“เงินใช่ไหม?” ลูเซียโน่ถามเสียงเย็น อีกฝ่ายรีบพยักหน้ารับ “ไม่ต้องห่วง ฉันจะโอนเข้าบัญชีให้ตามที่ตกลงกันไว้”
พูดจบลูเซียโน่ก็อุ้มร่างของพิมพ์ชนกขึ้นรถหรูทันที ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เหงื่อแตกพลั่กล้อมกรอบหน้าหวาน ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศไม่ได้ช่วยให้ร่างกายหายร้อนรุ่มเลยสักนิด
“คะ คุณจะพาฉันไปไหน?”
น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว คนฟังรู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อย เขาไม่ต้องการให้เธอมองเขาเป็นผู้ร้าย ลูเซียโน่รั้งร่างพิมพ์ชนกแนบอก
“จะทำอะไร ปล่อยฉัน อย่ามายุ่งกับฉันนะ!” เนื้อตัวสั่นเทิ้มน่าสงสาร เกิดมาไม่เคยถูกชายใดแตะเนื้อต้องตัวมากถึงเพียงนี้
“ถ้าเธอทำตัวดี ๆ ฉันจะเมตตาเธอพิมพ์ชนก”
เขากระซิบชิดใบหูขาวสะอาด หญิงสาวส่ายหน้าพลางร้องไห้ สองแก้มนวลเปียกชื้นคราบน้ำตา
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันขอร้อง” เพียงแค่คิดว่าถูกขายเพื่อบำเรอตัณหาให้แก่เขา หัวใจดวงน้อยพลันปวดร้าว เจ็บเสียยิ่งกว่าตายทั้งเป็น
“อย่าปฏิเสธความปรารถนาดีที่ฉันมอบให้ ฉันไม่ชอบให้ใครขัดใจ” ไม่พูดเปล่า ลูเซียโน่ถือวิสาสะหอมแก้มแดงระเรื่อ เขาหักห้ามใจไม่อยู่เมื่อได้ใกล้ชิด กลิ่นกายของเธอเย้ายวนเกินใคร
“คนเลว!” น้ำเสียงสั่นเครือด่าทอ คนถูกด่ากลับยิ้มชอบใจ
“ต้องให้กระตุ้นสินะ ถึงจะเลิกทำท่าทางหงอเป็นแมว” เขาหัวเราะในลำคอ พิมพ์ชนกอยากฆ่าเขานัก
“ฉันไม่ได้เต็มใจ ทำไมคุณไม่ไปหาคนอื่น”
“ก็ถ้าฉันต้องการคนอื่น ฉันคงไม่บ้าหอบเงินมาซื้อเธอตั้งร้อยล้านหรอกสาวน้อย”
“ระ ร้อยล้าน!”
พิมพ์ชนกตกตะลึงกับจำนวนเงินที่ได้รู้
“ทำไม ถึงกับพูดไม่ออกเชียวหรือ ค่าตัวเธอไม่ใช่ถูก ๆ เลยนะ” เขาพูดแล้วยิ้มกว้าง คนฟังคิดไปไกลว่าเขากำลังดูถูก
“ฉันไม่เคยอยากได้เงินของคุณ ฉันไม่ได้เต็มใจขายตัว!”
สาวน้อยตะโกนทั้งน้ำตา สามแม่ลูกคงมีความสุขบนกองเงินกองทอง ผิดกับเธอที่ต้องทนทุกข์ทรมานแทบขาดใจ
“แต่ป้าเธอขายเธอให้ฉันแล้ว”
“แต่ฉันไม่เต็มใจ” หล่อนยืนกรานคำเดิมหนักแน่น
“ฉันไม่สนว่าเธอจะเต็มใจหรือไม่ ขายคือขาย ต่อไปนี้เธอคือผู้หญิงของฉันโดยสมบูรณ์!”
คำว่า ผู้หญิงของฉัน ไม่ต่างอะไรกับเงื้อมมือมัจจุราชที่พุ่งตรงเข้ามากระชากวิญญาณของเธอออกจากร่าง พิมพ์ชนกส่ายหน้า ไม่ยอมรับสถานะที่เขายัดเยียดให้
“อย่าคิดต่อต้าน เพราะเธอไม่มีวันหลีกหนีฉันพ้น!”
“ได้โปรดเถอะค่ะ” เมื่อรู้ว่าใช้ไม้แข็งไม่ได้ผล เธอจึงลองเปลี่ยนมาอ้อนวอน สองมือยกไหว้ผู้ชายตัวโต
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ” ภาพตรงหน้าบาดลึกหัวใจลูเซียโน่เหลือเกิน เขาไม่ได้อยากถูกมองเป็นผู้ร้าย ที่ทำลงไปทั้งหมดเพียงเพราะต้องการเธอมาเคียงกายเท่านั้น
“อย่างที่บอกพิมพ์ชนก ถ้าเธอทำตัวดี ๆ ฉันจะเมตตาเธอ”
“ให้ตายเถอะ! สาไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ชายที่มาขอซื้อตัวนังข้าวจะหล่อเหลาปานเทพบุตรขนาดนั้น” สาวิกาพูดอย่างหัวเสีย หล่อนเริ่มรู้สึกอิจฉาพิมพ์ชนกที่ได้ไปอยู่กับมหาเศรษฐีหนุ่มหน้าหล่อหุ่นล่ำ
“ให้หล่อแค่ไหนแต่ถ้านิสัยโหดร้าย ขอบายย่ะ” มารตีเบ้ปาก คิดแล้วยังเคืองไม่หาย กล้าดียังไงมาทำกิริยารังเกียจเธอออกนอกหน้า ผู้หญิงสวยเซ็กซี่อย่างเธอมีแต่ผู้ชายหมายปองทั้งนั้น
“ตอนแรกที่แม่บอก สาก็หลงคิดว่าจะเป็นพวกตาแก่ตัณหากลับ อ้วนลงพุงหน้าตาเกรอะกรัง โอ๊ย! ถ้ารู้ว่าหล่อระเบิดขนาดนี้นะ สาจะขอไปแทนนังข้าวเองซะเลย” สาวิกายังไม่เลิกเพ้อถึงชายหนุ่ม
“ส่งมันไปดีแล้วลูก ผู้ชายคนนั้นน่ากลัวกว่าที่คิดนัก”
นงลักษณ์ เอ่ยขึ้นขณะยกแก้วชาขึ้นดื่ม
“ทำไมเหรอแม่ เขาเป็นมาเฟียเหรอ?”
สาวิกาถามด้วยความใคร่รู้
“แล้วแกคิดว่ายังไงล่ะ คนที่ทำธุรกิจมืดให้กลายเป็นสิ่งถูกกฎหมายได้ ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ร่ำรวยล้นฟ้ามากพร้อมด้วยบริวารขนาดนั้น แกคิดว่าคนอย่างเขาต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะมายืนถึงจุด ๆ นี้” คำบอกเล่าของมารดาสร้างความสั่นผวาให้บุตรสาวทั้งสอง โดยเฉพาะมารตี ดวงตาคู่นั้นคมกล้าน่ากลัว หล่อนไม่เคยพบชายใดให้ความรู้สึก
น่าเกรงขามเท่าเขามาก่อน
“แม่พูดถูก ผู้ชายอันตรายพรรณนั้นส่งนังข้าวไปน่ะถูกแล้ว เราเสียอีกที่น่าอิจฉา อยู่ดี ๆ ก็มีเงินลอยมาให้ใช้ตั้งร้อยล้านแหน่ะ”
มารตรียิ้มมุมปาก สาวิกาเริ่มคล้อยตาม
“ก็จริงแฮะ แล้วอีกห้าสิบล้านเขาจะโอนให้เราเมื่อไหร่ล่ะแม่”
สาวิกาตาวาวยามนึกถึงเม็ดเงินที่กำลังจะได้รับในเร็ว ๆ นี้
“แม่คิดว่าคงเป็นวันนี้แหละ ก็เขาได้ตัวนังข้าวไปแล้วนี่”
“ดีเลยแม่ ตรีกำลังอยากได้กระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นใหม่ล่าสุดอยู่พอดี คอยดูนะ ตรีจะถืออวดอีพวกที่ชอบเมาท์หาว่าตรีใช้ของก๊อปของมือสอง” มารตีพูดด้วยความเจ็บใจ
“สาด้วย สาเองก็อยากได้มือถือรุ่นใหม่เหมือนกัน ขอเงินไปเที่ยวด้วยนะแม่ อาทิตย์หน้าเพื่อน ๆ สานัดกันไปเที่ยวที่เกาหลี”
“เอาเลยลูก เงินเป็นของเรา พวกหนูอยากใช้อยากได้อะไรซื้อให้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวหมด เพราะถ้าหมดแม่ก็มีวิธีหาใหม่ได้”
แววตาของนงลักษณ์หมายมั่นบางสิ่งบางอย่าง
“แม่หมายความว่ายังไง?” มารตีวางมือจากนิตยสารแฟชั่นที่กำลังอ่านพลางจดจ้องมารดา สาวิกาก็เช่นกัน หล่อนหยุดให้ความสำคัญกับมือถือแล้วมองใบหน้ายิ้มร้ายของผู้ให้กำเนิด
“พวกแกไม่เห็นสายตาของผู้ชายคนนั้นยามที่มองนังข้าวหรอกหรือ หลงใหลออกปานนั้น ลองถ้าเจอลูกอ้อนมารยาหญิงเข้าไป มีหวังเสร็จทุกราย” น้ำเสียงภาคภูมิกล่าวอย่างมีเลศนัย มารตรีคิดตาม
“แม่อย่าบอกนะว่า… จะใช้นังข้าวเป็นสะพานสูบเงินจากอีตามาเฟียนั่น” นงลักษณ์ส่งยิ้มร้ายกาจแทนคำตอบ
“กรี๊ด! ข้อนี้สาเห็นด้วย แต่ว่า…”
“แต่อะไร?” มารตีตวัดเสียงห้วน
“อย่างนังข้าวน่ะหรือจะยอมปอกลอกใครเพื่อเรา”
ด้วยนิสัยของพิมพ์ชนกเป็นผู้หญิงใสซื่อและไม่คิดร้ายต่อผู้อื่น คงไม่ใช่เรื่องง่ายหากจะใช้หล่อนเป็นเครื่องมือ
“มันจะไปยากอะไร แค่ฉันทวงบุญคุณแล้วสร้างเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้มันสงสาร แค่นี้มันก็พร้อมทำทุกอย่างเพื่อพวกเราแล้ว” นงลักษณ์ไม่ได้วิตกแต่อย่างใด หล่อนตระเตรียมแผนการมาแล้วดิบดี
“จริงด้วย สาลืมไปว่านังนี่มันคนบ้าบุญคุณ”
สาวิกาหัวเราะเยาะพิมพ์ชนก ขนาดถูกมารดาของเธอเลี้ยงดูจิกหัวเยี่ยงคนใช้ อีกฝ่ายก็ยังบูชาแม่เลี้ยงราวกับนางฟ้านางสวรรค์
หึ! ช่างโง่บรมเสียจริง
“เป็นอย่างที่แม่เคยพูดไว้ไม่มีผิด เลี้ยงมันไปเถอะไม่เสียเปล่า นังเด็กคนนี้จะทำให้พวกเราสุขสบายไปทั้งชาติ” นงลักษณ์กล่าว สามแม่ลูกส่งเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข