสะดวกที่สุด ชีโร่จะได้มีเพื่อน ยังไงจะขับรถมารับน้องเอง ไม่ต้องส่งน้องไปทางเครื่องให้วุ่นวาย
“คุณแม่บอกอยากเจอแกด้วยล่ะ อยากเห็นลูกพีชเพื่อนสนิทที่ฉันติดแจ” ว่าแล้วฉันก็หัวเราะทำเอาพีชหัวเราะตามแล้วบอกด้วยสีหน้าขำ
“พูดเหมือนคุณแม่ฉันเลย ท่านก็อยากเจอแก แม่อยากเจอฝันหวานเพื่อนปาท่องโก๋ของลูก คงนิสัยเหมือนกันน่าดู ไม่งั้นลูกคงไม่ติดแจ"
ฉันกับพีชคุยกันเรื่อยเปื่อยจนมาถึงห้องเรียนรวม วิชานี้เป็นวิชาพื้นฐานที่ต้องเรียนร่วมกับเอกอื่นคณะอื่น นักศึกษาเยอะมากไม่ต่ำกว่าสามร้อยคนได้ พอเราสองคนเลื่อนประตูกระจกก็ช่วยกันมองหาเพื่อนในเอก เอมี่กับลิซ่าโบกไม้โบกมือให้สัญญาณ ฉันกับพีชรีบเดินไปหาโดยมีสายตาจับจ้องอยู่ตลอด ส่วนเอมกับแก้มยุ้ยยังมาไม่ถึง... เห็นว่ารถติดอยู่
“อะไรยังไงชะนี แกแจงมาเลย” พอฉันกับพีชหย่อนตูดลง ลิซ่าเริ่มถามด้วยใบหน้าใคร่รู้ขั้นสุด เพื่อนร่วมเอกคนอื่นก็ตีวงล้อมเข้ามาเช่นกัน
“เมื่อคืนแกทำเฉย ตอนนี้เปิดปากได้ละ ต่อมเผือกของฉันทำงานไม่หยุดแล้วเนี่ย” เอมี่ที่ตอนนี้สถาปนาตัวมานั่งข้างก็เอาบ้าง โชคดีหน่อยที่สองคนนี้ถามเสียงเบา คงเห็นว่ามีนักศึกษาคณะอื่นอยู่เยอะนั่นล่ะ ถ้ามีแค่เพื่อนในเอกนะ... ป่านนี้เสียงดังคับห้องแล้ว
“ก็ไม่มีไร...”
ครืด! เสียงเลื่อนเก้าอี้หลายตัวพร้อมกันแถมมีเสียงฝีเท้าคนวิ่งเข้ามาใกล้ทำให้พวกเราเอกญี่ปุ่นหันไปมอง แล้วก็เห็นผู้ชายสามสี่คนตีเนียนเข้ามานั่งใกล้แถมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อีกต่างหาก
ให้ตายเถอะ! แอบฟังสินะ ฉันจำหน้าได้ว่ามีคนนึงเป็นเพื่อนสนิทของบอส... คนที่ตามจีบฉันไม่หยุดนั่นล่ะ! มาสืบข่าวให้เพื่อนว่างั้น
“แฟนคลับแกแน่เลย” ชิชาเพื่อนร่วมเอกว่าพลางพยักเพยิดไปทางผู้ชายพวกนั้น เล่นเอาฉันถอนหายใจยาว ทำไงล่ะทีนี้ พูดความจริงไม่ได้อีก ขืนพูดไปก็โดนตื๊อไม่จบ...
หยังมาซวยซับซวยซ้อนแต้ว่า! เฮ้อ!
“แล้วพวกแกคิดว่าไง” จากที่จะสารภาพความจริง ฉันต้องเบี่ยงเบนประเด็นเป็นการตั้งคำถามแทน
“พวกฉันคิดไงไม่สำคัญเท่าคนพูดทั่ว ม. ว่าแกเป็นเด็กพี่เดย์” ลิซ่าจีบปากจีบคอพูดเสียงสาม แต่ทำเอาฉันกับพีชหันหน้าเข้าหากัน เบิกตาโตในทันที
“มีข่าวลือแบบนั้นด้วยเหรอ” พีชหันขวับไปถามด้วยภาษาญี่ปุ่น
เออว่ะ! ถ้าพวกเราพูดยุ่น อย่างน้อยเด็กเอกอื่นคณะอื่นคงไม่เข้าใจป่ะถ้าไม่ได้เรียนมา ยังพอปิดเป็นความลับได้อยู่ (มั้ง)
“ก็ใช่ไง ตอนนี้คนเชื่อเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ยังมีแบบผู้พวกนั้นที่ยังไม่เชื่อ” ขอบคุณที่เอมี่เข้าใจสถานการณ์ ระรัวยุ่นมาแถมเหลือบตามองรอบๆ ก็เห็นผู้ชายหลายคนมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น บางคนกำลังเกาหัวสีหน้าวุ่นวาย... ฟังไม่ออกสินะ แสดงว่าพวกเรามาถูกทางละ!
“พอพวกฉันเข้ามาในห้อง เอกอื่นคณะอื่นนี่พุ่งเข้ามาถามพรึ่บพรั่บว่าคบหรือไม่คบ คนสวยอย่างฉันเลยตอบไปว่าเรื่องส่วนตัวของเพื่อน ไม่กล้าตอบแทน ต้องให้เจ้าตัวพูดเอง... เป็นไง มงต้องลงป่ะ” ลิซ่ารัวยุ่นชุดใหญ่ หน้าตาของมันเชิดเหมือนนางงามกำลังตอบคำถามแต่เล่นเอาฉันมองมันด้วยความซาบซึ้ง ตอบโคตรดีอ่ะ
“ลงสิบมงเลยแก ขอบใจพวกแกมากนะ” ฉันสบสายตากับลิซ่าพลางไล่สายตามองเพื่อนร่วมเอก บอกขอบคุณทุกคนด้วยภาษาไทยเพราะอยากให้รู้ว่านี่คือคำขอบคุณจากใจ พวกนี้ตอบแบบเซฟมายไลฟ์ฉันมาก... ซึ้งชะมัด
“พวกแกไม่นั่งที่กัน อาจารย์เข้าแล้วนะเว้ย” คนที่มาทีหลังอย่างเอมและแก้มยุ้ยเดินเร็วเข้ามาทักด้วยสภาพหน้าตาตื่น พอเหลือบมองไปทางหน้าห้อง ทุกคนสลายตัวอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นอาจารย์ประจำวิชากำลังวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ
ตลอดสองชั่วโมง ฉันนั่งเรียนไปอึดอัดใจไปเพราะมีสายตาจากเอกอื่นคณะอื่นทั้งหญิงและชายมองมาไม่หยุด พออาจารย์ปล่อยเลิกคลาสปุ๊บก็รีบเก็บของ เอ่ยปากชวนพีช เอมและแก้มยุ้ยไปที่โรงอาหาร ทานข้าวเสร็จก็ชวนกันมานั่งรอที่ห้องเรียนซึ่งเป็นหลุมหลบภัยชั้นดี ไม่ต้องกังวลสายตาคนมอง พออีกสิบนาทีจะเข้าคลาส เพื่อนๆ ต่างเดินเข้ามานั่งห้องและบทสนทนาซักถามก็เลยเริ่ม
“ว่าไงชะนี ตกลงแกกับพี่เดย์กิ๊กกันช่ะ” ลิซ่าถามด้วยสีหน้าอยากรู้ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงสองในชั่วพริบตา “แกทำบุญด้วยอะไร หล่อโลกละลายถึงได้ตกถึงท้องแกแล้ว”
“ตกถึงท้องอะไรกัน ไม่มีเหอะ” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“อย่ามาๆ” เอมี่โบกนิ้วไปมามองกันด้วยสีหน้ารู้ทัน “ฉันตามไอจีพี่เดย์อยู่ ค้นดูทุกรูป สุดหล่อของฉันไม่เคยลงรูปชะนีในไอจีเลย แต่ค่ะแต่พี่เดย์ลงรูปแก... มันต้องมีอะไรล้านเปอร์”
“ไม่มีจริงๆ สาบาน” ฉันยกมือปางห้ามญาติพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ทำเอาเพื่อนคนอื่นที่ไม่ใช่พีช ฝันและแก้มยุ้ยดันทำหน้าไม่เชื่อซะได้
“แล้วทำไมพี่เดย์โชว์หน้าแกในไอจีหราขนาดนั้น ไหนจะเอาเสื้อช็อปไปมัดเอวตอนกระโปรงจะเปิดอีก ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้ป่ะ” ชิชาถามด้วยสีหน้ากังขาแต่เล่นเอาฉันเลิ่กลั่ก
“เรื่องเสื้อช็อปพวกแกก็รู้เหรอ” เป็นพีชที่ถามแทนด้วยหน้าตาตื่น
“โอย! ชะนีขา เค้ารู้กันทั้ง ม. มีคนถ่ายคลิปแล้วแชร์สนั่นเมืองแล้วจ้าหนู” เอมี่จีบปากจีบคอเจียระไนแต่ทำเอาฉันกลืนน้ำลายลงคอ
เรื่องมันไปไกลขนาดนี้เลย? นี่ก็นึกว่ามีคนเห็นไม่เยอะมาก ที่ไหนได้มีคนถ่ายคลิปเข้าไปอี๊ก... จะเป็นลม!!
“แกพูดจริง?” เอมและแก้มยุ้ยโพล่งถามพร้อมกัน ส่วนพีชที่นั่งข้างเอื้อมมือมาบีบมือกันอย่างให้กำลังใจ
“ยิ่งกว่าจริงอีกค่า ดูนี่” แล้วก็เป็นลิซ่าล้วงมือถือออกมาเปิดคลิปที่พี่เดย์วิ่งด้วยใบหน้าจริงจังแถมนำเสื้อช็อปเข้ามามัดเอวฉันที่กำลังทำหน้าตื่นตระหนกได้ทันเวลา
เอาจริง! เวลานั้นมัวแต่อึ้ง รู้แต่ว่าตัวเองโชคดีมากที่พี่เดย์ช่วยได้ทัน แต่พอได้เห็นคลิปตั้งแต่ต้นจนจบใจนี่เต้นตูมตามขึ้นมาดื้อๆ พี่เค้าดูจริงจังมาก ดูอยากช่วย ดูมุ่งมั่นสุดความสามารถเหมือนฮีโร่เลยอ่ะแก๊!!
“สรุปอะไรยังไงอย่าเงียบค่ะสาว” เคทถามบ้าง ฉันสั่งให้ตัวเองเลิกใจเต้น กลับมาโฟกัสที่เพื่อนในห้องซึ่งมองมาด้วยสีหน้าอยากรู้ ก่อนจะตอบไปตามตรงอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก
“ฉันกับพี่เดย์ไม่มีอะไรกันจริงๆ พี่เค้าเคยช่วยฉันจากคนเมาที่เข้ามาลวนลามทำให้เราสองคนรู้จักกัน”
“ถามจริง!!” ทั้งเอกยกเว้นเพื่อนสนิทโพล่งถามด้วยสีหน้าแตกตื่น
“จริง” ฉันพยักหน้าจริงจัง ไม่หลบสายตาใดๆ ทั้งสิ้น “เรื่องเสื้อช็อปก็ไม่มีอะไร ถ้าพี่เดย์ไม่เข้ามาช่วย ป่านนี้ฉันคงโชว์กางเกงในให้คนแถวนั้นเห็นแล้ว แกคิดดูว่าฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” ฉันลงท้ายด้วยน้ำเสียงอ่อน ทุกคนเลยมองมาด้วยสายตาเห็นใจ
“อันนี้พอเข้าใจ ถ้าเป็นฉันคงอายมาก” เพื่อนในเอกคนนึงพูดขึ้นมาอย่างเห็นด้วย
“ใช่เปล่าล่ะ ส่วนเรื่องรูปในไอจีก็ไม่มีไร พี่เดย์แค่ไปส่งฉันที่หอแต่ระหว่างข้ามถนนมีน้องหมาจะถูกรถชนพี่เค้าเลยรีบวิ่งเข้าไปช่วย จะอยู่รอเจ้าของน้องก็ไม่ได้อีกเพราะฝนเริ่มเทลงมา ฉันกับพี่เค้าเลยตัดสินใจถ่ายรูปน้องโพสลงไอจีเพื่อตามหาเจ้าของ ส่วนแฮชแท็กนั้นก็ไม่มีไร พี่เดย์รู้ว่ามีผู้ชายตามตื๊อฉันไม่หยุด พี่เค้าเห็นใจเลยช่วยกันด้วยการทำเหมือนเรากำลังกิ๊กกันเท่านั้นเอง” ฉันบอกยาวเหยียดแบบไม่หายใจหายคอแต่ทุกคนดันอึ้งมาก ก่อนจะวี้ดว้าย เปลี่ยนสีหน้าเป็นตื่นเต้นในชั่ววินาที
“อ๊าย! ชะนี มีผู้มาจีบยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ” ลิซ่ากรีดร้องถาม หน้าตาคือลัลล้าไม่ไหว
“ไม่ได้...” ฉันยังพูดไม่จบประโยค เพื่อนๆ ต่างตะโกนแทรกขึ้นมา
“จีบ!”
“แถวบ้านฉันเขาเรียกว่าจีบค่ะ พี่เดย์ทำขนาดนี้แกยังไม่รู้ตัวอีกเหรอฝัน” ชิชาถามด้วยสีหน้าล้อเลียน
“พี่เดย์ไม่ได้จีบ...” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบประโยค เสียงเลื่อนประตูก็ดังขัดจังหวะ เพื่อนๆ ต่างพากันรีบสลายตัวเพราะเซนเซย์เดินเข้าห้องมาแล้วน่ะสิ