บทที่ 1.2 - สาวน้อยผู้อ่อนไหว (ผู้หญิงของฉัน)

1270 Words
“เงินใช่ไหม?” ลูเซียโน่ถามเสียงเย็น อีกฝ่ายรีบพยักหน้ารับ “ไม่ต้องห่วง ฉันจะโอนเข้าบัญชีให้ตามที่ตกลงกันไว้” พูดจบลูเซียโน่ก็อุ้มร่างของพิมพ์ชนกขึ้นรถหรูทันที ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เหงื่อแตกพลั่กล้อมกรอบหน้าหวาน ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศไม่ได้ช่วยให้ร่างกายหายร้อนรุ่มเลยสักนิด “คะ คุณจะพาฉันไปไหน?” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว คนฟังรู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อย เขาไม่ต้องการให้เธอมองเขาเป็นผู้ร้าย ลูเซียโน่รั้งร่างพิมพ์ชนกแนบอก “จะทำอะไร ปล่อยฉัน อย่ามายุ่งกับฉันนะ!” เนื้อตัวสั่นเทิ้มน่าสงสาร เกิดมาไม่เคยถูกชายใดแตะเนื้อต้องตัวมากถึงเพียงนี้ “ถ้าเธอทำตัวดี ๆ ฉันจะเมตตาเธอพิมพ์ชนก” เขากระซิบชิดใบหูขาวสะอาด หญิงสาวส่ายหน้าพลางร้องไห้ สองแก้มนวลเปียกชื้นคราบน้ำตา “ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันขอร้อง” เพียงแค่คิดว่าถูกขายเพื่อบำเรอตัณหาให้แก่เขา หัวใจดวงน้อยพลันปวดร้าว เจ็บเสียยิ่งกว่าตายทั้งเป็น “อย่าปฏิเสธความปรารถนาดีที่ฉันมอบให้ ฉันไม่ชอบให้ใครขัดใจ” ไม่พูดเปล่า ลูเซียโน่ถือวิสาสะหอมแก้มแดงระเรื่อ เขาหักห้ามใจไม่อยู่เมื่อได้ใกล้ชิด กลิ่นกายของเธอเย้ายวนเกินใคร “คนเลว!” น้ำเสียงสั่นเครือด่าทอ คนถูกด่ากลับยิ้มชอบใจ “ต้องให้กระตุ้นสินะ ถึงจะเลิกทำท่าทางหงอเป็นแมว” เขาหัวเราะในลำคอ พิมพ์ชนกอยากฆ่าเขานัก “ฉันไม่ได้เต็มใจ ทำไมคุณไม่ไปหาคนอื่น” “ก็ถ้าฉันต้องการคนอื่น ฉันคงไม่บ้าหอบเงินมาซื้อเธอตั้งร้อยล้านหรอกสาวน้อย” “ระ ร้อยล้าน!” พิมพ์ชนกตกตะลึงกับจำนวนเงินที่ได้รู้ “ทำไม ถึงกับพูดไม่ออกเชียวหรือ ค่าตัวเธอไม่ใช่ถูก ๆ เลยนะ” เขาพูดแล้วยิ้มกว้าง คนฟังคิดไปไกลว่าเขากำลังดูถูก “ฉันไม่เคยอยากได้เงินของคุณ ฉันไม่ได้เต็มใจขายตัว!” สาวน้อยตะโกนทั้งน้ำตา สามแม่ลูกคงมีความสุขบนกองเงินกองทอง ผิดกับเธอที่ต้องทนทุกข์ทรมานแทบขาดใจ “แต่ป้าเธอขายเธอให้ฉันแล้ว” “แต่ฉันไม่เต็มใจ” หล่อนยืนกรานคำเดิมหนักแน่น “ฉันไม่สนว่าเธอจะเต็มใจหรือไม่ ขายคือขาย ต่อไปนี้เธอคือผู้หญิงของฉันโดยสมบูรณ์!” คำว่า ผู้หญิงของฉัน ไม่ต่างอะไรกับเงื้อมมือมัจจุราชที่พุ่งตรงเข้ามากระชากวิญญาณของเธอออกจากร่าง พิมพ์ชนกส่ายหน้า ไม่ยอมรับสถานะที่เขายัดเยียดให้ “อย่าคิดต่อต้าน เพราะเธอไม่มีวันหลีกหนีฉันพ้น!” “ได้โปรดเถอะค่ะ” เมื่อรู้ว่าใช้ไม้แข็งไม่ได้ผล เธอจึงลองเปลี่ยนมาอ้อนวอน สองมือยกไหว้ผู้ชายตัวโต “ปล่อยฉันไปเถอะนะ” ภาพตรงหน้าบาดลึกหัวใจลูเซียโน่เหลือเกิน เขาไม่ได้อยากถูกมองเป็นผู้ร้าย ที่ทำลงไปทั้งหมดเพียงเพราะต้องการเธอมาเคียงกายเท่านั้น “อย่างที่บอกพิมพ์ชนก ถ้าเธอทำตัวดี ๆ ฉันจะเมตตาเธอ” “ให้ตายเถอะ! สาไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ชายที่มาขอซื้อตัวนังข้าวจะหล่อเหลาปานเทพบุตรขนาดนั้น” สาวิกาพูดอย่างหัวเสีย หล่อนเริ่มรู้สึกอิจฉาพิมพ์ชนกที่ได้ไปอยู่กับมหาเศรษฐีหนุ่มหน้าหล่อหุ่นล่ำ “ให้หล่อแค่ไหนแต่ถ้านิสัยโหดร้าย ขอบายย่ะ” มารตีเบ้ปาก คิดแล้วยังเคืองไม่หาย กล้าดียังไงมาทำกิริยารังเกียจเธอออกนอกหน้า ผู้หญิงสวยเซ็กซี่อย่างเธอมีแต่ผู้ชายหมายปองทั้งนั้น “ตอนแรกที่แม่บอก สาก็หลงคิดว่าจะเป็นพวกตาแก่ตัณหากลับ อ้วนลงพุงหน้าตาเกรอะกรัง โอ๊ย! ถ้ารู้ว่าหล่อระเบิดขนาดนี้นะ สาจะขอไปแทนนังข้าวเองซะเลย” สาวิกายังไม่เลิกเพ้อถึงชายหนุ่ม “ส่งมันไปดีแล้วลูก ผู้ชายคนนั้นน่ากลัวกว่าที่คิดนัก” นงลักษณ์ เอ่ยขึ้นขณะยกแก้วชาขึ้นดื่ม “ทำไมเหรอแม่ เขาเป็นมาเฟียเหรอ?” สาวิกาถามด้วยความใคร่รู้ “แล้วแกคิดว่ายังไงล่ะ คนที่ทำธุรกิจมืดให้กลายเป็นสิ่งถูกกฎหมายได้ ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ร่ำรวยล้นฟ้ามากพร้อมด้วยบริวารขนาดนั้น แกคิดว่าคนอย่างเขาต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะมายืนถึงจุด ๆ นี้” คำบอกเล่าของมารดาสร้างความสั่นผวาให้บุตรสาวทั้งสอง โดยเฉพาะมารตี ดวงตาคู่นั้นคมกล้าน่ากลัว หล่อนไม่เคยพบชายใดให้ความรู้สึก น่าเกรงขามเท่าเขามาก่อน “แม่พูดถูก ผู้ชายอันตรายพรรณนั้นส่งนังข้าวไปน่ะถูกแล้ว เราเสียอีกที่น่าอิจฉา อยู่ดี ๆ ก็มีเงินลอยมาให้ใช้ตั้งร้อยล้านแหน่ะ” มารตรียิ้มมุมปาก สาวิกาเริ่มคล้อยตาม “ก็จริงแฮะ แล้วอีกห้าสิบล้านเขาจะโอนให้เราเมื่อไหร่ล่ะแม่” สาวิกาตาวาวยามนึกถึงเม็ดเงินที่กำลังจะได้รับในเร็ว ๆ นี้ “แม่คิดว่าคงเป็นวันนี้แหละ ก็เขาได้ตัวนังข้าวไปแล้วนี่” “ดีเลยแม่ ตรีกำลังอยากได้กระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นใหม่ล่าสุดอยู่พอดี คอยดูนะ ตรีจะถืออวดอีพวกที่ชอบเมาท์หาว่าตรีใช้ของก๊อปของมือสอง” มารตีพูดด้วยความเจ็บใจ “สาด้วย สาเองก็อยากได้มือถือรุ่นใหม่เหมือนกัน ขอเงินไปเที่ยวด้วยนะแม่ อาทิตย์หน้าเพื่อน ๆ สานัดกันไปเที่ยวที่เกาหลี” “เอาเลยลูก เงินเป็นของเรา พวกหนูอยากใช้อยากได้อะไรซื้อให้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวหมด เพราะถ้าหมดแม่ก็มีวิธีหาใหม่ได้” แววตาของนงลักษณ์หมายมั่นบางสิ่งบางอย่าง “แม่หมายความว่ายังไง?” มารตีวางมือจากนิตยสารแฟชั่นที่กำลังอ่านพลางจดจ้องมารดา สาวิกาก็เช่นกัน หล่อนหยุดให้ความสำคัญกับมือถือแล้วมองใบหน้ายิ้มร้ายของผู้ให้กำเนิด “พวกแกไม่เห็นสายตาของผู้ชายคนนั้นยามที่มองนังข้าวหรอกหรือ หลงใหลออกปานนั้น ลองถ้าเจอลูกอ้อนมารยาหญิงเข้าไป มีหวังเสร็จทุกราย” น้ำเสียงภาคภูมิกล่าวอย่างมีเลศนัย มารตรีคิดตาม “แม่อย่าบอกนะว่า… จะใช้นังข้าวเป็นสะพานสูบเงินจากอีตามาเฟียนั่น” นงลักษณ์ส่งยิ้มร้ายกาจแทนคำตอบ “กรี๊ด! ข้อนี้สาเห็นด้วย แต่ว่า…” “แต่อะไร?” มารตีตวัดเสียงห้วน “อย่างนังข้าวน่ะหรือจะยอมปอกลอกใครเพื่อเรา” ด้วยนิสัยของพิมพ์ชนกเป็นผู้หญิงใสซื่อและไม่คิดร้ายต่อผู้อื่น คงไม่ใช่เรื่องง่ายหากจะใช้หล่อนเป็นเครื่องมือ “มันจะไปยากอะไร แค่ฉันทวงบุญคุณแล้วสร้างเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้มันสงสาร แค่นี้มันก็พร้อมทำทุกอย่างเพื่อพวกเราแล้ว” นงลักษณ์ไม่ได้วิตกแต่อย่างใด หล่อนตระเตรียมแผนการมาแล้วดิบดี “จริงด้วย สาลืมไปว่านังนี่มันคนบ้าบุญคุณ” สาวิกาหัวเราะเยาะพิมพ์ชนก ขนาดถูกมารดาของเธอเลี้ยงดูจิกหัวเยี่ยงคนใช้ อีกฝ่ายก็ยังบูชาแม่เลี้ยงราวกับนางฟ้านางสวรรค์ หึ! ช่างโง่บรมเสียจริง “เป็นอย่างที่แม่เคยพูดไว้ไม่มีผิด เลี้ยงมันไปเถอะไม่เสียเปล่า นังเด็กคนนี้จะทำให้พวกเราสุขสบายไปทั้งชาติ” นงลักษณ์กล่าว สามแม่ลูกส่งเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD