บทที่ 1.2 - ตามล่า (หวาดระแวง)

1275 Words
“ถึงแล้วริน” เพียงฟ้าเอ่ยบอกเพื่อนรักที่นั่งนิ่งตลอดทาง ใบหน้าหวานเคร่งเครียดจนเห็นได้ชัด หญิงสาวทำได้เพียงถอนหายใจและพยายามปลอบใจคนกำลังมีปัญหา “อย่าคิดมากไปเลยริน ตอนนี้ทุกอย่างมันจบแล้ว” เพียงฟ้าบอกกับน้ำริน ดวงตากลมโตสั่นระริก น้ำตารินไหลอย่างห้ามไม่อยู่ “เห้ย จะร้องไห้ทำไมยัยริน ฟังฉันนะ ตอนนี้เธอไม่ถูกจับคลุมถุงชนแล้ว เธอเป็นอิสระแล้ว” เพียงฟ้าจับตัวเพื่อนรักให้หันมาสบตากับตน “แต่ฉันกลัว” น้ำรินเอ่ยเสียงสั่น มือไม้เย็นเฉียบจนเพียงฟ้าอดห่วงไม่ได้ “ไม่ต้องกลัวนะริน มีฉันอยู่ทั้งคนขอสัญญาว่าเธอจะต้องปลอดภัย ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรเธอได้ อย่ากลัวไปเลยนะ” หญิงสาวพยายามปลอบใจเจ้าสาวที่เพิ่งหนีงานแต่งมาสดๆ ร้อนๆ น้ำรินซาบซึ้งน้ำใจของเพียงฟ้า แต่หล่อนรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร ผู้ชายคนนั้นคงไม่ปล่อยให้เธอมีความสุขง่ายๆ ต่อให้วันนี้หนีได้ก็ไม่รู้ว่าจะถูกจับได้วันไหน ทุกเวลาและทุกนาทีนับจากนี้มีความเป็นความตายของเธอแขวนอยู่บนเส้นด้าย “ขอบใจมากนะฟ้า ขอบใจจริงๆ” หญิงสาวบอกพลางกุมมือคนตรงหน้าแน่น เพียงฟ้ายิ้มให้กำลังใจ เธอเองก็ทุกข์เช่นกันเมื่อเห็นเพื่อนต้องถูกบังคับและทำร้ายจิตใจไม่รู้จบ น้ำรินตัดสินใจถูกแล้วที่หนีออกมาจากพวกคนใจร้าย! “เข้าบ้านกันเถอะนะ ป่านนี้ป้าจิตคงทำกับข้าวไว้รอแล้ว รับรองว่าเธอได้กินของโปรดจนพุงแตกแน่นอน” จิตใจ เปรียบเสมือนแม่บังเกิดเกล้าของเพียงฟ้า หญิงสาวเป็นบุตรสาวของเศรษฐีที่มีฐานะร่ำรวย ชีวิตล้วนรายล้อมแต่สิ่งดีๆ เกิดมาบนกองเงินกองทอง ได้รับการเลี้ยงดูและได้รับการศึกษาอันเพียบพร้อมมากกว่าใคร แต่แล้ววันหนึ่งผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจก็มาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเครื่องบนตก ตอนนั้นเพียงฟ้าเหมือนคนตายทั้งเป็น เด็กสาวในวัยเพียงสิบสามปีนอนร้องไห้คิดถึงผู้ให้กำเนิดทุกเชื่อวัน มีเพียงจิตใจ ที่ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าแม่บ้านและเป็นคนเก่าคนแก่ที่ทำงานรับใช้ตระกูลของเพียงฟ้ามานานดูแลเธอต่อจากบิดามารดา หญิงวัยกลางคนให้ความรักและความอบอุ่นเสมือนเพียงฟ้าเป็นบุตรสาวแท้ๆ ก็ไม่ปาน อีกทั้งกิจการของครอบครัวยังมีลุงที่ไว้ใจได้คอยดูแลให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง บนความโชคร้ายมักมีความโชคดีอยู่เสมอ เพียงฟ้ากลับมาร่าเริงสดใสได้ในเวลาต่อมา “กลิ่นหอมไปถึงหน้าบ้านเลยค่ะป้าจิต โห… มีแต่ของโปรดของยัยรินทั้งนั้นเลย เห็นไหมฉันบอกเธอแล้ว” ประโยคหลังเจ้าตัวหันไปพูดกับเพื่อนรัก น้ำรินยิ้มบางเบา “สวัสดีค่ะป้าจิต” แขกยามวิกาลยกมือไหว้ผู้อาวุโสตรงหน้า จิตใจรีบเข้ามาสวมกอดพลางปลอบประโลม “ไหว้พระเถอะลูก ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นก่อนแล้วค่อยลงมาทานข้าวกันนะลูกนะ” น้ำเสียงใจดีที่เธอมักได้ยินเสมอ จิตใจมองเพียงฟ้าส่งสัญญาณให้คุณหนูของบ้านพาเพื่อนสาวขึ้นไปยังชั้นบน “ไปๆ ยัยริน รีบไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าวกัน ฉันหิวจะแย่แล้วเนี่ย” เพียงฟ้าว่าอย่างทะเล้น ดันแผ่นหลังของน้ำรินให้ออกเดินก่อนตน จิตใจมองภาพเบื้องหน้าแล้วให้นึกสงสาร เวรกรรมอะไรของสาวน้อยผู้นี้หนอ เกิดมาอาภัพไม่พอไฉนเลยต้องมาพบเจอกับผู้คนใจร้ายไม่รู้จักจบจักสิ้น ลำพังอยู่ในครอบครัวรวยแต่เปลือกก็ว่าทุกข์แล้ว มาวันนี้กลับถูกบังคับให้แต่งงานกับผู้ชายที่มีกิตติศัพท์ร่ำลือถึงความโหดเหี้ยมอีก สวรรค์ไม่เข้าข้างคนดีคนน่าสงสารบ้างเลยหรือไร จิตใจส่ายหน้าอย่างปลงตก เธอกับคุณหนูคงทำได้เพียงเท่านี้ ให้ที่พักพิงและกำลังใจต่อหญิงสาว “เสร็จแล้วค่า…” เพียงฟ้าส่งเสียงมาแต่ไกล จิตใจยิ้มกว้างกับนิสัยแก่นแก้วของเจ้านายน้อย หล่อนจัดการตักข้าวให้กับทั้งสอง น้ำรินขมวดคิ้วเมื่อเห็นเพียงจานข้าวแค่สองจานเท่านั้น “ป้าจิตไม่ทานด้วยกันหรือคะ?” เสียงหวานเอ่ยถาม “ป้าทานตั้งแต่เย็นแล้วลูก พวกหนูทานกันไปเถอะ” “แต่ว่า…” “เอาน่ายัยริน ปล่อยป้าจิตสุดอินดี้ของแกไปเถอะ รายนี้เขาชอบกินข้าวในครัวปูเสื่อฟังเพลง ลำพังตอนอยู่กับฉันสองต่อสองก็ไม่เห็นจะมากินด้วยเลยสักครั้ง” น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจของคุณหนูตัวน้อย “โถ… ทูนหัวของป้า อย่าโกรธกันเลยนะคะ” จิตใจพูดกับเพียงฟ้าพลางโอบกอดไหล่บาง น้ำรินมองภาพตรงหน้าพาลน้ำตาจะไหล เธอยอมรับว่าอิจฉาเพื่อนสาวยิ่งนักที่มีจิตใจคอยดูแล แม้จะไร้บุพการีแต่เจ้าหล่อนยังนับว่าโชคดีนักถ้าเทียบกับเธอหรือใครหลายๆ คนบนโลกใบนี้ หากไม่ได้รู้จักกับเพียงฟ้าเธอคงไม่มีโอกาสได้รับความห่วงใยจากใครอย่างแท้จริง สังคมที่เธอจากมาล้วนแล้วแต่ใส่หน้ากากเข้าหากัน ตระกูลใดมีเงินมากก็มีคนยอมรับมาก ตระกูลใดเงินน้อยอำนาจหด ผู้คนก็จะค่อยๆ เลือนหายจากไปตามกาลเวลา “ทานข้าวกันเถอะริน เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นเสียหมด” เพียงฟ้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เจ้าหล่อนดูแลแขกพิเศษเป็นอย่างดี จนคนมาขอความช่วยเหลืออดเกรงใจไม่ได้ “ไม่เป็นไรฟ้า ฉันตักเองได้” “ไม่ได้ๆ เธออุตส่าห์ให้เกียรติมาอยู่กับฉันทั้งทีก็ต้องดูแลกันหน่อย” เพียงฟ้าว่าติดตลก ประโยคนี้จากเพื่อนสาวทำเอาคนมีชนักติดหลังเงียบฉับพลัน ดวงตากลมโตหม่นหมองอีกครั้ง “เป็นอะไรหรือเปล่าริน ฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ?” เจ้าตัวกลัวว่าจะเผลอพูดจาทำร้ายจิตใจเพื่อนรัก น้ำรินส่ายหน้า “ไม่ใช่หรอกฟ้า เธอไม่ได้พูดอะไรผิด แต่ฉันแค่กลัวว่าจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อน ฉันกลัวจริงๆ นะฟ้า ผู้ชายคนนั้นเขาต้องรู้แน่ๆ ว่าฉันอยู่ที่ไหน เขาต้องเจอฉันแน่ๆ” น้ำเสียงของเจ้าหล่อนหวาดหวั่นทุกถ้อยคำ จิตใจมองหน้าเพียงฟ้าพลางถอนหายใจ… “ใจเย็นๆ สิยะ ไหนเธอบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่าที่บ้านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอคบกับฉัน แล้วแบบนี้อีตาโหดนั่นมันจะรู้ได้ไง อีกอย่างตอนนี้เราก็อยู่ต่างจังหวัด เพราะฉันเองก็กังวลข้อนี้เหมือนกันจึงไม่พาเธอไปอยู่ที่บ้านใหญ่” คำว่าบ้านใหญ่ของเธอก็คือคฤหาสน์หลังโตที่กรุงเทพมหานาครนั่นเอง “นั่นมันก็ส่วนหนึ่ง แต่ฉันก็กลัวอยู่ดี ผู้ชายคนนั้นเขา…” ดวงตากลมโตระแวงไปทุกสิ่ง จิตใจสงสารเจ้าหล่อนเหลือเกิน “ช่างหัวมันปะไร!” เพียงฟ้าโพล่งขึ้นอย่างเหลืออด “อีตานั่นมันจะเก่งสักแค่ไหนกันเชียว ลองถ้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอดูสิ ฉันเจาะกะโหลกมันแน่!” ดวงตาผู้พูดวาวโรจน์ ในชีวิตนี้รองจากป้าจิตและบุพการีที่เคารพรักแล้ว คนที่เธอห่วงใยมากที่สุดก็คือน้ำริน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD